โฆษกพรรคเพื่อไทย “พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” ออกโรงติงคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. บางคน หากจะร้องเรียนอะไรเข้ามาอย่าให้มันเลยเถิด และอย่านำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ชี้กรณีของสมาคมฟุตบอลฯ และ “นายกยี” วรวีร์ มะกูดี ไม่ควรก้าวล่วงหรือละเมิดอำนาจศาล ขอร้องอย่าใช้อำนาจของกรรมาธิการ ป.ป.ช. เป็นเครื่องมือไปทำลายใคร พร้อมเตือนสติ การเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติควรมีจริยธรรม และจรรยาบรรณ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นข่าวการที่คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ได้เชิญนายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มาชี้แจงในเรื่องของการชำระภาษีประจำปี ซึ่งอำนาจหน้าที่ของ กมธ.ป.ป.ช. สามารถตรวจสอบได้ตามที่มีการร้องเรียนมาจากประชาชน หรือสมาชิกแจ้งเข้ามา กรณีของสมาคมฟุตบอลฯ และนายวรวีร์ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการเข้ามาชี้แจง และให้ข้อมูลเอกสารต่างๆ ที่ กมธ.ป.ป.ช. ต้องการ แต่ตนเป็นห่วงเรื่องที่มีคณะกรรมาธิการชุดนี้บางท่านนำการเมืองมายุ่งเกี่ยว หรือการให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าสมาคมฟุตบอลฯ และนายกสมาคมกระทำผิดกฎหมาย จนถึงขั้นต้องยุบสมาคม เพราะนั่นคือความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ออกไปจาก กมธ. ป.ป.ช.แต่อย่างใด

รองประธาน กมธ.ป.ป.ช.กล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการชุดนี้มีทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ส.ฝ่ายค้าน การตรวจสอบก็เป็นไปตามคำร้อง เป็นไปตามปกติของบทบาทหน้าที่ ตนรู้สึกไม่สบายใจที่มีการโยงไปเกี่ยวกับเรื่องการเมือง โดยเฉพาะเรื่องยุบสมาคมฟุตบอลฯ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากมีอะไรที่ผิดปกติหรือไม่ถูกต้อง ก็เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างการกีฬาแห่งประเทศไทย เพราะมีกฎข้อบังคับรองรับอยู่แล้ว การที่กรรมาธิการบางท่านไปสัมภาษณ์กับสื่อเช่นนั้น มันมีผลกระทบโดยตรงต่อ กมธ.ป.ป.ช. ตนไม่อยากให้เป็นเรื่องของการโจมตี หรือการเอาชนะคะคานกันเป็นการส่วนตัว ควรจะฟังมติที่ประชุมของ กมธ.ป.ป.ช.บ้าง มิฉะนั้นจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและเข้าใจผิด อย่างในสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์กก็มีการวิจารณ์กันอย่างมากมาย หากมีเรื่องต้องการจะตรวจสอบ หรืออยากได้เอกสารเพิ่มเติมก็ให้ขอผ่านที่ประชุม กมธ.ป.ป.ช.

“อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากเตือนกรรมาธิการบางคน จะพูดอะไรก็ให้มีประเด็นหารือในที่ประชุมด้วย ไม่ควรพูดนอกเหนือจากที่ประชุมกัน การตรวจสอบก็ให้อยู่ในกระบวนการ ไม่ใช่ว่าจบเรื่องนี้แล้วก็งัดเอาเรื่องใหม่มาฟ้องร้องให้มีตรวจสอบกันอีก ก็ไม่มีทางจบง่ายๆ มันดูเหมือนเป็นการใช้คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. เป็นเครื่องมือในการจ้องทำลายผู้อื่น ผมรู้สึกไม่สบายใจ เราเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ควรมีจริยธรรม และจรรยาบรรณ” นายพร้อมพงศ์กล่าว.