พูดถึงกีฬาฟุตบอล หรือซอคเก้อร์ของพวกมะกัน ส่วนใหญ่มักใส่ใจกับตำแหน่งกองหน้า ไม่ว่าจะเรื่องอะไรหรือทำอะไรมีแต่คนพูดถึงผู้เล่นแนวรุกเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็พร่ำพรรณาถึงนักเตะในตำแหน่งจอม บางครั้งก็เรียกเท่ๆ ว่า เพลย์เมกเกอร์ ไม่มีใครปฎิเสธว่าตำแหน่งเหล่านี้มีความสำคัญกับทีมมากๆ แต่หากขาดแนวรับที่ไว้ใจได้ ต่อให้ยิงแทบตายก็ยากที่จะชนะ

              วันนี้เราจะมาพิจารณาตำแหน่งของฟูลแบ็กทั้งซ้าย และขวา ที่มีส่วนสำคัญต่อเกมรับของทีม รวมทั้งเกมรุก ด้วย บรรดาผู้เล่นเหล่านี้มีความสำคัญกับผลแพ้ชนะของทีมเลยทีเดียว บางครั้งเวลาที่กองกลางกับกองหน้าไม่สามารถเจาะเกมรับคู่แข่งได้ บรรดาฟูลแบ็กนี่แหละจะเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่การระเบิดตาข่าย สัปดาห์นี้มาพิจารณาว่านักเตะคนไหนบ้างที่ผู้คนกล่าวขวัญให้เป็นโคตรแบ็กยุค มิลเลนเนียม

10. อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ  (เซอร์เบียร์ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
              แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถอนขนหน้าแข้งเสี่ยน้ำมันจำนวน 29. 32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 879.6 ล้านบาท) ให้กับ ลาซิโอ เพื่อกระชากตัว แบ็กซ้ายทีมชาติเซอร์เบียเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2010 นี่ถือเป็นการเซ็นสัญญาครั้งนี้ถือว่าคุ้มแสนคุ้ม เพราะนอกจากจะได้ฟูลแบ็กจอมบุกชั้นเลิศแล้ว ยังได้นักเตะที่เล่นเกมรับได้ดี รวมทั้งมีทีเด็ดตรงที่ลูกฟรีคิกสุดฉมัง

             สมัยที่ค้าแข้งในลีกเมืองมะกะโรนี โคลารอฟ ได้รับฉายาว่า "โรเบอร์โต้ คาร์ลอส แห่งเซอร์เบีย" ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นผลงานการผลิตประตูของ "เรือใบสีฟ้า" ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดบอลที่แม่นยำ และการซัดฟรีคิกที่ยอดเยี่ยมของเขา และนั่นคือเหตุผลที่ แมนฯ ซิตี้ ผงาดครองโทรฟี่พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

9. เฟลิเป้ (บราซิล และ แอตเลติโก มาดริด)
            ทัพ "ตราหมี" กระชากตัว เฟลิเป้ มาจาก เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า ในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 โดยดาวเตะเลือดบราซิเลียน เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับความสนใจอยากมากในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ แอต. มาดริด ถึงอยากได้ เฟลิเป้ มากระชากลากเลื้อยในตำแหน่งฟูลแบ็ก ซึ่งงานนี้ต้องบอกว่าทีมไม่มีผิดหวัง เพราะนักเตะสามารถป่วนเกมรับของคู่แข่งได้ตลอด โดยเฉพาะเวลาที่เข้าไปในกรอบเขตโทษ

             ความเก่งของ เฟลิเป้ ทำให้เจ้าตัวมีชื่อติดทีมชาติบราซิล ชุดฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ อย่างไรก็ตาม นักเตะดันได้รับบาดเจ็บขาหนักในฤดูกาล 2009-10 ทำให้อดไปเล่นในทัวร์นาเมนต์ที่แดนซาฟารีอย่างน่าเสียดาย แต่ตอนนี้นักเตะฟิตเปรี๊ยะและพร้อมที่จะนำ แอต. มาดริด ประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้แล้ว

8. บาการี่ ซาญ่า (ฝรั่งเศส และ อาร์เซน่อล)
             ตอนที่ ซาญ่า ย้ายจาก โอแซร์ มาอยู่ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อปี 2007 ดาวเตะทรงผมขัดใจแม่ ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นนัก แต่กระนั้นเจ้าตัวไม่เคยท้อถอย และพยายามพัฒนาฝีเท้าจนตอนนี้กลายมาเป็นนักเตะที่ได้รับการย่กย่องอย่างมาก โดยจุดเด่นของ แบ็กผิวสีรายนี้ก็คือการเติมเกมรุก แม้ว่าจะไม่ได้รวดเร็วเหมือนกับ ดั๊กลาส ไมค่อน และ ดาเนี่ยล อัลเวส ก็ตาม แต่เขาก็ถือเป็นผู้เล่นที่สามารถไว้วางใจได้ทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติ

7. เซร์คิโอ รามอส (สเปน และ เรอัล มาดริด)
           ผล ผลิตจากศูนย์ฝึกเยาวชนของ เซบีย่า ก่อนจะโชว์ฟอร์มเตะตาจน เรอัล มาดริด ต้องกระชากตัวมาร่วมทีม โดยก่อนหน้านั้น รามอส ถูกจับให้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก ก่อนจะพัฒนามาเล่นตำแหน่งแบ็กขวา ต้องยอมรับเลยว่าความสำเร็จของ "ราชันชุดขาว" กับทีมชาติสเปน ส่วนหนึ่งมาจากความแข็งแกร่งในเกมรับ และเกมรุกของดาวเตะมาดศิลปินรายนี้ ที่สำคัญ รามอส ยังถือเป็นกองหลังจอมทำประตูเช่นกัน โดยเฉพาะตอนเล่นให้ เรอัล เจ้าตัวมักขึ้นมาส่องประตูคู่แข่งได้บ่อยๆ เลยทีเดียว

6. เกล็น จอห์นสัน (อังกฤษ และ ลิเวอร์พูล)
          นี่ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่สุดยอดสำหรับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2009 โดย จอห์นสัน จำใจต้องอำลาพอร์ทสมัธ เนื่องจากสโมสรมีปัญหาด้านการเงิน ทำให้เขาเลือกที่จะมาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ และก็เป็นการเลือกที่ไม่ผิดหวัง เมื่อ จอห์นสัน ยึดตำแหน่งตัวจริงในตำแหน่งฟูลแบ็กแบบถาวร

           อดีตเด็กปั้นเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นผู้เล่นที่มีทักษะในเกมรับที่ดีเยี่ยม ส่วนเกมรุกก็ไม่น้อยหน้าด้วยความรวดเร็วของเขาสามารถปั่นป่วนคู่แข่งได้เสมอ อย่างไรก็ตาม นักเตะมีเรื่องให้เสื่อมเสียตรงที่เคยโดนปรับเงินสมัยที่ค้าแข้งกับ พอร์ทสมัธ ด้วยข้อหาขโมยฝาลองชักโครกจากร้านขายของ มลทินประจำตัวที่ลบเลือนไม่ได้

5. ปาทริซ เอวร่า (ฝรั่งเศส และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
             นี่คือคู่แข่งตัวเอ้ของ แอชลี่ย์ โคล ในตำแหน่งแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลก เอวร่า มันสร้างความยากลำบากให้กับคู่แข่งเวลาที่เปิดเกมรุก โดยเจ้าตัวมักจะกระชากบอลขึ้นไปจนถึงแดนกลางก่อนที่จะเปิดหรือผ่านบอลที่ เฉียบคมให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู

              เอวร่า ยึดตำแหน่งตัวจริงของ "ผีแดง" และทีมชาติฝรั่งเศส แบบถาวรมาตลอด ส่งผลให้ กาแอล กลิชี่ ต้องหลุดไปนั่งตบยุ่งในซุ้มม้านั่งสำรองของทัพ "ตราไก่" แต่กระนั้นตราบาปของ แข้ง "เร้ด เดวิลส์" หนีไม่พ้นตอนที่โดนตราหน้าว่าเป็นหัวหน้าแก๊งก่อกบฎใน "เลส์ เบลอส์" ในศึกเวิลด์ คัพ  ฉบับซาฟารี เมื่อ 2 ปีก่อน

4. ฟิลิปป์ ลาห์ม (เยอรมนี และ บาเยิร์น มิวนิค)
             หนึ่งในผู้เล่นที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับทีมชาติเยอรมนี ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา ลาห์ม เป็นผู้เล่นตำแหน่งฟูลแบ็กที่พร้อมเปิดเกมรุกให้กับทีมตลอดเวลา ที่สำคัญเจ้าตัวยังมีความสามารถหลากหลายทั้งกระชากบอลไปยิงประตูด้วยตัวเอง รวมทั้งผ่านบอลได้อย่างแม่นยำทั้งสองเท้า ซึ่งทุกคนคงได้เห็นกันบ่อยๆ ยามที่เจ้าตัวสวมยูนิฟอร์ม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค

3. แอชลี่ย์ โคล (อังกฤษ และ เชลซี)
             โคล เป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาที่สามารถไล่บี้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมถล่มประตู ได้อย่างสนุกสูสี ย้อนไปตอนเกม ยูโร 2004 โคล เป็นหนึ่งในนักเตะที่เล่นได้ดีที่สุดของ อังกฤษ ในการสู้กับ "เจ็ทโด้" อย่างสนุกสูสี จากวันนั้นถึงวันนี้ เจ้าตัวพัฒนาฟอร์มการเล่นอย่างต่อเนื่องจนได้รับการยกย่องให้เป็นแบ็กซ้าย ที่เก่งที่สุดในโลก  เขาสามารถเติมเกมรุก, ยิงประตู  และผ่านบอลในจังหวะได้เสีย ต้องยอมรับว่าในยุคนี้ "แอชโคล" คือฟูลแบ็กที่ครบเครื่องจริงๆ

 


2. ดั๊กลาส ไมค่อน (บราซิล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
              ครั้งหนึ่ง ไมค่อน ได้รับการยกย่องให้เป็นแบ็กขวาที่เก่งที่สุดในโลก โดยเฉพาะตอนที่ค้าแข้งกับ อินเตอร์ มิลาน โดยเขาเป็นหนึ่งในแข้งทริปเบิ้ลแชมป์ของ "งูใหญ่" ในฤดูกาล 2009-10 ในนามทัพ "เซเลเซา" ไม่ต้องห่วงเลยว่าเขาเป็นตัวเลือกแรกอย่างสม่ำเสมอ โดยจุดเด่นของนักเตะอยู่ที่การเล่นเกมบุกอย่างดุดัน ผ่านบอลที่เฉียบคม และมีลูกยิงที่หนักหน่วง

              อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ไมค่อน เริ่มฟอร์มตกอย่างน่าใจหายเนื่องจากโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาม ส่งผลให้ยังไม่มีโอกาสได้โชว์ฝีเกือกกับ แมนฯ ซิตี้ ต้นสังกัดล่าสุด และนั่นก็กลายเป็นห่วงโซ่แห่งความโชคร้ายที่มีผลต่อตำแหน่งในทีมชาติที่ต้อง หลุดไปโดยปริยาย และไม่แน่ว่าหายเจ็บกลับมาแล้วจะแย่งตำแหน่งกับ อัลเวส ได้หรือเปล่า  งานนี้ต้องรอดูกันต่อไป

1. ดาเนี่ยล อัลเวส (บราซิล และ บาร์เซโลน่า)
             ก่อนหน้านี้ อัลเวส ได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้เล่นที่โชคร้ายที่ต้องมาเกิดในยุคเดียวกับ ไมค่อน เพราะทั้งคู่เล่นในตำแหน่งแบ็กขวาเหมือนกัน แน่นอนว่าในการเล่นให้ บาร์ซ่า ไม่มีใครแย่งตัวจริงจากเขาไปได้ แต่กับ บราซิล เจ้าตัวต้องนั่งดู ไมค่อน โลดแล่นบนสังเวียนหญ้าเป็นประจำ และก็ได้แต่ทนกล่ำกลืนกับสถานการณ์ดังกล่าว

             อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตัวจริงในทัพ "เซเลเซา" เป็นของ อัลเวส แล้ว เนื่องจาก ไมค่อน มีปัญหาบาดเจ็บรุมเร้า แต่อย่างว่าหากนักเตะไม่เก่งจริงก็ไม่มีทางที่จะได้รับเกียรติติดธงทีมชาติ อัลเวส เป็นแบ็กความเร็วสูง เปิดบอลได้แม่นยำ มีทีเด็ดก็คือลูกยิงฟรีคิกที่หนักหน่วง และนั่นทำให้เขามีชื่อเป็นผู้ทำประตูอย่างน้อย 4-5 ลูกต่อฤดูกาล ย้อนไปในอดีต เซบีย่า เซ็นสัญญากับเขามาจากดินแดนกาแฟด้วยค่าตัวแสนถูก 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 30 ล้านบาท) แต่ตอนขายให้ "เจ้าบุญทุ่ม" เมื่อปี 2008 ขอบอกว่าได้กำไรมหาศาลหลายสิบเท่าเลยทีเดียว