เชลซี ประกาศว่าสโมสรทำกำไรได้ 1.4 ล้านปอนด์ ในปีงบประมาณที่นับจนถึงสิ้นสุดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และนี่นับเป็นหนแรกตั้งแต่ปี 2003 ที่พวกเขามีตัวเลขสีเขียวหลังจบปีงบประมาณ โดยสาเหตุหลักที่ส่งผลดีต่อตัวเลขในบัญชี มาจากการที่ "สิงห์บลูส์" ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่นก่อน ขณะที่ รอน กูร์เลย์ ซีอีโอของทีม เปิดอก นี่คือความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมพอๆ กับการได้แชมป์เลยทีเดียว

เชลซี ยอดสโมสรแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า พวกเขาสามารถทำกำไรในปีงบประมาณที่นับจนถึงสิ้นสุดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้ 1.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 70 ล้านบาท) ซึ่งนี่นับเป็นครั้งแรกที่ "สิงห์บลูส์" สามารถทำกำไรได้ นับตั้งแต่ที่ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซีย เข้ามาซื้อสโมสรในปี 2003

ตัวเลขดังกล่าว นับเป็นผลประกอบการที่ดีมากสำหรับยอดทีมแห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เนื่องจากเมื่อปีก่อนพวกเขาต้องขาดทุนถึง 67.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,385 ล้านบาท) เลยทีเดียว โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้ เชลซี สามารถทำกำไรได้ในปีงบประมาณล่าสุด เป็นเพราะทีมของกุนซือ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ได้แชมป์ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2011-12 มาครองนั่นเอง

ทั้งนี้ เชลซี ระบุว่า ตัวเลขของกำไรที่ทำได้คือสิ่งที่ส่งผลให้สโมสรอยู่ในสถานะที่ดีในการปฏิบัติตตามกฎไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ (กฎควบคุมด้านการเงินสำหรับสโมสรในยุโรป) ของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ที่จะมาถึงในอนาคต โดยกฎดังกล่าวนั้นบังคับให้สโมสรต่างๆ ต้องควบคุมการขาดทุนของพวกเขาให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วสโมสรนั้นๆ ก็จะเสี่ยงต่อการถูกขับออกจากรายการระดับทวีปยุโรป อาทิ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในที่สุด

ด้าน รอน กูร์เลย์ ประธานบริหารของ เชลซี กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า การทำกำไรได้คือความสำเร็จครั้งใหญ่ของสโมสร เช่นเดียวกับการได้แชมป์มาครอง "ในปีนี้ เราประสบความสำเร็จกับเรื่องในสนาม จากการที่เราเป็นทีมในกรุงลอนดอนทีมแรก ที่ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และเราก็ยังเพลิดเพลินกับเรื่องนอกสนามเช่นกัน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเพิ่มเงินการลงทุนสู่ทีมได้ ความท้าทายครั้งใหญ่คือการมีทีมที่ประสบความสำเร็จกับเรื่องในสนามอยู่เสมอ จากการคว้าแชมป์มาครองให้ได้ รวมถึงการทำกำไรให้ได้ในเวลาเดียวกัน"

นอกจากจะได้ถ้วย "บิ๊กเอียร์" มานอนกอดเมื่อซีซั่นก่อนแล้วนั้น เชลซี ยังได้แชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองเช่นกัน และความสำเร็จทั้งหมดก็ช่วยให้พวกเขาเพิ่มผลประกอบการเป็น 255.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 12,785 ล้านบาท) ซึ่งยอดทีมแห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ กล่าวว่า นี่ทำให้พวกเขากลายเป็นสโมสรใหญ่ในทวีปยุโรปที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 5 ประจำปีงบประมาณที่ผ่านมาเลยทีเดียว โดยอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการของทีมพุ่งสูง มาจากการที่สโมสรทำกำไรในด้านการซื้อ-ขายนักเตะได้ 28.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,440 ล้านบาท) ด้วยกัน