ตลก ''โป๊งเหน่ง'' ควงภรรยา ''หมู-สมญา'' นำพวงมาลัยขอขมา ''ยายอ้อย'' แม่บังเกิดเกล้าหลังไม่มีเวลาดูแลจนทำให้หญิงชราน้อยใจและตัดสินใจหนีออกจากบ้านมาอยู่วัดในที่สุด ดาวตลกลั่นต่อจากนี้จะดูแลมารดาให้ดีที่สุดเพราะหวั่นกรรมตามสนอง ด้าน ''ยายอ้อย'' ปล่อยโฮหนัก! ก่อนเผยกับลูกชายในไส้ว่าอย่ารังเกียจตน และต่อจากนี้จะไม่เรียกร้องขออะไรอีกแล้ว ขณะที่ลูกสะใภ้เผยต่อจากนี้จะดูแลแม่ผัวยิ่งแม่แท้ๆ ของตนอีกด้วย

    หลังจากที่เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 55 ดาวตลก ''โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม'' หรือ ''นายวลัชณัฏฐ์ ก้องภพฐิตารีย์'' ได้จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณี ''ยายอ้อย'' นางณัฐกนก วันเพ็ญ ออกมาเปิดเผยว่าไม่ยอมส่งเสียค่าเลี้ยงดูจนทำให้ ''ยายอ้อย'' ต้องออกจากบ้านมาอยู่วัด ซึ่งตลกหนุ่มได้เปิดเผยว่า ''ยายอ้อย'' เป็นแม่ของตนจริงก่อนชี้แจงว่าเหตุที่มารดาหนีออกจากบ้านเพราะตนขาดเวลาดูแลเอาใจใส่จนทำให้มารดาน้อยใจและหนีออกจากบ้านไปอยู่วัดในที่สุด โดยยืนยันว่าตนไม่เคยเอ่ยไล่แม่ออกจากบ้าน พร้อมเผยว่าในวันรุ่งขึ้นตนจะเกิดทะนงไปปรับความเข้าใจและขอขมาพร้อมจะรับกลับไปอยู่บ้านกับตนและครอบครัว
     
    ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 55 ณ วัดพระยาสุเรนทร์ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา ''โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม'' ได้ควงแขนภรรยาสุดที่รัก ''หมู-สมญา'' นำพวงมาลัยเข้ากราบขอขมามารดาบังเกิดเกล้าวัย 70 ปี โดยมีบุคคลที่รู้จัก ''ยายอ้อย'' เป็นอย่างดีในขณะที่อยู่วัดมาให้กำลังใจอย่างเนืองแน่น ซึ่งตลกหนุ่มได้นั่งลงแทบเท้ามารดาบังเกิดเกล้า และกล่าวขอโทษขอขมากับ ''ยายอ้อย'' ว่าขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดขอให้แม่ให้อภัยตนด้วยพร้อมสัญญาว่าต่อจากนี้จะดูแลมารดาเป็นอย่างดี
     
    ''แม่ฟังผมนะเรื่องระหว่างแม่กับผมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ทำให้เราเข้าใจผิดกัน ผมรักผมแม่นะครับ แม่รักผมไหม วันนี้ผมมากราบขอโทษแม่นะครับที่ผมพูดอะไรผิดไปขอให้แม่ให้อภัยผมด้วยนะครับ ในวันนี้มีความตั้งใจที่จะมาขอโทษอยากจะมารับแม่นะ ผมจะมารับแม่กลับไปอยู่ที่บ้านแม่จะว่ายังไง วันนี้เมียผมก็ยังมาขอโทษแม่ด้วย แม่ก็คิดว่าเราเป็นแม่เป็นลูกกันกลับไปบ้านแล้วก็ไปนั่งคุยกันนะแม่นะ คือแม่บอกว่าผมไม่ค่อยมีเวลาที่จะดูแลแม่ แต่ต่อไปนี้ผมจะพยายามหาเวลามาดูแม่ให้มากที่สุดและก็จะทำให้แม่มีความสุขที่สุดแม่กลับอยู่บ้านกับผมนะ ผมขอโทษแม่นะครับ หลานๆ รออยู่นะ ที่ผ่านๆ มาไม่ต้องไปสนใจเนอะแม่เนอะ''
     
    ขณะที่ ''ยายอ้อย'' ได้เผยกับลูกชายสุดที่รักด้วยใบหน้าอาบน้ำตาว่า ตนให้อภัยหมดแล้ว พร้อมวอนลูกชายและครอบครัวอย่ารังเกียจตนอีกเลย และต่อจากนี้จะไม่เรียกร้องอะไรอีกแล้ว
     
    ''แม่ให้อภัยหมดแล้วอย่างรังเกียจแม่นะ ที่ผ่านมาแม่ขอโทษ ถามว่าอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่าคิดว่าเดี๋ยวลูกเขาก็จัดการให้เองแม่ไม่เรียกร้องอะไรแล้ว ได้ลูกคืนแล้วไม่เรียกแล้ว''
     
    ซึ่งหลังจาก ''ยายอ้อย'' กล่าวจบประโยคก็กอดลูกชายและปล่อยโฮอย่างเสียงดังทำเอาผู้อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับน้ำตาคลอและพากันเดินไปกับตลกดังพร้อมกล่าวว่า ''ยายเขาก็เหมือนกับเด็กที่ต้องการคนดูแล เขาก็อยากได้ความรักจากลูก'' ซึ่งตลกหนุ่มก็ได้ขานรับพร้อมพามารดาไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเพื่อพากลับบ้านในที่สุด
     
    โดยทั้งนี้ ''โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม'' และภรรยา ยังได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยว่า ตนรู้สึกเหมือนยกภูเขาใหญ่ออกจากอก และต่อจากนี้ตนก็หวังว่าจะมีสิ่งดีๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต
     
    ''รู้สึกว่าภูเขาลูกใหญ่ๆ ที่อยู่ในหัวใจของผมตอนนี้เท่ากับยกออกไปแล้ว ตอนนี้ผมโล่งใจและสบายใจมากที่ได้ทำในสิ่งที่แม่ต้องการแล้ว ซึ่งอย่างที่บอกว่าแกอยากให้ผมมารับกลับไปอยู่บ้านมีความสุขกัน อีกทั้งลูกสะใภ้ยังมาขอขมาเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไปก็ขอให้มันจบไปซึ่งต่อไปนี้เราจะไม่พูดเรื่องเก่าๆ แล้ว เราจะอยู่กันแบบครอบครัวมีความสุข อีกทั้งผมยังขอสัญญาว่าผมจะมีเวลาให้มากที่สุดและใกล้ชิดแก จะถามและดูแลแกเพื่อได้เข้าใจกันและเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นคิดว่าจากปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ เรื่องครอบครัว แต่ที่ปัญหาลุกลามใหญ่โตเพราะเราไม่ได้เข้าไปถามแม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นพอเขาไม่ได้บอกเราก็ไม่รู้ ทำให้คนแก่เขาน้อยใจเป็นของธรรมดา ซึ่งต่อไปนี้จะดูแลแกเป็นพิเศษ โดยจะพยายามให้มากที่สุดเลยครับ ถ้าว่างวันไหนจะรับแกไปเที่ยวไปกินข้าวด้วยกัน ผมอยากจะบอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า คำพูดของผมตรงนี้ถือเป็นสัญญาถ้าไม่ทำก็ตามข่าวได้ว่าหลังจากนี้ไป 3-4 เดือน ในครอบครัวของผมได้เคลื่อนไหวอะไรบ้าง ส่วนเรื่องที่คนมองว่าเราเป็นคนที่ไม่ดูแลแม่เลยผมว่าอย่าไปคิดว่าผมจะคิดยังไงให้คิดว่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจไปก็แล้วกันและเป็นตัวอย่างให้กับครอบครัวอื่นๆ คือถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับผมคนอื่นก็เอาไปเปรียบเทียบกับครอบครัวของตัวเองไม่ได้ อีกอย่างผมเป็นคนของประชาชนด้วยก็ยิ่งเปรียบเสมือนว่าเราเป็นตัวอย่างของสังคมด้วย''
     
    ขณะที่ ''หมู-สมญา'' ภรรยาดาวตลก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกไม่ดีกับ ''คุณแม่อ้อย'' เพราะตนถูกบังคับทำแท้งนั้นก็ได้ยืนยันว่าปัญหาทุกอย่างจะไม่มีอีกแล้ว เพราะตนเข้าใจว่า ''แม่อ้อย'' คือคนแก่ขี้น้อยใจ พร้อมลั่นว่าต่อจากนี้จะดูแลแม่อ้อยเหมือนแม่แท้ๆ อีกด้วย
      
    ''ไม่มีแล้วค่ะเราเข้าใจกันแล้ว ว่าแกคือคนแก่ น้อยใจ และก็ไม่หันหน้าคุยกับเรา เพราะแกจะน้อยใจว่าทำไมลูกสะใภ้ทำไมถึงไปไหนมาไหนกับลูกชายแกทุกวัน แม่เขาไม่รู้ว่าเราไปรับงานให้คุณโป๊งเหน่ง คือแกคิดว่าเราสบายแต่จริงๆ เราลำบากนะ เราเหนื่อยจริงๆ แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ก็ทำให้เราคิดได้ว่าเราเป็นลูกสะใภ้ควรจะดูแลแม่ผัวให้ดี แต่สามีก็เหมือนกับแม่เรา เราก็ควรจะดูแลแม่บ้างว่าต้องการอะไร อย่าให้แม่เข้าใจเราผิด''
     
    ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าได้พูดคุยกับแม่ไหมหากน้อยใจอะไรอีกจะไม่หนีจากบ้านมาอยู่วัด เกี่ยวกับเรื่องนี้ ''โป๊งเหน่ง'' บอกว่า ก็ต้องกลับไปพูดกันที่บ้าน แต่หาก ''แม่อ้อย'' จะกลับมาเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นี่บ้างตนก็จะมาส่ง
     
    ''ก็เดี๋ยวต้องกลับไปคุยกับแกดีๆ เพราะแกก็บอกแล้วว่าถ้าคิดถึงเพื่อนที่นี่ก็จะกลับมาหาเพื่อนบ้าง''
     
    ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวยังได้ถาม ''โป๊งเหน่ง'' ว่าหายน้อยใจเรื่องที่แม่ไม่เลี้ยงหรือยัง เกี่ยวกับเรื่องนี้ดาวตลกเผยได้เฉไฉไท่ตอบในเรื่องนี้ โดยบอกว่าขอให้ทิ้งเรื่องราวความหลังไปดีกว่า ซึ่งต่อจากนี้ตนจะพยายามดูแลมารดาให้ดีที่สุด''ผมว่าเรื่องความหลังเราทิ้งไปดีกว่า เรามาตั้งต้นดีกว่าว่าตั้งแต่วันนี้ไปเราจะทำใหม่เลย พยามทำให้ครอบครัวมีความสุขที่สุด และอีกอย่างนึงสำคัญเลยว่าผมไม่อยากให้ลูกผมมาเห็นสภาพแบบนี้ เดี๋ยวเด็กมันจะไปคิดในสิ่งที่ไม่ดีแล้วก็จะมองว่าทำไมเราทำแบบนี้ได้ เดี๋ยวเวรกรรมจะตามมา อันนี้สำคัญมากเพราะผมคิดเลยว่าเรื่องเวรเรื่องกรรมมันมีจริง''
     
    อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวยังได้ถาม ''โป๊งเหน่ง'' เกี่ยวกับเงิน 5 หมื่นบาทที่ ''ยายอ้อย'' เรียกร้องขอเพื่อนำไปใช้หนี้ว่าตนได้ทราบรายละเอียดแล้ว ซึ่งก็พร้อมที่จะเคลียร์ให้ เพราะอยากให้ท่านสบายใจ
     
    ''ตรงนี้ไม่ต้องห่วงครับ เพราะผมไปสืบมาแล้วว่าหนี้ 50,000 บาทที่เกิดขึ้นเป็นเงินของน้องชายแกเอง ซึ่งผมก็จะไปเคลียร์ให้เรียบร้อย เอาแกสบายใจ'' ด้าน ''หมู-สมญา'' ภรรยากล่าวเสริมเรื่องนี้ว่า ''เอาว่าถ้าแกอยากได้อะไรเราหาให้แกได้หมด''