รุด ฟาน นิสเตลรอย ตำนานหัวหอกเลือดดัตช์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มั่นใจว่าทีม "ปีศาจแดง" จะลอยลำเข้าวินคว้าแชมป์ลีกกลับมาครองได้แน่นอน ถ้าหาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ รักษาระดับผลงานถล่มประตูได้ต่อเนื่อง

รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตกองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ และตำนานยอดดาวยิงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยกย่อง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หัวหอกรุ่นน้องร่วมชาติ จะเป็นตัวแปรสำคัญในการช่วยให้ทีม "ปีศาจแดง" ทวงแชมป์พรีเมียร์ลีก กลับมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชี้เล่นกับทีมเหมือนอยู่มานาน แถมพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุก มั่นใจหาก "อาร์วีพี" รักษาผลงานแบบนี้ไว้ได้ รับรองถ้วยแชมป์ลีกผู้ดี กลับมาอยู่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แน่นอน
 
ฟาน นิสเตลรอย ตอนนี้แขวนสตั๋ดไปแล้ว ล่าสุดกลับมาเยือนโรงละครแห่งความฝัน เพื่อร่วมเป็นเกียรติ และสักขีพยานความสำเร็จของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่กุมบังเหียนทีม 26 ปีเต็มๆ และมีพิธีเปิดตัวรูปปั้นหน้าสนาม เมื่อวันศุกร์ที่ 23 พ.ย. โดย รุด กล่าวถึง ฟาน เพอร์ซี่ ว่า "อย่างที่เขากำลังแสดงให้เห็นอยู่ตอนนี้ โรบิน สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น ถ้าหากเขาทำได้แบบนี้ทั้งซีซั่น ผมว่า ยูไนเต็ด จะคว้าแชมป์ได้อีกแน่"
 
ตำนานหัวหอกวัย 36 ปี เคยเล่นกับ อาร์วีพี ในนามทีมชาติมาบ้าง และเขารู้ดีว่าเพราะอะไรการลงทุนมหาศาลสำหรับนักเตะอายุ 29 ปี แถมมีประวัติบาดเจ็บเรื้อรัง จึงไม่ได้เป็นการเสี่ยงเลย "เขาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าพวกเขานะคิดผิด ผมเคยอยู่กับเขาในทีมชาติ และเชื่อมั่นในฝีเท้าของเขาตั้งแต่ตอนนั้น เขาเหมาะกับสไตล์ของ ยูไนเต็ด เขาอยู่ไปทั่วสนาม มีส่วนร่วมกับเกม และจบสกอร์ นั่นทำให้เขาพิเศษ"
 
"ผมได้คุยกับเขาเมื่อนานมาแล้ว ผมแสดงความยินดีกับเขาสำหรับการออกสตาร์ตซีซั่นที่แสนวิเศษ ผมอวยพรให้เขาโชคดี และบอกเขาว่าเล่นให้ได้แบบนี้ไปเรื่อยๆ มันเหมือนกับว่าเขาอยู่กับทีมมานาน เขายิงประตูได้ทันที เขาประเดิมลูกแรกได้เร็ว และไม่ยอมหยุดเลย มันเป็นเรื่องสำคัญกับนักเตะกองหน้ามากที่ย้ายไปเล่นกับทีมใหม่ และยิงประตูได้ทันที" รุด กล่าว โดย อาร์วีพี กดไป 11 ลูกจาก 17 เกมกับ ยูไนเต็ด
 
รุด ยิงไป 150 ลูกจาก 219 เกม ที่เล่นระหว่างปี 2001-2006 แต่เขาจากทีมไม่สวย เพราะมีปัญหากับ เฟอร์กูสัน ซึ่งตอนนี้เคลียร์กันแล้ว "ผมจากทีมไปแบบกะทันหัน มันเป็นการลาจากที่น่าเศร้า เพราะผมไม่ได้มีโอกาสกล่าวขอบคุณแฟนบอล และทุกๆ คนที่ให้กำลังใจ และสนับสนุนผมตลอดช่วงเวลาหลายปีที่นั่น นี่เป็นปีแรกจาก 20 ปีที่ผมไม่ได้เล่นฟุตบอล แต่ผมมีความสุขดี ผมไม่ได้คิดถึงการเล่นฟุตบอล เพราะผมอยู่กับมันจนถึงที่สุด ในจุดที่รู้ว่าสมควรพอแล้ว"