ใบแดงเจ้าปัญหา และสถานีหน้าที่ชื่อ 'สิงค์โปร์'
Posted 15/12/2012 by goal.com
ในที่สุดทีมชาติไทยก็ผ่านเข้าสู่ 2 นัดสุดท้ายของการลุ้นตำแหน่งเบอร์หนึ่งของภูมิภาคอาเซียนได้สำเร็จ แต่พวกเขาพร้อมแล้วหรือไม่กับศึกสุดท้ายกับทีมสิงโตหางปลา?
เกมที่สนามศุภชลาศัย เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาจบลงด้วยความชื่นมื่นของแฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศ เมื่อขุนพลช้างศึกสามารถหักด่านเสือเหลือง มาเลเซีย เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เป็นสมัยที่ 6 ในรายการนี้ได้สำเร็จ พร้อมคว้าโอกาสที่จะขึ้นเป็นแชมป์สมัยที่ 4 เป็นทีมแรก เช่นเดียวกับสิงคโปร์คู่แข่งของอีกสายที่ผ่านฟิลิปปินส์มาได้แบบหนืดๆ ด้วยสกอร์รวมเพียง 1-0 จากเกมที่แฟนบอลต้องหาวแล้วหาวอีกตลอดทั้ง 180 นาที
ก่อนเกมรอบรองชนะเลิศจะเริ่มต้น คอบอลหลายคนที่ชมเกมเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ มาทุกนัดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ล้วนรู้ดีว่า มาเลเซียคือคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ และน่าเกรงขามที่สุดเท่าที่ไทยเคยเจอมาในทัวร์นาเมนต์นี้ พวกเขาคือเจ้าภาพร่วม มีขุมกำลังพร้อมและดีเกินพอในหลายๆ ตำแหน่ง รวมถึงมีแท็กติกร้ายๆ ที่พร้อมจะสร้างปัญหาให้ทุกทีมจากข้างสนามของ ดาโต๊ะ ราชโคปาล ซึ่งถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นได้ไม่สวยเลยด้วยการพ่ายสิงคโปร์ไป 3-1 ในนัดแรก แต่อีกสองนัดถัดมาก็ประคองตัวผ่านเข้ารอบมาได้แบบสบายๆ สมราคาเจ้าภาพและอีกหนึ่งทีมเต็งที่มีโอกาสเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ไม่แพ้ไทย
เกมแรกที่บูกิต จาลิล มาเลเซียแสดงให้เห็นแล้วว่าแท็กติกของราชโคปาลอันตรายแค่ไหน
พูดแบบไม่ได้เข้าข้างกัน มาเลเซียเป็นรองทีมชาติไทยอยู่หนึ่งขั้น ทั้งในแง่ความสามารถเฉพาะตัว ทีมเวิร์ค และความพร้อมเรื่องนักเตะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาบอบช้ำมาพอสมควรในรอบแรก วัน ซอค ไฮกอล ปีกตัวเก่งได้รับบาดเจ็บจนตอนแรกคาดกันว่าอาจไม่ได้ลงสนามอีกเลยตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ซาฟิอี ซาลิ ไม่สมบูรณ์พอเป็นตัวจริงในเกมพบไทย ยังไม่นับรวมขุนพลอีกหลายรายที่ถอนตัวไปตั้งแต่ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้น ทำให้เสือเหลืองตัวนี้เป็นเสือลำบากที่ส่วนหนึ่งต้องโทษพวกเขาเองที่ดันพลาดท่าพ่ายแพ้หมดรูปในนัดแรก จนต้องกระเสือกกระสนหนักในอีก 2 นัดถัดมา
ดาโต๊ะ ราชโคปาล กุนซือจอมวางแผนของมาเลเซีย ที่ใครจะประม่าทฝีมือไม่ได้เลย
ตรงข้ามกับทีมชาติไทยที่ผ่านเข้ารอบมาแบบสวยหรูชนะ 3 นัดรวด เก็บ 9 คะแนนเต็ม และมีโอกาสได้พักผู้เล่นตัวจริงในเกมสุดท้าย มาเลเซียกลับต้องขนชุดใหญ่ลงสนามแบบจัดเต็ม 100% จนกระทั่งเสียงนกหวีดสุดท้ายในเกมพบอินโดนีเซียดังขึ้น แต่เมื่อขึ้นชื่อว่า “เสือ” จะอย่างไรก็ยังเป็นเสือ พวกเขามีเขี้ยวเล็บพอที่จะแว้งกลับมากัดทีมชาติไทยได้ในทุกวินาที ตลอด 180 นาทีเต็มของทั้งสองเกมเหย้า-เยือน
เกมแรกที่บูกิต จาลิล มาเลเซียแสดงให้เห็นแล้วว่าแท็กติกของราชโคปาลอันตรายแค่ไหน พวกเขาปิดเกมรุกริมเส้นของทางฝั่งไทยได้อยู่หมัด ทำประตูขึ้นนำได้ก่อน จาก นูร์ชะห์รุล อิดลัน ศูนย์หน้าฟอร์มฝืดที่ไม่รู้ไปกินยาดีมาจากไหนถึงได้ฟอร์มแรงในนัดพบทีมชาติไทยเสียดื้อๆ รวมถึงมีโอกาสฝังทีมชาติไทยอีกหลายครั้ง หากไม่ได้กวิน ธรรมสัจจานันท์ คอยเซฟได้สวยๆ ในหลายจังหวะ และลูกโหม่งทีเด็ดของ ธีรศิลป์ แดงดา คอยช่วยไว้ ไทยคงต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่านี้ในสนามเหย้าสนามเก่งเมื่อคืนวานอย่างแน่นอน
มาเลเซียของราชโคปาล เป็นทีมที่ต่างจากไทยของ วินฟรีด เชเฟอร์ ตั้งแต่ระดับปรัชญาการทำทีม ขณะที่กุนซือชาวเยอรมันที่คนไทยกำลังรักยิ่ง นิยมเซ็ตระบบเป็นแบบแผน และสร้างทีมเวิร์คที่แข็งแกร่ง เสือเหลืองของขรัวเฒ่าผมขาวกลับเป็นทีมที่นิยมจี้จุดอ่อนของคู่แข่ง และพร้อมจะขย้ำเหยื่อทุกรายที่เปิดโอกาส เกมกับอินโดนีเซียที่ได้ประตูจากริมเส้นฝั่งขวาทั้งสองครั้ง และเกมกับลาวที่ได้ประตูจากการแย่งบอลในแดนหน้าคือคำยืนยันในความเชี่ยวชาญแท็กติกของราชโคปาลได้เป็นอย่างดี
นอกจากกรรมการและนักเตะของทั้งสองฝ่าย คงไม่มีใครตอบได้หรอกว่า ใบเหลืองใบนั้นเหมาะสมดีแล้วหรือไม่ เพราะเราไม่รู้ว่าฟัดฮ์ลิ ชาส พูดอะไรออกไป หรือดัสกร แสดงท่าทียั่วยุก่อนหรือเปล่า...
เกมที่สนามศุภชลาศัยในช่วง 45 นาทีแรกก็เป็นเช่นนั้น ไทยเป็นฝ่ายครองเกมรุกเข้าใส่ ขณะที่เสือเหลืองอาศัยโจมตีจุดอ่อนในแดนกลางที่ยังประสานงานกันไม่ลงตัว และหวุดหวิดจะได้เสียวอยู่บ่อยครั้ง มาเลเซียอาจจะเน้นเกมแรงและได้ใบเหลืองไปสะสมหลายใบ แต่ฝ่ายไทยก็มีพิชิตพงษ์ เฉยฉิว ที่โดนใบเหลืองเป็นชนักติดหลัง และมีจังหวะหวาดเสียวว่าจะโดนเหลืองที่สองอยู่หลายต่อหลายครั้ง ยังไม่มีฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำต่อกันอย่างชัดเจน จนกระทั่งมาเกิดกรณีใบแดงเจ้าปัญหาที่นำมาซึ่งข้อถกเถียงใบนั้น
นอกจากกรรมการและนักเตะของทั้งสองฝ่าย คงไม่มีใครตอบได้หรอกว่า ใบเหลืองใบนั้นเหมาะสมดีแล้วหรือไม่ เพราะเราไม่รู้ว่าฟัดฮ์ลิ ชาส พูดอะไรออกไป หรือดัสกร แสดงท่าทียั่วยุก่อนหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ กรรมการเข้าใจว่าจังหวะนั้นเป็นการถกเถียงกันระหว่างผู้เล่นสองฝ่าย และชูใบเหลืองให้ทั้งสองทีมอย่างเท่าเทียมกัน ติดตรงแค่ว่า ฟัดฮ์ลิ ชาส มีใบเหลืองอยู่ก่อนแล้วหนึ่งใบ ซึ่งเป็น "ราคา" ที่ต้องจ่ายเมื่อพวกเขาเลือกจะใช้วิธีเล่นเกมแรงเพื่อหยุดการขับเคลื่อนของทีมชาติไทย
อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใบแดงจังหวะนั้นคือจุดเปลี่ยนเกมอย่างแท้จริง มาเลเซียที่เสียสมดุลเพราะเหลือผู้เล่นน้อยกว่า ทำให้สถานการณ์จากที่เคยเสียเปรียบอยู่แล้วยิ่งเสียเปรียบขึ้นไปอีก เมื่อผู้เล่นน้อยกว่า พวกเขาก็หมดสิทธิปิดเกมริมเส้นของทีมชาติไทยที่เติมกันขึ้นมาได้สวยๆ หลายครั้งตลอดทั้งครึ่งหลัง ทั้งยังเจอทีเด็ดทีขาดของธีรศิลป์ แดงดาและจังหวะฟรีคิกของจักรพันธ์ พรใส ที่มือกาวมาเลเซียต้องปัดออกมาจนโดนธีราทร บุญมาทัน ซ้ำปิดกล่องเข้าไป
ไม่ว่ามันจะถูกต้องเหมาะสมดีแล้วหรือไม่ ใบแดงดังกล่าวก็ทำให้เกิดข้อกังขาที่ว่าถ้ามาเลเซียยังเหลือผู้เล่นเท่ากับทีมชาติไทย สถานการณ์ในเกมนี้จะออกมาในรูปแบบใด แน่นอนว่าทีมชาติไทยยังได้เปรียบ เพราะเป็นฝ่ายครองเกมได้อยู่ตลอดเกือบจะ 45 นาทีของครึ่งแรก และเพียงแค่ไม่ทำผิดพลาดเสียเอง พวกเขาก็จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเหมือนเดิม แต่อย่าลืมว่าขุนพลช้างศึกของวินฟรีด เชเฟอร์ มักมีปัญหาชอบยวบเอาง่ายๆ ในช่วงนาทีที่ 60 เป็นต้นไป แม้ในรอบแบ่งกลุ่มจะยังไม่มีใครฉวยโอกาสนั้นได้อย่างเป็นรูปธรรมก็ตาม
ทว่าเกมฟุตบอลไม่มีคะแนนความสงสาร ไม่มีสถานการณ์สมมติ และตัดสินกันที่จำนวนประตู ท้ายที่สุดทีมชาติไทยคือทีมที่ดีกว่า พวกเขาเดินผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยฟอร์มสวยหรูไม่แพ้ใคร เป็นเต็งจ๋า และถือไพ่เหนือกว่าสิงคโปร์คู่ชิงในทัวร์นาเมนต์นี้อยู่พอสมควร แต่คำกล่าวข้างต้นก็จำเป็นต้องย้อนกลับมาเตือนทีมชาติไทยให้จงหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประโยคที่ว่า “ฟุตบอลตัดสินกันที่จำนวนประตู”
รัดดี้ อัฟราโมวิช กุนซือชาวเซอร์เบียน ผู้เคยนำทัพเมอร์ ไลออนส์ คว้าแชมป์มาแล้วสองสมัย
เมอร์ไลออนอาจมีเพียงเสือเฒ่า วัย 42 ปี อย่างอเล็กซานเดอร์ ดูริช, คอยรูล อัมรี ผู้ชิงประตูชัยในนัดเฉือนฟิลิปปินส์ และชะห์ริล อิสฮาก กัปตันทีมที่ขับเคี่ยวตำแหน่งดาวซัลโวกับ “มุ้ย” เป็น 3 ตัวอันตรายที่ต้องจับตาไม่ห่าง แต่อย่าลืมว่า นี่เป็นเพียงทีมเดียวในทัวร์นาเมนต์นี้ที่ปราบมาเลเซียที่มีครบ 11 คน หมดท่าในนัดแรก และถ้าจะพูดกันถึงเรื่องการทำลายเกมแล้ว สิงคโปร์ประกบตาย ซาฟิก รอฮีม หัวใจในเกมรุกของมาเลเซีย เสียจนเสือเหลืองตั้งตัวไม่ได้เลยทีเดียว
นอกจากนี้พวกเขายังมีสถิติแปลกๆ ที่ไม่เคยแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ และมักทำผลงานได้ดีเมื่อเป็นทีมรองมาข่มให้ทีมชาติไทยต้องหวั่นๆ เล็กน้อย รวมถึงปัญหาเรื่องสนามหญ้าเทียมที่ “วินนี่” ยังออกอาการวิตก อยากจะไปซ้อมที่ลีโอ สเตเดียม ของบางกอกกล๊าส เอฟซี เพื่อความคุ้นเคย ก่อนที่จะล้มโปรแกรมเอาเสียดื้อๆ ในนาทีสุดท้ายอีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่ทีมงานทุกคนของขุนพลช้างศึกต้องคิดให้จงหนัก และถ้าพวกเขาเคลียร์ได้ทั้งหมด แชมป์ซูซูกิคัพที่ชาวไทยรอคอยมานานไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอนครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
วิเคราะห์บอล ทีมชาติฟิลิปปินส์ พบ ทีมชาติไทย วันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. 67
เขี่ยอินโดฯตกรอบ แข้งฟิลิปปินส์ โดนสโมสรอินโดฯยกเลิกสัญญา
ต้องจ่ายหากหวังแชมป์!ยอร์ค ชี้ อาร์เซน่อล ควรเซ็น อิซัค
ที่สุดของหัวใจ! ไกเซโด้ เผยครอบครัวไม่ยอมกินเพื่อซื้อสตั๊ดให้ตน
ไม่ต้องพูดถึงแชมป์!เป๊ป รับ แมนซิตี้ เสี่ยงชวดลุย แชมเปี้ยนส์ ลีก
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
แม่เจ้าโว้ย! นักร้องสาวนุ่งบิกิน...
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
คลิปไฮไลท์