ศึกนัดสุดท้ายของเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ กำลังจะเปิดฉากขึ้น ทั้งสองทีมต่างมุ่งมั่นที่จะคว้าแชมป์สมัยที่สี่มาครอง โดยเฉพาะช้างศึก ที่หวังจะทวงแชมป์ที่ห่างหายไป 10 ปีเต็มกลับมาอีกครั้ง

ในเกมชี้ชะตานัดนี้ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทยจะขาด อนุชา กิจพงษ์ศรี ริมเส้นฝั่งซ็ายตัวกลั่นไปจากอาการบาดเจ็บ และหายไม่ทันเป็นที่แน่นอนแล้ว ขณะที่ ภาณุพงษ์ วงศ์ษา ก็ยังต้องรอดูว่าจะพร้อมกลับมารับใช้ชาติได้หรือไม่

วินนี่ จะยังยึดแทคติคเดิมที่เคยใช้มาตลอดทัวรนาเมนต์ แต่กุนซือชาวเยอรมันรายนี้ก็เผยว่า เขาอาจจะปรับอะไรเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งบางสิ่งที่ว่านั้นอาจจะได้เห็นกันในแดนกลาง อย่างไรก็ตาม วินนี่ คงจะระวังการจับตายแข้งรายสำคัญๆ อย่าง ดัสกร และการป้องกันในแนวหลังให้มากกว่านัดที่ผ่านมา
ส่วนสิงคโปร์ที่ฟอร์มดีในนัดที่แล้ว และเอาชนะไทยมาได้ 3-1 คาสนามจาลัน เบซาร์ จะขาด ฮาริส ฮารัน ที่ได้รับบาดเจ็บที่คาง และ ชี เจียยี่ ที่ยังไม่พร้อมจะลงสนาม แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับ รัดดี้ อัฟราโมวิช กุนซือชาวเซอร์เบียมากนัก เพราะตัวหลักอื่นๆ ก็ยังอยู่กันครบ และได้กำลังใจที่ดีจากชัยชนะในนัดที่แล้ว โดยจะยังคงเน้นในแดนกลางที่มีสองตัวหลักอย่าง อิซา ฮาริม และมุสตาฟิก ฟาห์รุดดิน ซึ่งทำผลงานได้ดีตังแต่เริ่มรายการนี้คอยดูแล

เรื่องอันตรายของสิงคโปร์คือ พวกเขาน่าจะตั้งรับเพือ่รักษาสกอร์นำเอาไว้เป็นหลัก แต่หากพวกเขาลงไปตั้งรับกันลึกจนเกินไป ก็น่าจะเป็นโอกาสของไทย ที่จะได้บุกและยึดเกมเป็นของตัวเองได้

• ในเกมที่แล้ว ไทยเสียประตูไปในนัดเดียวเท่ากับจำนวนประตูที่เสียมาตลอดทัวรนาเมนต์

• แต่ทีมช้างศึกก็ไม่เคยทำประตูไม่ได้เลยสักเกมเดียว และมีสถิติชนะเกมในบ้านเต็ม 100%

• หากว่า ภาณุพงษ์ ไม่พร้อมจะลงเล่นในนัดนี้ นิเวส ศิริวงศ์ ซึ่งเคยถูกผู้ตัดสินเป่าทำไทยเสียจุดโทษเมื่อนัดชิงชนะเลิศรายการนี้ในปี 2007 อาจจะได้รับโอกาสลงสนามแทน

• ดาเนียล เบนเนทท์ จะลงเล่นนัดนีเป็นนัดที่ 122 ให้กับทีมชาติสิงคโปร์ และจะเป็นนักเตะที่เล่นให้กับทีมเมอร์ ไลออนมากที่สุด

• คอยรุล อัมรี กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูได้ในนัดชิงชนะเลิศของรายการนี้ทั้ง 3 นัด (ปี 2004, 2007 และ 2012)

รายละเอียด http://data1.7m.cn/analyse/th/898574.shtml