เซร์คิโอ อเกวโร่ ซัดประตูงามหยดช่วย "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดถิ่นไล่ตีเสมอ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมันส์ 2-2 แบ่งกันไปทีมละแต้มส่งผลให้ แมนฯ ซิตี้ ตามห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูง 9 คะแนน ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2556
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2   -   2 ลิเวอร์พูล


สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม


         ศึกยักษ์ชนยักษ์ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จัดทัพเต็มอัตราศึกนำโดย หลุยส์ ซัวเรซ จับคู่กับ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ล่าตาข่าย บุกถิ่น "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า ใช้ เซร์คิโอ อเกวโร่,ดาบิด ซิลบา และ เอดิน เชโก้ เป็นสามประสานกองหน้า

      เริ่มเกมมาไม่ถึงนาที เจ้าถิ่น แมนฯซิตี้ เริ่มต้นกดดันได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็มีโอกาสยิงก่อน จากการซัดด้วยเท้าซ้ายของ ดาบิด ซิลบา บอลโค้งทิศทางพุ่งเสียบคาน แต่ โฆเซ่ เรน่า ยังเร็วที่จะปัดทิ้งได้

     นาทีที่9 ทีมเรือใบมีเสียวอีกครั้ง เมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ เล่นลูกสั้นจากการได้เตะมุม ก่อนหยอดบอลเข้าไปที่หน้าประตูให้ ฆาบี การ์เซีย กระโดโขก แต่บอลลอยออกหลังไป

     5นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ลุ้นบ้าง เมื่อ เกล็น จอห์นสัน เปิดบอลโด่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ บอลข้ามหัวแนวรับเจ้าถิ่น แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เอาบอลลงได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนได้ยิงระยะเผาขน แต่บอลไปติดบล็อคของ ปาโบล ซาบาเลต้า ที่ตามมาสไลด์ขวางได้ทัน

     นาทีที่21 หลุยส์ ซัวเรซ มีโอกาสยิงด้วยเท้าซ้ายข้างถนัด จากความผิดพลาดของ โจเลียน เลสค็อตต์ เตะบอลไปติด สเตอร์ริดจ์ บอลมาเข้าทางปืนของ ซัวเรซ แต่ลูกยิงหลุดกรอบไปเอง

     2นาทีต่อมา แฟนๆแมนฯซิตี้ ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อได้ลูกทุ่มทางฝั่งซ้าย ก่อนเล่นชิ่งกันจนบอลหลุดมาถึง เจมส์ มิลเนอร์ ที่วิ่งเอาชนะไลน์ล้ำหน้าของลิเวอร์พูล เปิดยัดเข้ากลางให้ เอดิน เชโก้ เข้าฮอร์สแปจ่อๆไม่เหลือ ทีมเรือใบสีฟ้า ขึ้นนำ 1-0

     อย่างไรก็ตามนาทีที่29 ลิเวอร์พูล ได้เฮคืนบ้าง เมื่อได้บอลบุกขึ้นมาโดย เกล็น จอห์นสัน แนวรับเจ้าถิ่นเคลียร์บอลไม่ดี บอลมาถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้จ่ายบอลเข้ากลางให้ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ กดยิงด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อตรงบริเวณหัวกะโหลก บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างสวย ลิเวอร์พูล ตามเสมอ 1-1

      นาทีต่อมา เอดิน เชโก้ รับใบเหลืองไปคนแรกของเกม หลังไปโวยผู้ช่วยผู้ตัดสิน ในจังหวะก่อนหน้า ที่ตัวเขาถูก ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ สอยจากด้านหลังแต่ไม่ได้ฟาวส์ ก่อนเสียประตู

      นาทีที่35 ลิเวอร์พูล ก็รับใบเหลืองไปบ้าง เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปสไลด์เข้าบอลหนักจากด้านหลังใส่ เจมส์ มิลเนอร์ เลยถูกผู้ตัดสินอันโธนี่ เทย์เลอร์ ควักใบเหลืองให้อย่างไม่ลังเล

     นาทีที่44 ปาโบล ซาบาเลต้า เกือบให้ประตูของขวัญให้ ลิเวอร์พูล หลังสื่อสารกับ โจ ฮาร์ท ไม่ดี ส่งคืนหลังไปคนละทางกับทางวิ่งของ โจ ฮาร์ท ยังโชคดีที่ลูกดีดคืนไม่ตรงกรอบ จึงเสียแค่ลูกเตะมุมไป

     ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ยิง จากการวอลเลย์ด้วยขวาของ หลุยส์ ซัวเรซ แต่บอลตรงตัว โจ ฮาร์ท รับเข้าซองไป หมดครึ่งแรกจึงยังเสมอกันอยู่ 1-1

     กลับมาเล่นต่อในครึ่งเวลาหลังแค่นาทีเดียว แมนฯซิตี้ ได้ลุ้นก่อนเลย เจมส์ มิลเนอร์ หลุดขึ้นมาทางขวาก่อนกึ่งยิงกึ่งผ่านบอลหลุดเสาสองออกไปชนิดได้เสียว

      หลังจากนั้นเป็นลิเวอร์พูลที่เป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าใส่ นาทีที่ 52 สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เปิดบอลเข้าไปให้ หลุยส์ ซัวเรซ โขกหลุดกรอบออกไป

       นาทีต่อมา แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ รับใบเหลืองหลังไปลุ้มในจังหวะดวลกับ  โจเลียน เลสค็อตต์  ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสิน อันโธนี่ เทย์เลอร์ มองว่าเจตนาพุ่งล้ม

       นาทีที่ 55 เจ้าบ้านตัดสินใจเปลี่ยน มาติย่า นาสตาซิช ออก และส่ง อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ลงสนามแทน

       นาทีที่ 56 เจมี่ คาร์ราเกอร์ ก็รับใบเหลืองไปอีกคนหลังไปตัดเกมเพื่อหยุด เซร์คิโอ อเกวโร่ บริเวณกลางสนาม

      นาทีที่ 62 สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เปิดบอลขวางสนามไปให้ หลุยส์ ซัวเรซ ได้ยิงในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แต่ดาวยิงชาวอุรุกวัยยังหลุดกรอบออกไป

       นาทีที่ 70 ฆาบี การ์เซีย รับใบเหลืองหลังไปเตะใส่ หลุยส์ ซัวเรซ ทางด้านหลังเพื่อหยุดเกม

       นาทีที่ 73 กาแอล กลิชี่ สกัลบอลไม่ดี บอลมาเข้าทาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด พักอกหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยขวาระยะ 25 หลา บอลพุ่งเสียบโคนเสาเข้าไปสุดสวย ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-1

       นาทีที่ 73 หลังเสียประตู แมนฯซิตี้ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวโดยส่ง ไมค่อน ลงสนามไปแทน ดาบิด ซิลบา

       นาทีที่ 75 เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทีมเยือนเน้นรับมากขึ้นส่ง มาร์ติน สเคอร์เทล ลงสนามไปแทน โฆเซ่ เอ็นริเก้

       นาทีที่ 78 แกเร็ธ แบร์รี่ วางบอลให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ หลุดเข้าไปในเขตโทษ โฆเซ่ เรน่า วิ่งออกไปตัดบอลไม่ดี ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ ตัดสินใจยิงเสียบเสาเข้าไป แมนฯซิตี้ ตามตีเสมอเป็น 2-2

       นาทีที่ 87 แมนฯซิตี้ เปลี่ยนตัวคนสุดท้าย โดยส่ง ซามีร์ นาสรี่ ลงสนามไปแทน แกเร็ธ แบร์รี่ 

      นาทีที่ 89 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูขึ้นนำ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ไหลบอลเข้ากลางให้ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ยิงด้วยซ้าย แต่ โจ ฮาร์ท ยังเหนียวพุ่งปัดเอาไว้ได้

       นาทีที่ 91 หงส์แดง เปลี่ยนเอา แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ออกและส่ง โจ อัลเลน ลงแทน

      ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมเปิดเกมเข้าใส่กันเพื่อหวังประตูที่สามแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกันได้ จบเกม แมนฯซิตี้ เปิดบ้านทำได้แค่เสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 เก็บเพิ่มหนึ่งคะแนน ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงเหลือ 9 คะแนน
     

11นักเตะของทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้(4-3-3):โจ ฮาร์ท,ปาโบล ซาบาเลต้า, มาติย่า นาสตาซิช, โจเลียน เลสค็อตต์, กาแอล กลิชี่,ฆาบี การ์เซีย,แกเร็ธ แบร์รี่,เจมส์ มิลเนอร์,เซร์คิโอ อเกวโร่,ดาบิด ซิลบา,เอดิน เชโก้

สำรอง : คอสเทล พานติลิมอน,ไมค่อน,อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ,แจ๊ค ร็อดเวลล์,ซามีร์ นาสรี่,คาร์ลอส เตเวซ,สก๊อตต์ ซินแคลร์


ลิเวอร์พูล(4-2-3-1):โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน,เจมี่ คาร์ราเกอร์,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,โฆเซ่ เอ็นริเก้,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,ลูคัส เลว่า,สตีเว่น เจอร์ราร์ด,หลุยส์ ซัวเรซ,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง,แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

สำรอง : แบร็ด โจนส์,มาร์ติน สเคอร์เทล,อังเดร วิสดอม,จอนโจ เชลวี่ย์,ราฮีม สเตอร์ลิง,โจ อัลเลน,ฟาบิโอ บอรินี่

ผู้ตัดสิน:อันโธนี่ เทย์เลอร์