ฟุตบอลกระชับมิตร

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556

อังกฤษ 2-1 บราซิล

สนาม : เวมบลีย์
 
         เกมฉลองอายุครบ 150 ปีของการก่อตั้งสมาคมฟุตบอล (เอฟเอ) อังกฤษจัดให้ แจ็ค วิลเชียร์ ได้ประสานงานในแดนกลางร่วมกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ขณะที่แอชลีย์ โคลติดธงเป็นเกมที่ 100 โดยมีสถิติน่าทึ่งสุดๆลงเล่นเป็นตัวจริงครบทุกนัด
 
         ส่วนบราซิลเกมนี้เรียกตัว โรนัลดินโญ่ กลับมาติดทีมอีกครั้ง โดยก่อนเกมสถิติการเจอกันของทั้งสองทีม สิงโตคำราม มีผลงานไม่ดีเลยชนะแค่ 3 ครั้งจาก 23 เกม และแพ้ถึง 11นัด
 
         ก่อนเกมมีการยืนไว้อาลัยต่อเหตุการณ์สลดที่มิวนิค เกมก็เริ่มต้นโดยเจ้าบ้านลุยเข้าหาก่อน และเกือบขึ้นนำในนาทีที่ 10 จากลูกเตะมุมด้านขวาที่ เวย์น รูนีย์ โดดโหม่งเข้าเสาแรก แต่ชูลิโอ เซซาร์ พุ่งปัดได้เหลือเชื่อ แม้จังหวะนี้กองหน้าร่างอวบจะทำฟาวล์เนื่องจากผลักรามิเรสก่อนเทคตัวก็ตาม
 
         อังกฤษพยายามอาศัยลูกโด่งเล่นงานอาคันตุกะ แต่จากจังหวะโต้กลับของทีมแซมบ้าในนาทีที่ 18 โรนัลดินโญ่ก็ตักบอลจากกราบซ้ายเข้าเขตโทษแล้วโดนแขน แจ็ค วิลเชียร์ ผู้ตัดสินจึงชี้ไปที่จุดโทษโดยเหยินเล็กรับอาสาสังหารเองไปทางขวามือถูก โจ ฮาร์ท พุ่งปัดไว้ได้ และเจ้าตัวตามไปซ้ำเผาขนก็ยังโดนเซฟ
 
         เกมของสิงโตคำรามยังดูวูบวาบ นาทีที่ 22 วิลเชียร์ ก็พาบอลลุยขึ้นมาก่อนแทงเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้ แดนนี่ เวลเบ็ค ได้ยิงหลุดเสาออกไป
 
         นาทีที่ 26 เป็น อังกฤษ ที่ได้ประตู เมื่อ แจ็ค วิลเชียร์ จ่ายบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ วัลค็อตต์ หลุดไปซัดระยะ 12 หลาโดน เซซาร์ ใช้ขาสกัดออกมา แต่ เวย์น รูนีย์ วิ่งเข้าซ้ำจากระยะ 18 หลาตุงตาข่ายช่วยให้อังกฤษนำ 1-0
 
         นาทีที่ 44 ธีโอ วัลค็อตต์ อาศัยความเร็วกระชากบอลเข้าเขตโทษด้านขวาไปซัลโว แต่เซซาร์ยังเหนียวปัดทิ้งได้เยี่ยม จบครึ่งแรกอังกฤษนำไปก่อน 1-0
 
         ครึ่งหลังเริ่มมาแค่นาทีเดียว อังกฤษเกือบหนีห่างเมื่อ รูนีย์ ป้ายบอลออกทางขวาให้ เจอร์ราร์ด สับไกระยะ 25 หลา ทำเอาเซซาร์ต้องออกแรงปัด
 
         แต่แล้วนาทีที่ 48 แกรี่ เคฮิลล์ ก็ทำพลาดเมื่อพยายามกระชากบอลลุยขึ้นหน้าแต่กลับถูกแย่งบอล ทำให้บอลกระดอนมาเข้าทางให้ เฟร็ด ซัดแบบไม่ต้องจับจากระยะ 18 หลาเข้าประตูตีเสมอให้ทีมเยือนเป็น 1-1
 
         ขยับมาอีกสองนาที เจ้าบ้านเกือบแย่อีก คราวนี้เป็น คริส สมอลลิ่ง ที่ส่งบอลคืนหลังแรง ฮาร์ท จึงต้องรีบเตะทิ้งขึ้นหน้าไปโดนตัว เคฮิลล์ บอลหลุดไปถึง ออสการ์ ที่จ่ายบอลให้ เฟร็ด ตะบันจากระยะ 18 หลา บอลพุ่งชนสามเหลี่ยมอย่างจัง
 
         นาทีที่ 56 อังกฤษได้ลูกเตะมุมด้านซ้าย แกรี่ เคฮิลล์ โดดเบียด ดาวิด ลุยซ์ เพื่อนร่วมทีมเชลซีก่อนโขกเต็มๆระยะแค่หกหลา แต่ ชูลิโอ เซซาร์ ยังปัดข้ามคานได้อีก
 
         นาทีที่ 60 จากจังหวะที่ ธีโอ วัลค็อตต์ เลื้อยขึ้นทางขวาแล้วผ่านบอลจากเส้นหลังเข้าเขตโทษ แนวรับบราซิลเคลียร์กันไม่ดี เวย์น รูนีย์ เก็บบอลได้ก่อนจ่ายบอลคืนให้ แลมพาร์ด ซัดจากระยะ 20 หลา บอลพุ่งชนเสาเข้าไปไม่เหลือพาอังกฤษนำ 2-1
 
         ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมเปิดเกมเข้าแลกกัน แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มกันได้ จบเกม อังกฤษชนะบราซิล 2-1 ฉลองครบรอบ 150 ปีเอฟเอ ด้วยการเก็บชัยชนะเหนือทีมแชมป์โลก 5 สมัย 

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
         อังกฤษ : โจ ฮาร์ท , เกล็น จอห์นสัน , คริส สมอลลิ่ง , แกรี่ เคฮิลล์ , แอชลีย์ โคล , ทอม เคลฟเวอร์ลีย์ , แจ็ค วิลเชียร์ , สตีเว่น เจอร์ราร์ด , ธีโอ วัลค็อตต์ , แดนนี่ เวลเบ็ค , เวย์น รูนีย์
         สำรอง : แจ็ค บัตแลนด์ , ไคล์ วอล์คเกอร์ , เลห์ตัน เบนส์ , ฟิล จากิลก้า , โจลีออน เลสค็อตต์ , เจมส์ มิลเนอร์ , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , ลีออน ออสแมน , อาร่อน เลนน่อน , อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เลน

         บราซิล : ชูลิโอ เซซาร์ ,  ดาเนี่ยล อัลเวส , ดาวิด ลุยซ์ , ดานเต้ , อาเดรียโน่ , เปาลินโญ่ , รามิเรส , เนยมาร์ , ออสการ์ , โรนัลดินโญ่ , หลุยส์ ฟาเบียโน่
         สำรอง  : ดีเอโก้ อัลเวส , ฟิลิเป้ หลุยส์ , เลอันโดร ดา ซิลวา กาสตัน , มิรันด้า , มาร์กอส อรัวก้า , โมไรร่า , ลูกัส มูร่า , เฟร็ด , ฮัลค์

         ผู้ตัดสิน : เปโดร โปเอ็นซ่า (โปรตุเกส)