"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังหลังยกพลออกเยือนพ่ายให้กับ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ถึงรัง 1-3 ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา

 

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556

เซาธ์แฮมป์ตัน 3   -   1 แมนฯ ซิตี้

สนาม : เซนต์ แมรีส์ สเตเดี้ยม

        เซาธ์แฮมป์ตันที่ยังไม่ชนะใครในการคุมทีมของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่สามนัดปรับทัพสองจุดให้แดนนี่ ฟ็อกซ์กับสตีเว่น เดวิสลงเล่นเป็นตัวจริงแทนลุค ชอว์กับกาสตอน รามิเรซที่มีปัญหาบาดเจ็บ

        ส่วนแมนฯ ซิตี้ก็โรเตชั่นนักเตะสองรายเช่นกันโดยได้ยาย่า ตูเร่กลับมาจากการรับใช้ชาติในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์คัพกลับมา และใช้งานซามีร์ นาสรี่เป็นตัวจริงโดยที่คาร์ลอส เตเวซหลุดไปจากโผด้วยเหตุผลทางด้านครอบครัว ส่วนฆาบี้ การ์เซียกองกลางถูกส่งลงเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอีกนัดเนื่องจากแว็งซ็องต์ ก็องปานียังไม่ฟิต

        เริ่มเกมมาได้ 7 นาที นักบุญที่บุกเข้าใส่ทีมเยือนก่อนก็ได้เฮเมื่อแกเร็ธ แบร์รี่ย์ทำพลาดโดนเจสัน พันเชียนแย่งบอลแถวกลางสนามฝั่งขวาแล้วลากขึ้นไปไหลเข้าเขตโทษหมายให้ริคกี้ แลมเบิร์ตเช็คบิลถูกโจ ฮาร์ทปรี่ออกมาทิ้งตัวปัดได้ แต่ไปเข้าทางให้พันเชี่ยนซัดจาก 12 หลาเข้าประตูพาเดอะ เซนต์สตาร์ตนำ 1-0

        ทีมเรือใบพยายามดันเกมรุก แต่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง และนาทีที่ 22 ก็โดนลงโทษอีกเมื่อแลมเบิร์ตพาบอลบุกขึ้นทางขวาแล้วทำชิ่งกับพันเชี่ยนจนหลุดเข้าเขตโทษไปซัดยัดเสาแรกโดนฮาร์ทคว้าเข้าซองไม่ยาก แต่นายทวารทีมชาติอังกฤษกลับพลาดง่ายๆทำบอลหลุดมือเลยโดนสตีเว่น เดวิสเข้าฮอสเผาขนพาเซาธ์แฮมป์ตันนำเพิ่มเป็น 2-0

        จากนั้นในนาทีที่ 27 แลมเบิร์ตก็รับใบเหลืองเมื่อวิ่งไปดึงโจลีออน เลสค็อตต์ล้มบริเวณกลางสนาม แต่นาทีที่ 33 เจ้าบ้านน่าจะได้ประตูอีกจากการบอม์ลูกโด่งเข้าเขตโทษแล้วแนวรับแมนฯ ซิตี้เคลียร์กันไม่เด็ดขาด แลมเบิร์ตจึงสะกิดบอลให้เจย์ โรดริเกซเข่นเฉี่ยวเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย

        เกมของทีมเงินถังยังสะเปะสะปะ และถึงนาทีที่ 38 นักบุญก็ได้เสียวอีกเมื่อเนธาเนี่ยล ไคลน์เติมขึ้นมาส่องจาก 18 หลาแฉลบผู้เล่นเรือใบข้ามคานไปแค่คืบ

        แต่แล้วจากลูกเตะมุมของเจ้าบ้านที่เล่นกันสะเพร่า แมนฯ ซิตี้ก็ได้ทีโต้เร็วขึ้นมาก่อนที่ดาบิด ซิลบาจะชิพบอลข้ามฟากเข้าเขตโทษด้านขวาให้ปาโบล ซาบาเลต้าลากไปไหลจากเส้นหลังเข้ากลางให้เอดิน เชโก้ตวัดยิงจากแปดหลาเข้าประตูเปลี่ยนสกอร์ให้ทีมเยือนไล่มา 2-1

        ผ่านเข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ เดอะ เซนต์ซึ่งเล่นได้เหนือกว่าเห็นๆก็หวิดพังประตูได้อีกจากการขึ้นเกมยาวทางซ้ายแล้วแลมเบิร์ตโยนบอลข้ามฟากเข้าเขตโทษให้มอร์แกน ชไนเดอร์ลินเข้าชาร์จออกเส้นหลังไปเอง

        จังหวะต่อมาเป็นโรดริเกซที่ลากบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายได้ แล้วถูกยาย่า ตูเร่ไล่กวดเบียดล้มจากด้านหลังแถมมือของตูเร่ผู้น้องยังโดนบอลในจังหวะล้มลงกับพื้นอีก แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ลูกโทษเจ้าบ้านท่ามกลางการรุมประท้วงของนักเตะ จบครึ่งแรกเซาธ์แฮมป์ตันจึงนำไปก่อน 2-1

        เริ่มครึ่งหลังมาได้สองนาที เซาธ์แฮมป์ตันเกือบนำไปอีกจากลูกโยนแถวกลางสนามที่ทำให้แลมเบิร์ตหลุดขึ้นด้านซ้ายแล้วจ่ายย้อนให้พันเชี่ยนวิ่งเข้าซัลโวจาก 20 หลาโด่งข้ามคานนิดเดียว

        อย่างไรก็ดี ถัดมาพักเดียวในนาทีที่  48 นักบุญก็ทะลุขึ้นมาทางซ้ายอีกตามเคยแล้วแลมเบิร์ตป้ายบอลเข้าเขตโทษโดยมีแบร์รี่วิ่งตามไปสกัด แต่เป็นการแปบอลเข้าประตูตัวเองช่วยให้เดอะ เซนต์นำ 3-1

        เขี่ยบอลกันใหม่มาถึงนาทีที่ 50 กาแอล กลิชี่ก็โดนจดชื่อเมื่อเข้าดึงพันเชี่ยน แต่นาทีที่ 54 แมนฯ ซิตี้น่าจะไล่ตามมาได้อีกจากการจ่ายบอลยาวของแบร์รี่ที่ทำให้เซร์คิโอ อเกวโร่หลุดเข้าซัลโวในเขตโทษด้านซ้ายถูกอาร์เธอร์ โบรุคปัดได้เยี่ยม

        ถัดมาในนาทีที่ 66 เรือใบปล่อยอเล็กซานเดอร์ โคลารอฟลงไปแทนเลสค็อตต์อีกราย และเริ่มทำเกมรุกได้ดีขึ้น แต่นาทีที่ 70 ยาย่า ตูเร่ไปดักชไนเดอร์ลินล้มจึงรับใบเหลือง

        นาทีต่อมา ฟ็อกซ์ขุนพลเดอะ เซนต์มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนจึงเดินออกให้เฟรเซอร์ ริชาร์ดสันลงไปรับช่วงแทน ก่อนที่แมนฯ ซิตี้จะใช้งานไมค่อนแทนซิลบาในนาทีที่ 73

        นาทีที่ 80 เจ้าบ้านส่งเจมส์ วอร์ด พราวส์ลงไปแทนสตีเว่น เดวิส และปิดเกมได้อย่างไม่เป็นปัญหา


        ช่วงที่เหลือเป็นเซาธ์แฮมป์ตัน ที่ครองเกมเอาไว้ได้หมดและก็คอยอาศัยจังหวะโต้กลับคอยเล่นงานทีมเยือน แต่ไม่มีประตูเพิ่มเติม กระทั่งจบเกม "นักบุญ" เอาชนะไปได้ 3-1 เก็บสามแต้มขยับขึ้นที่ 15 ส่วน "ซิตี้" ยังตามหลังแมนฯ ยูไนเต็ด 9 แต้มตามเดิมแต่แข่งมากกว่า 1 นัด

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

        เซาธ์แฮมป์ตัน : อาร์เทอร์ โบรุค, นาธาเนียล ไคลน์, มายะ โยชิดะ, จอส ฮอยเฟลด์, แดนนี่ ฟ็อกซ์ (เฟรเซอร์ ริชาร์ดสัน น.70), แจ็ค คอร์ก, มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน, สตีเว่น เดวิส (เจมส์ วอร์ด-พราว์ส น.79), เจสัน พันเชี่ยน (อดัม ลัลลาน่า น.60), เจย์ โรดริเกซ, ริคกี้ แลมเบิร์ต

        สำรองไม่ได้ใช้ : เคลวิน เดวิส, เวการ์ด ฟอร์เรน, ริชาร์ด แช็ปโลว์, ทาดานาริ ลี

        ใบเหลือง : แลมเบิร์ต

        แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลต้า, โจลีออน เลสค็อตต์ (อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ น.65), ฆาบี การ์เซีย, กาแอล กลิชี่, ซามีร์ นาสรี่ (เจมส์ มิลเนอร์ น.54), ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่, ดาบิด ซิลบา (ดั๊กลาส ไมค่อน น.72), เซร์คิโอ อเกวโร่, เอดิน เชโก้

        สำรองไม่ได้ใช้ : คอสเตล ปันติลิม่อน, โคโล ตูเร่, แจ็ค ร็อดเวลล์, สกอตต์ ซินแคลร์

        ใบเหลือง : กลิชี่, ยาย่า ตูเร่

        ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

 

สรุปผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
- สเปอร์ส ชนะ นิวคาสเซิ่ล  2 - 1
- เชลซี ชนะ วีแกน  4 - 1  
- นอริช เสมอ ฟูแล่ม  0 - 0
- สโต๊ค ซิตี้ ชนะ เร้ดดิ้ง  2 - 1
- ซันเดอร์แลนด์ แพ้ อาร์เซน่อล  0 - 1
- สวอนซี ชนะ ควีนส์ปาร์ค  4 - 1
- เซาธ์แฮมป์ตัน ชนะ แมนฯ ซิตี้  3 - 1