''หมออ้อย'' จุฑารัตน์ เทียมสุวรรณ โล่งใจได้เฮ ศาลตัดสินชนะคดีพร้อมลงดาบ ''มิกกี้'' ณัฐพงศ์ ชอบชื่น อดีตคนรักชดใช้เงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี เจ้าตัวพอใจผลการตัดสินพร้อมฝากถึงอดีตคนรักเก่าหากพูดพาดพิงทำให้เสื่อมเสียก็จะดำเนินคดีอีกตามกฎหมาย

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 มี.ค. 2556 ที่บัลลังก์ 606 ศาลเเพ่ง ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ได้นัดตัดสินคดีดำเลขที่ 2813/2555 ที่ เรือตรีหญิง จุฑารัตน์ เทียมสุวรรณ หรือหมออ้อย หรือเจนนี่ พิธีกรช่องเคเบิลทีวีและนางแบบเป็นโจทก์ฟ้อง นายณัฐพงศ์  ชอบชื่น หรือมิกกี้ อดีตคนรักเก่าเป็นจำเลย เรื่องขอเรียกทรัพย์สินคืนจำนวน 490,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี กรณีเมื่อปี 2553 ทั้งคู่คบหาและวางแผนจะแต่งงานกัน ระหว่างนั้นหมออ้อยนำเงินที่ได้จากการทำงานและจากการขายรถได้ไปฝากไว้กับจำเลย เฉพาะที่มีหลักฐานจำนวน 490,000 บาท แต่หลังจากเลิกรากันไป ฝ่ายหมออ้อยได้ทวงเงินดังกล่าวคืน แต่จำเลยปฏิเสธชดใช้คืน จึงยื่นฟ้องคดี ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์และจำเลยเคยเป็นคู่รักกันมาก่อน ต่อมาได้เลิกรากัน ทำให้เกิดความขัดแย้งไม่ยอมรับในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นซึ่งกันและกัน ฉะนั้นการพิจารณาต้องใช้ความระมัดระวัง
     
    โจทก์ฟ้องว่าเคยฝากเงินให้จำเลย 3 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 13 ต.ค. 54 จำนวน 90,000 บาท ครั้งที่ 2 วันที่ 20 ต.ค. 54 จำนวน 200,000 บาท และครั้งที่ 3 วันที่ 11 ม.ค. 55 จำนวน 200,000 บาท เห็นว่าตามที่โจทก์อ้างว่าฝากเงินไว้กับจำเลย ครั้งที่ 1 และ 2 นั้น โจทก์ไม่มีหลักฐาน จำเลยจึงไม่ต้องรับชำระให้แก่โจทก์ แต่การฝากเงินครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 55 จำนวน 200,000 บาท นั้น เป็นเงินที่โจทก์ได้จากการขายดาวน์รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ป้ายแดง ให้กับผู้ซื้อรายหนึ่งซึ่งเป็นพยานคนกลางในคดีนี้ พยานผู้ซื้อรายนี้ เบิกความว่าเมื่อนำเงินไปชำระให้แก่โจทก์เพื่อซื้อรถยนต์ต่อ เห็นโจทก์มอบเงินให้แก่จำเลย จากนั้นจำเลยได้ไปยืนเข้าแถวเพื่อฝากเงินเข้าบัญชีในธนาคาร เห็นว่าพยานปากนี้เป็นพยานคนกลางเบิกความไปตามที่เห็นเหตุการณ์ จำเลยจึงต้องรับผิดชอบคืนเงินให้แก่โจทก์ในส่วนนี้ พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นนับตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. 55 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ยื่นฟ้อง
     
    โดยในวันนี้หมออ้อยได้เดินทางมาพร้อมกับ นายปรีชา ศรีเจริญ ทนายความ ขณะที่ฝ่ายจำเลยไม่ได้เดินทางมาที่ศาล ทั้งนี้ภายหลังการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น หมออ้อยหรือเจนนี่ มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มพร้อมทั้งได้เผยความรู้สึกว่าพอใจกับผลการตัดสินที่ออกมา หากอีกฝ่ายยอมตั้งแแรกเรื่องก็คงจบไปตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังทิ้งท้ายฝากไปยังอีกฝ่ายว่าเงินที่เหลือก็คงต้องติดตามทวงคืนตามขั้นตอนกฎหมาย และฝั่งของตนก็จะขอจบเรื่องเพียงเท่านี้จะไม่ตอบโต้ใดๆ อีกทั้งสิ้น แต่ถ้าอีกฝ่ายยังพูดพาดพิงตนผ่านสื่อต่างๆ ที่ทำให้เสียหายก็จะดำเนินคดีในขั้นสูงสุดต่อไป
     
    ''ศาลตัดสินให้เราชนะคดี การให้การต่างๆ ความหนักแน่นในพยานหลักฐานของเราค่อนข้างชัดเจน ซึ่งตัวเค้าเองก็รู้ดีส่วนอีกฝ่ายเค้าก็ไม่มาทนายก็ไม่มา จำนวนเงินสี่แสนเก้าหมื่นบาทที่ฟ้องไปเราทราบมาตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าสองแสนเก้าหมื่นบาทเงินก้อนแรกนั้นเราให้เป็นเงินสดให้กันในคอนโดฯ ซึ่งหลักฐานอ่อน ก็ถือว่ายกประโยชน์ให้เค้า แต่ว่าในเงินจำนวนสองแสนที่เหลือมีหลักฐานทั้งพยานบุคคลว่าเราได้ขายดาวน์ฮอนด้าป้ายแดงแล้วนำเงินให้เค้าจริง เราก็เลยได้เงินสองแสนบาทคืนพร้อมด้วยดอกเบี้ย และค่าทนายคืน''
     
    ''ผลการตัดสินก็พอใจมาก พูดตรงๆ ว่าเราเคยอยู่กันฉันสามีภรรยามาเรื่องเงินแค่นี้เล็กน้อยมาก ถ้าเกิดเค้าพูดกับเราตรงๆ ขอโทษกันตั้งแต่วันแรกเรื่องมันก็ไม่ยืดเยื้อมานานขนาดนี้ ถึงแม้จะมีจ่ายไม่มีจ่ายก็พูดกันตรงๆ แต่ในเมื่อเค้ายืนยันที่จะมีปัญหาเราก็ต้องสู้เพื่อเอาศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงกลับคืนมา'' หมออ้อยกล่าว