ซัวเรซโขกกู้แต้ม!หงส์ไล่เจ๊าสิงห์ทดเจ็บ2-2
Posted 22/04/2013 by siamsport
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2556
ลิเวอร์พูล 2 - 2 เชลซี
สนาม : แอนฟิลด์ ผู้ชม : 45,009 คน
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล พกสถิติที่ดีกว่ามากในการฟัดแข้งกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี โดยเกมนี้เจ้าถิ่นลุ้นให้ หลุยส์ ซัวเรซ ระเบิดฟอร์มเก่งซัดประตู ขณะที่ ทีมเยือนเตรียมส่ง เฟร์นันโด ตอร์เรส ลงตัวจริงเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า ล่าตาข่ายทีมเก่า
เริ่มเกมมา5นาที ลิเวอร์พูล พยายามวิ่งบีบกดดันให้ เชลซี เล่นยาก และมีโอกาสได้เสียวก่อน เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ไหลบอลให้ เกล็น จอห์นสัน เติมขึ้นมาจิ้มยิง แต่บอลไม่เข้ากรอบ
นาทีที่14 เชลซี มีโอกาสบ้าง เมื่อ ออสการ์ เล่นชิ่งกับ เอแดน อาซาร์ ก่อน ออสการ์ ได้วิ่งมาจบยิงมุมแคบในจังหวะสุดท้าย แต่ยังไม่ผ่านมือ โฆเซ่ เรน่า
6นาทีต่อมา เชลซี ยังมีจังหวะจบสกอร์ที่ดีกว่า และมีลุ้นอีกครั้ง เมื่อ เอแดน อาซาร์ ไหลบอลให้ รามิเรส สับไกยิงนอกกรอบกลางประตู บอลแม้ตรงตัว แต่ด้วยความแรง ทำให้ โฆเซ่ เรน่า ทุบทิ้งไป ปลอดภัยกว่า
นาทีที่26 แฟนสิงห์บลูส์ ได้เฮกันลั่น เมื่อได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวาเปิดโดย ฆวน มาต้า ไปที่หน้าประตู ออสการ์ วิ่งโฉบมาโหม่งที่เสาแรก บอลเข้าสามเหลี่ยม เรน่า พุ่งปัดไม่ถึง เชลซี บุกนำก่อน 1-0
2นาทีหลังเสียประตู ลิเวอร์พูล ต้องรับใบเหลืองไปหลัง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปเตะตัดเกม จึงรับใบเหลืองพร้อมเสียฟรีคิกระยะอันตราย
ดาวิด ลุยซ์ รับหน้าที่สังหาร วิ่งมายิงแบบฉีดยา บอลพุ่งข้ามกำแพงมุดลง ตรงหน้า โฆเซ่ เรน่า ที่รับในจังหวะแรก แต่บอลปลิ้นเกือบข้ามเส้น ยังดีที่ เรน่า หมุนตัวกลับมารับได้ทัน
นาทีที่38 เป็นฝ่าย เชลซี รับใบเหลืองไปบ้าง เมื่อผู้ตัดสินมอง เฟร์นันโด ตอร์เรส ไปชักศอกใส่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ จึงไม่รอดรับใบเหลืองไป
2นาทีต่อมา หลุยส์ ซัวเรซ ได้โอกาสสับไกยิงจะๆจนได้ จากจังหวะ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ไหลให้ยิงมุมแคบในกรอบเขตโทษ แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังยืนปิดมุมได้ดี ปัดทิ้งป้องกันประตูไว้ได้อยู่
ช่วงเวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดครึ่งแรก เชลซี จึงบุกมานำ ลิเวอร์พูล อยู่ 1-0
เริ่มครึ่งหลังมา ลิเวอร์พูล ชิงแก้เกมก่อน โดยส่ง ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลงมาแทน ฟิลิปป์ คูตินโญ่ แล้วก็เกือบได้เรื่อง เมื่อ สเตอร์ริดจ์ ลงมาเลี้ยงลุย ก่อนไหลให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้ซัดในกรอบเขตโทษ แต่ ปีเตอร์ เช็ก ใช้เท้าเซฟได้อย่างหวุดหวิด
3นาทีต่อมา สเตอร์ริดจ์ กลายเป็นตัวแสบไม่น้อย หลังได้สับไกยิงด้วยซ้ายอีกครั้ง คราวนี้บอลผ่าน ปีเตอร์ เช็ก ไปแล้ว แต่โชคร้าย บอลไปชนเสาเต็มๆ
นาทีที่52 สาวก เดอะค็อป ได้เฮกันคืนบ้าง จากจังหวะทีมเวิร์กของลิเวอร์พูล บอลมาจบลงด้วย หลุยส์ ซัวเรซ เปิดบอลน้ำหนักเยี่ยม ข้ามหัว บรานิสลาฟ อิวาโนวิช มาลงพอดีกับจังหวะเติมเข้าฮอร์สของ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ แปด้วยซ้ายไม่เหลือ ลิเวอร์พูล ตามเสมอ 1-1
หลังจากนั้น ทั้งสองทีมตัดฟาวส์ใส่กันมากขึ้น ก็ได้รับใบเหลืองในเวลาใกล้เคียงกัน โดยของเชลซี เป็นของ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า ส่วน ลิเวอร์พูล เป็นของ ลูคัส เลว่า
นาทีที่55 ลิเวอร์พูล ต้องพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ลงไปช่วยเกมรับ ไปทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษของตัวเอง นอกจากโดนใบเหลืองแล้ว ยังทำให้ทีมเสียจุดโทษอีกต่างหาก
2นาทีต่อมา เอแดน อาซาร์ รับหน้าที่สังหาร ก่อนยิงได้นิ่ง หลอก เรน่า ไปอีกทาง ส่งบอลตุงตาข่าย เชลซี แซงนำ 2-1
นาทีที่64 ลิเวอร์พูล เสียใบเหลืองอีกใบ เมื่อ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ไปอัดใส่ ด้านหลัง เฟร์นันโด ตอร์เรส จนร่วง ผู้ตัดสินจึงควักแจกแบบไม่ลังเล
3นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิกตรงริมหัวกะโหลกเขตโทษ หลุยส์ ซัวเรซ รับหน้าที่สังหาร แต่ยิงออกหลังไปเอง อย่างไม่มีลุ้น
นาทีที่74 หลุยส์ ซัวเรซ พาบอลแหวกแนวรับ เชลซี ไป4-5คน ก่อนได้สับไกยิงด้วยซ้าย แต่บอลเบาและตรงตัว ปีเตอร์ เช็ก รับเข้าซองสบาย
4นาทีต่อมา เชลซี ทำการเปลี่ยนตัวบ้าง โดยส่ง ยอสซี่ เบนายูน ลงมาแทน เอแดน อาซาร์ ส่วน ลิเวอร์พูล เปลี่ยนเอา จอนโจ เชลวี่ย์ ลงมาแทน สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง
นาทีที่82 ลงมาก็รับใบเหลืองในทันที สำหรับ จอนโจ เชลวี่ย์ หลังไปเข้าบอลน่าเกลียดใส่ ออสการ์ จึงไม่รอดรับใบเหลือง ส่วน ออสการ์ ก็ถูเปลี่ยนตัวออก โดยส่ง วิคเตอร์ โมเซส ลงแทน
ช่วงท้ายเกม เชลซี เปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง แฟร้งค์ แลมพาร์ด แทน ฆวน มาต้า
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เกมทำท่าจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเจ้าบ้าน แต่แล้วจากจังหวะเปิดบอลไปที่หน้าประตูของ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ให้ หลุยส์ ซัวเรซ วิ่งมาโฉบโหม่ง ส่งบอลตุงตาข่ายเหลือเชื่อ ลิเวอร์พูล ตามเสมอ 2-2
ก่อนผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมดเวลา จึงเสมอกัน 2-2 แบ่งไปทีมละแต้ม เชลซี พลาดโอกาสแซง อาร์เซน่อล โดยยังอยู่อันดับสี่ตามเดิม ส่วน ลิเวอร์พูล จี้ เอฟเวอร์ตัน 5 แต้ม
รายชื่อผู้เล่นพร้อมคะแนน
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 6, เกล็น จอห์นสัน 7, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ 7, โฆเซ่ เอ็นริเก้ 7, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 6, ลูคัส เลว่า 6, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง 6 (จอนโจ เชลวี่ย์ 4 น.80), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6, ฟิลิปป์ คูตินโญ่ 5 (แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ 8 น.46), หลุยส์ ซัวเรซ 8
สำรองไม่ได้ใช้ : แบร๊ด โจนส์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เซบาสเตียน โคอาเตส, คอเนอร์ โคอาดี้, อุสซามา อัสไซดี้
ใบเหลือง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ลูคัส เลว่า, หลุยส์ ซัวเรซ, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอนโจ เชลวี่ย์
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 7, เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า 7, ดาวิด ลุยซ์ 7, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 7, ไรอัน เบอร์ทรานด์ 7, จอห์น โอบี มิเกล 7, รามิเรส 7, ออสการ์ 7 (วิคเตอร์ โมเสส 4 น.83), ฆวน มาต้า 8 (แฟร้งค์ แลมพาร์ด น.90), เอแดน อาซาร์ 7 (ยอสซี่ เบนายูน น.78), เฟร์นานโด ตอร์เรส 6
สำรองไม่ได้ใช้ : รอสส์ เทิร์นบุลล์, เปาโล แฟร์เรยร่า, จอห์น เทอร์รี่, เดมบา บา
ใบเหลือง : เฟร์นานโด ตอร์เรส, เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า
ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์
ลิเวอร์พูล | สถิติหลังเกม | เชลซี |
56 | เปอร์เซนต์ครองบอล | 44 |
6 | ยิงเข้ากรอบ | 5 |
8 | ยิงไม่เข้ากรอบ | 3 |
8 | ลูกเตะมุม | 5 |
9 | ทำฟาวล์ | 13 |
5 | ใบเหลือง | 2 |
0 | ใบแดง | 0 |
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : หลุยส์ ซัวเรซ (ลิเวอร์พูล) จากที่จะเป็นผู้ร้าย แต่กลับกลายเป็นฮีโร่ของทีมในเกมนี้เฉย หลังโหม่งพังประตูตีเสมอในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย และก่อนหน้านั้นก็เปิดบอลให้ สเตอร์ริดจ์ ยิงประตูด้วย ทว่าเขาเกือบอยู่ไม่ครบ 90 นาที หลังจากไปกัดแขน อิวาโนวิช ช่วงกลางครึ่งหลัง
แฉซัวเรซเคยโดนแบนเจ็ดนัดคดีกัด
หลุยส์ ซัวเรซกองหน้าจอมฉาวของลิเวอร์พูลก่อเรื่องงามหน้าอีกจนได้เมื่อกัดใส่ต้นแขนบรานิสลาฟ อิวาโนวิชกองหลังเชลซีในเกมพรีเมียร์ลีกที่ทั้งสองฝ่ายเสมอกันไป 2-2 ที่แอนฟิลด์เมื่อ 21 เม.ยใ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงกลางครึ่งหลังซึ่งเจ้าบ้านยังตกเป็นรอง 1-2 และขณะที่อิวาโนวิชเข้าหาบอลได้ก่อนในกรอบเขตโทษของเชลซี กองหน้าอุรุกวัยที่พยายามเข้าแย่งบอลก็งับใส่ต้นแขนของพ่อค้าแข้งเซอร์เบีย
ด้วยเหตุนี้ อิวาโนวิชจึงเข้าไปแจ้งต่อผู้ตัดสินเควิน เฟรนด์ซึ่งไม่เห็นเหตุการณ์โดยโชว์รอยกัดให้ดู แต่สิงห์เชิ้ตดำไม่สนใจรับฟัง และไม่ได้ลงโทษซัวเรซ แต่ภาพรีเพลย์สามารถฟ้องพฤติกรรมของดาวยิงฟันจอบได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซัวเรซเล่นสกปรกแบบนี้เนื่องจากช่วงที่ค้าแข้งกับอาแจ็กซ์ในฮอลแลนด์ พ่อค้าแข้งวัย 26 ปีก็เคยกัดใส่อ๊อตแมน บัคคาลดาวเตะทีมพีเอสวี ไอนด์โอเฟ่นในเกมลีกดัตช์เมื่อเดือนพ.ย.2010 จนโดนแบนเจ็ดนัด และถูกต้นสังกัดปรับเงิน แต่เจ้าตัวชิงย้ายมาหากินในพรีเมียร์ลีกกับหงส์แดงก่อนที่จะชดใช้โทษแบนครบ
นอกจากซัวเรซซึ่งเคยโดนแบนแปดเกมจากกรณีเหยียดผิวปาทริซ เอวร่าปราการหลังทีมแมนฯ ยูไนเต็ดเมื่อเดือนต.ค.2011 และนิยมพุ่งล้มในเขตโทษเป็นประจำก่อนก่อคดีกัดเป็นหนล่าสุดแล้ว เจอร์เมน เดโฟหัวหอกสเปอร์สก็เคยก่อคดีในพรีเมียร์ลีกด้วยการกัดใส่หัวไหล่ฮาเวียร์ มาสเคราโน่กองกลางเวสต์แฮมเมื่อเดือนต.ค.2006 แต่ผู้ตัดสินสตีฟ เบนเน็ตต์เห็นเหตุการณ์ และแจกใบเหลืองให้กองหน้าผิวสี จึงทำให้เอฟเอไม่มีสิทธิ์ใช้วิดีโอลงโทษเดโฟเพิ่มเติม ผิดไปจากกรณีของซัวเรซที่น่าจะถูกเอฟเอแบนด้วยหลักฐานทางวิดีโอเทปเนื่องจากผู้ตัดสินพลาดเหตุการณ์ในช่วงที่เขากัดอิวาโนวิช
สองกุนซือโบ้ยไม่เห็นช่วงซัวเรซงับคู่อริ
เบรนแดน ร็อดเจอร์สนายใหญ่ลิเวอร์พูลรูดซิบปากมิดชิด ไม่ขอแสดงความเห็นกรณีลูกทีมตัวดีก่อวีรกรรมหนล่าสุด ขณะที่ราฟาเอล เบนิเตซกุนซือชั่วคราวของเชลซีชี้แจงไม่เห็นเหตุการณ์ฉาวในช่วงดังกล่าว
"สิ่งที่ผมสามารถคอมเมนต์ได้ในตอนนี้ก็คือเราจะตรวจดูเหตุการณ์ เราจะดูวิดีโอ จากนั้นเราจึงจะคอมเมนต์ได้" ร็อดเจอร์สเอ่ยกับสื่อ
"ผมเพิ่งคุมทีมเสร็จ แต่หลังจากที่เราตรวจสอบ เราจะคอมเมนต์ คุณไม่อาจพูดอะไรได้จนกว่าคุณจะได้ตรวจสอบ"
ด้านเบนิเตซได้เอ่ยในทำนองที่คล้ายกันว่า "ผมไม่เห็นเหตุการณ์ ผมมีสมาธิอยู่กับเกม ดังนั้นผมจึงไม่เห็น"
ราฟาโวยเปาทดเจ็บเกินเวลา
อย่างไรก็ดี กุนซือสแปนิชได้ตำหนิการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินที่ทดเวลานานเกินเหตุมากถึงหกนาที แถมปล่อยให้เล่นกันเลยเวลาอีกจนส่งผลให้เชลซีโดนแชร์แต้มได้
"เรากำลังจะชนะ และมันน่าประหลาดใจที่มีการทดเวลาหกนาที"
"ตามกฏแล้วมันจะทดเวลาสามนาทีหากคุณเปลี่ยนตัวสำรองครบทั้งหกราย บางครั้งมันก็ทดเวลาสี่นาที แต่หกนาทีแทบไม่เคยมีให้เห็นในเกมไหนเลย และหกนาที 45 วินาทียิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ผมไม่คิดว่าจะเคยมีเกมไหนทดเวลานานขนาดนี้"
ซูอี้สับจอบทำหงส์เสื่อม-เชื่อโดนเฉดหัวทิ้ง
แกรม ซูเนสส์อดีตตำนานทีมลิเวอร์พูลอดรนทนไม่ไหว สับแหลกซัวเรซทำให้หงส์แดงเสื่อมเสียเกียรติมามากพอแล้ว พร้อมเชื่อทีมดังแห่งเมอร์ซีย์ไซด์พร้อมโละสตาร์จอมฉาวทิ้ง
ซูอี้ซึ่งรับหน้าที่คอมเมนเตอร์ของสกาย ทีวีได้แสดงทัศนะถึงซัวเรซเช่นเดียวกับเจมี่ เร้ดแนปป์อดีตมิดฟิลด์หงส์แดงซึ่งปัจจุบันรับงานในบทบาทเดียวกันว่าเร้ด แมชีนน่าจะกำจัดกองหน้าละตินทิ้งไปได้แล้วเนื่องจากนับตั้งแต่ย้ายมาสวมยูนิฟอร์มของสโมสรมีแต่ทำให้ลิเวอร์พูลเสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งเรื่องเหยียดผิว พุ่งล้ม และล่าสุดไปกัดคู่แข่งอย่างน่าขายหน้า
"มันน่าอับอายมาก มันทำให้สโมสรมัวหมอง มันเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อยๆแล้วที่เขาจะได้อยู่กับลิเวอร์พูลต่อไป พวกเขาจำต้องรักษาชื่อเสียงของสโมสรเอาไว้"ซูเนสส์อดีตนักเตะและกุนซือหนวดหินเอ่ย
"สถิติพฤติกรรมของซัวเรซไม่ดีเลย มันเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้วเพราะเป็นเรื่องเสี่ยงที่สโมสรจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ไม่สนุก! ตอร์เรสเผย ใส่หน้ากากไม่ใช่ไม่เจ็บ
กองหน้าราคาแพงระยับของสิงโตน้ำเงินคราม จำต้องทนเจ็บจากการใส่หน้ากากป้องกัน เนื่องจากจมูกยังไม่หายดี แต่เริ่มจะปรับตัวได้หลังผ่านไปหลายสัปดาห์ตอร์เรส: ผมเป็นหนี้ลิเวอร์พูลเหลือเกิน
อดีตกองหน้าขวัญใจเดอะ ค็อป ยังไม่เคยลืมช่วงเวลาดี ๆ ในเสื้อสีแดงเพลิง และหวังว่าแฟน ๆ จะยังนึกถึงช่วงเหล่านั้นเหมือนเขาบาร์นส์หนุนซัวเรซเต็งจ๋าแข้งยอดเยี่ยมพีเอฟเอ
จอห์น บาร์นส์ ตำนานแข้ง ลิเวอร์พูล ออกโรงหนุน หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ควรเป็นเต็งจ๋ามาเต็มสำหรับการผงาดซิวรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ ชี้จะดีมากหากตัดสินด้วยการมองแต่ผลงานในสนาม และความมีอิทธิพลต่อทีม ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเอาเรื่องราวนอกสนามมาเกี่ยวด้วยบาลั่นไม่กดดันกับสิงห์บลูส์
เดมบ้า บา หัวหอกคนสำคัญ เชลซี ลั่นไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรเลย สำหรับการเล่นให้ทีมใหญ่อย่าง "สิงห์บลูส์" พร้อมยันตนจะพยายามช่วยทีมเก็บชัยชนะเพื่อกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ โดยไม่แคร์เรื่องที่แฟนๆ ไม่ชอบขี้หน้า "เอล ราฟา"
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
ห้ามทำตาม! อดีตแข้งอินเตอร์ เมาหยำเป,มีเซ็กซ์ไม่ป้องกัน
ทางการ! เอฟเอลงโทษแบนยาว เบนตานกูร์ เหยียด ซน ฮึง มิน
วิเคราะห์บอล บาเยิร์น พบ เอาก์สบวร์ก วันศุกร์ที่ 22 พ.ย. 67
ดีทั้งปัจจุบันและอนาคต!เด ลา ฟวนเต้ ลั่นวงการบอล สเปน กำลังอยู่ในช่วงรุ่ง
เพื่อนไม่ทิ้งกัน! เป๊ป เผยแพ้ 4 เกมติดเหตุผลต่อสัญญาใหม่ แมนซิตี้
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์