สรุปเส้นทางพรีเมียร์ลีก 2012-13!! 'ผี'หลอน'เรือ'ลาป๋า,ชิงเดือดตั๋วชปล.
Posted 24/05/2013 by ไทยรัฐ
บทสรุปเส้นทางศึกลูกหนัง พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012-13 การฉลองแชมป์ของ"ปิศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จัดการแก้เผ็ด"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อำลาบรมกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และการชิงตั๋ว ยูฟา แชมเปียนส์ลีก ของทีมมหาอำนาจกรุงลอนดอน...
ผ่านพ้นกันไปอีกหนึ่งฤดูกาลสำหรับเกมฟาดแข้งที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ได้มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาคว้าแชมป์ลีกของ "ปิศาจแดง" แมนเชส เตอร์ ยูไนเต็ด ที่จัดการกระชากแชมป์คืนจากอริร่วมเมือง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฉลองการวางมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่อยู่คู่โรงละครแห่งความฝันมาถึง 27 ปี หรือแม้กระทั้งศึกชิงพื้นที่ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ของ 3 ทีมดังกรุงลอนดอน อย่าง ทอตแนม ฮอตสเปอร์,อาร์เซนอล และ เชลซี ที่ขับเคี่ยวกันจนแมตช์สุดท้าย และนี้ก็คือบทสรุปของเรื่องราวต่างๆในฤดูกาล 2012-13
"ผี"ลา"เฟอร์กูสัน"หลอน"เรือ"เถลิงบัลลังค์แชมป์ลีก 20 สมัย
ฤดูกาลนี้นับเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์สำหรับ "ปิศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมลูกหนังที่มีแฟนบอลติดตามมากที่สุดในโลก เริ่มตั้งแต่การกลับมาทวงแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีได้เป็นสมัยที่ 20 และเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 13 ซึ่งเครดิตส่วนใหญ่ต้องยกให้กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ที่ระเบิดฟอร์มร้อนแรงตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมาค้าแข้งในรัง โอลด์ แทร็ฟเฟิร์ด ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์(ราว 1,200 ล้านบาท) ซึ่งจากผลงานที่ออกมาก็นับได้ว่าเป็นการซื้อตัวที่แสนจะคุ้นค่า หลังศูนย์หน้าชาวดัตช์ยิงประตูช่วยทีมไป 26 ประตู จากผลงาน 38 นัด ขึ้นแท่นดาวซัลโวเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อ กัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าตำแหน่งดาวซัลโวที่ได้มากในฤดูกาลนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากการ ที่ หลุยส์ ซัวเรซ ที่มีลุ้นในการชิงตำแหน่งโดนแบนยาวลืมโลกในช่วงท้ายฤดูกาลนั้นเอง
โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ในซีซั่นนี้ แมนฯยู ได้ทำสถิติเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดจากจำนวน 86 ประตู เก็บชัยชนะได้มากที่สุด 28 นัด เสมอ 5 นัดและแพ้แค่เพียง 5 นัด อีกทั้งยังทำสถิติชนะติดต่อกันยาวนานที่สุดถึง 7 นัดและไม่แพ้ใครติดต่อกันถึง 18 นัด ซึ่งจากสถิติที่กล่าวมานั้นก็คือส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงของตารางตั้งแต่ สัปดาห์ที่ 10 ก่อนจะครองอันดับยาวจนจบฤดูกาลโดยมีเพียงหนเดียวที่หล่นไปอยู่ที่ 2
อีกหนึ่งเรื่องราวของ แมนฯยู ซึ่งทำให้วงการลูกหนังสั่นสะเทือนมากที่สุดคงไม่พ้นการประกาศวางมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่วัย 71 ปี ที่ตัดสินใจสละเก้าอี้ผู้จัดการทีมที่ครองมากว่า 27 ปี เพียงไม่กี่วันก่อนที่จะมีเกมนัดสุดท้ายในบ้านกับ"หงส์ขาว"สวอนซี ซิตี้
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ในเกมนัดดังกล่าวมีปมที่ทำให้สื่อตั้งข้อสงสัย เมื่อ"ชิชาริโต" ฮาเวียร์ เฮอร์นันเดช ได้รับโอกาสให้ลงสนามแทน เวย์น รูนีย์ หนึ่งในกำลังหลักที่กลับไม่มีชื่ออยู่ในทีม แต่ก็เป็น"ถั่วน้อย"คนนี้ที่สังหารประตูพาทีมขึ้นนำ ก่อนที่จะมาโดน มิชู ดาวรุ่งของสวอนซียิงตีเสมอ จากนั้นในช่วง 3 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลาการแข่งขัน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังจอมเก๋าก็จัดการตวัดยิงเต็มหลังเท้า พา แมนฯยู เอาชนะไป 2-1 ปิดฉากการคุมทีมของ เซอร์อเล็กซ์ ในโอลด์แทรฟเฟิร์ดไปอย่างชื่นมื่น
แมนฯยู แชมป์พรีเมียร์ลีก 2012-13
อย่างไรก็ตามหลังจบการแข่งขันเหล่าสาวกผีแดงก็ต้องปรับอารมณ์กันอีก เมื่อนายใหญ่ชาวสกอตตได้ยอมรับว่า รูนีย์ ได้ยื่นขอย้ายออกจากทีมเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากไม่พอใจที่โดนลดบทบาท แต่ทางสโมสรได้ตัดสินใจดึงเกมให้เวลาแข้งวัย 27 ปีรายนี้กลับไปทบทวนใหม่ ขณะที่ป๋าเองก็ตัดสินใจยกหน้าที่ไกล่เกลี่ยให้เป็นงานของ เดวิด มอยส์ กุนซือเพื่อนร่วมชาติที่จะเข้ามาเป็นนายใหญ่โรงละครแห่งความฝันแทนตนอย่าง เป็นทางการในวันที่ 1 ก.ค.นี้
ดวิด มอยส์ นายใหม่ผีแดง
ด้านเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล"ปิศาจแดง"ที่ต้องบุกไปเยือน เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ก็ไม่วายจะมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ส่งท้าย โดยก่อนการแข่งขัน พอล สโคลล์ กองกลางรุ่นใหญ่ก็ได้ออกมาประกาศแขวนสตั๊ดเป็นรอบที่ 2 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยประกาศมาแล้วเมื่อปี 2011 แต่ก็ตัดสินใจกลับมาเล่นอีกครั้งในปี 2012 ซึ่งการอำลาครั้งนี้แข้งวัย 38 ปีได้ประกาศชัดเจนว่าจะไม่มีการรีเทิร์นอีกแน่นอน
พอล สโคลล์
ขณะที่การแข่งขัน แมนฯยู ที่เป็นฝ่ายออกนำไปก่อนถึง 5-2 ต้องเจอกับเรื่องราวสุดช็อกเมื่อโดน เวสต์บรอม ไล่เฆี่ยนท้ายเกมจนจบการแข่งขันไปด้วยสกอร์ 5-5 นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งในพรีเมียร์ลีกที่จบการแข่งขันด้วยสกอร์แบบนี้ ด้าน โรเมลู ลูกากู เองก็ได้กลายเป็นนักเตะคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถยิงแฮตทริกใส่"ปิศาจแดง"ได้ในพรีเมียร์ลีก โดย 2 คนก่อนหน้านี้เป็น เดวิด เบนท์ลีย์ และ เดิร์ก เคาท์ นับเป็นการส่งท้ายที่ทำเอา เฟอร์กูสัน และ สโคลล์ ลืมไม่ลงทีเดียว
รเมลู ลูกากู
ขยับมาทาง”เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของตำแหน่งแชมป์เก่า ที่ต้องกลายเป็นรองแชมป์ มีแต้มตามหลังอริร่วมเมืองถึง 11 แต้ม ซึ่งส่วนสำคัญในการเสียแชมป์ครั้งนี้ต้องเริ่มจากการพ่ายแพ้ให้กับทีมใหญ่ ด้วยกันเองทั้งการพ่าย แมนฯยู คาบ้าน เสมอกับ ลิเวอร์พูล ทั้ง 2 ครั้งและได้เพียงคะแนนเดียวจาก เอฟเวอร์ตัน
โรแบร์โต มันชินี
ถึงแม้จะมีสถิติเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในฤดูกาลโดยเสียไปเพียง 34 ประตู แต่เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่คว้าแชมป์ก็พบว่าเสียมากว่าเดิมถึง 5 ประตู ขณะที่การทำประตูในฤดูกาลนี้มีเพียง 64 ประตูน้อยกว่าถึง 27 ประตู จึงไม่แปลกใจเลยที่จะไม่สามารถแซง”ปิศาจแดง”ขึ้นเป็นจ่าฝูงได้
อีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการเสียแชมป์ครั้งนี้ คือสภาพจิตใจของนักเตะที่ขาดความมุ่งมั่นหมดความท้าทาย ดังตัวอย่างที่เห็นในกรณีของ ซามี นาสรี ที่มักจะโดน โรแบร์โต มันชินี กุนซือใหญ่ตำหนิผ่านสื่ออยู่บ่อยครั้งว่าไม่ทุ่มเทให้กับเกม 100 เปอร์เซ็นต์ เหมือนฤดูกาลแรกที่ย้ายเข้ามาจนผลงานขาดความสม่ำเสมอ
ซามีร์ นาสรี
เหมือนอย่างที่เรารู้ๆกันดีว่า”การคว้าแชมป์มันยาก แต่การป้องกันแชมป์นั้นยากกว่า”และ ก็น่าเสียดายเพราะการจบฤดูกาลแบบมือเปล่า มันช่างสวนทางกับเม็ดเงินที่เสียไป ทำให้ ซิกิ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาต้องตัดสินใจปลดโค้ชชาวอิตาเลียนออกจากตำแหน่งในที่สุด
ลอนดอนเดือด สิงห์,ปืน,ไก่ ชิงตั๋วแชมเปียนส์ลีก
มาดูที่ทีมแรกอย่าง“สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี ที่จบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 โดยในช่วงต้นฤดูกาลยอดทีมถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์ ภายใต้การนำของ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ กุนซือชุดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2011-12 ได้ประเดิมผลงานสวย หรูจนสามารถพาทีมขึ้นเป็นจ่าฝูง
โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ
จน มาเมื่อถึงช่วงเดือน พ.ย. เชลซี ก็ต้องสะดุดเมื่อไม่ชนะใครในเกมลีก 4 นัดติด โดยมีสถิติคว้าชัย 7 เสมอ 3 จากเกม 12 นัด ทำให้หล่นมาอยู่อันดับที่ 3 ของตาราง ขณะที่ผลงานในบอลยุโรปก็ย่ำแย่ จนในที่สุด โรมัน อบราฮิโมวิช มหาเศรษฐีเจ้าชองสโมสร ก็ตัดสินใจแยกทางกับกุนซือชาวอิตาเลียน พร้อมแต่งตั้งให้ ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามารับงานคุมทีมชั่วคราวจนจบฤดูกาล ท่ามกลางเสียงก่นด่าจากแฟนๆที่ยังจดจำวีรกรรมของกุนซือคนนี้เมื่อครั้งยังเป็นอริกันได้
อย่างไรก็ตามเมื่อจบฤดูกาลก็มีแฟนเชลซีไม่น้อยที่ ต้องขอบคุณกุนซือ”บ๋อยอ้วน”เมื่อ เขาสามารถพาทีมบรรลุเป้าหมายด้วยการจบในอันดับที่ 3 ของตารางจากผลงาน ชนะ 15 เสมอ 6 จากการลงสนาม 26 นัด ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเกมที่ เชลซี เปิดบ้านถล่ม แอสตัน วิลลา ไป 8-0 นับเป็นชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดในฤดูกาลนี้ แถมยังพาทีมคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก มาครองได้อย่างงดงาม นับเป็นการครองแชมป์ระดับทวีป 2 ปีซ้อน และยังเป็นสโมสรที่ 4 ที่สามารถซิวแชมป์ยุโรปครบทั้ง 3 รายการ
ราฟาเอล เบนิเตซ กับแชมป์ยูโรปา
นอกจากนี้ เอลราฟา เองยังมีส่วนเรียกความมั่นใจให้ เฟอร์นันโด ตอร์เรส สากทองคำกลับมามีประโยชน์ต่อทีมอีกครั้งถึงแม้จะยังไม่มากแต่ก็ดีกว่าไม่มี อย่างไรซะก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าเจ้านายคนใหม่ของ"สิงห์ไฮโซ"จะ เป็นใคร ซึ่งถ้าหากปีหน้าเป็น โฆเซ มูรินโญ ที่คัมแบ็กกลับมารับงานอีกครั้ง บวกกับทีมที่มีอยู่ในตอนนี้ฟันธงได้เลยว่า เชลซี จะเป็นอีกหนึ่งทีมที่โคตรอันตราย
เฟอร์นันโด ตอร์เรส
ขยับมาที่อีกทีมที่โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงในช่วงท้ายฤดูกาลอย่าง "ปืนใหญ่"อาร์เซนอล ซึ่งนับว่าต่างจากตอนช่วงต้นฤดูกาลหลังเสีย ฟาน เพอร์ซี ให้กับ แมนฯยู ในช่วงนั้นทัพปืนใหญ่เองก็เจอกับปัญหาตัวจบสกอร์ แต่ก็ได้ ธีโอ วัลคอตต์ ปีกตัวเก่งที่อยากจะเล่นหน้าเต็มแก่ช่วยประคองทีมผ่านพ้นมาได้
จนมาถึงเดือน ก.พ. ก็มีข่าวบวกกับกระแสเรียกร้องจาก"กันเนอร์ส"ให้มีการปลด อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ ชาวฝรั่งเศสออกจากตำแหน่งหลังส่อแววจะพาทีมวืดแชมป์เป็นปีที่ 8 ทั้งในเกมลีกที่มีคะแนนห่างจากจ่าฝูง 21 แต้ม อยู่ในอันดับที่ 5 ของตาราง แถมยังตกรอบเอฟเอ คัพ ด้วยการพ่ายทีมรองบ่อนอย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ธีโอ วัลคอตต์
แต่ จากผลงานม้าตีนปลายบวกกับความไว้ใจของบอร์ดบริหารที่ไม่บ้าจี้ปลดตามแรงยุใน ตอนนั้น ทำให้ในที่สุด อาร์เซนอล ก็สามารถกลับมาคว้าอันดับที่ 4 ของตารางเก็บตั๋วแชมเปียนส์ลีกใบสุดท้ายไปครองได้สำเร็จ โดยมีผลงานทั้งฤดูกาลชนะ 21 นัด เสมอ 10 แพ้ ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่า ในซีซั่นหน้าฤดูกาลสุดท้ายตามสัญญาคุมทีม เวนเกอร์ จะมีเซอร์ไพรส์อะไรให้แฟนๆได้ชมหรือเปล่า
อาร์แซน เวนเกอร์
เมื่อ ตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2013-14 เหลือเพียง 2 ใบ แต่มีทีมที่ต้องการถึง 3 ทีม นั้นก็หมายความว่ามีทีมหนึ่งที่ต้องอกหักและนั้นก็คือ"ไก่เดือยทอง"ทอตแนม ฮอตสเปอร์ นับ ว่าน่าเสียดายหลังจากที่ทีมบรรลุเป้าหมายด้วยการเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ ไป 1-0 แต่ฝั่งของ อาร์เซนอล เองก็สามารถเอาชนะ นิวคาสเซิล ไป 1-0 เช่นกัน ทำให้ สเปอร์ส ต้องจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 5 ของตารางเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันรับตั๋วไปเล่น ยูโรปา อีกปี
ฟรีคิกอันตรายของ แกเร็ธ เบล
แต่เหล่าสาวกก็ยังภูมิใจได้เพราะอย่างน้อยในการคุมทีมฤดูกาลแรกของ อังเดร วิลาส โบอัส ทีมก็สามารถเก็บไปได้ถึง 72 คะแนน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนชื่อเป็นพรีเมียร์ลีก
อังเดร วิลลาส โบอัส
เมื่อมองถึงสภาพทีมในฤดูกาลนี้จะเห็นว่ามีหลายครั้งที่ สเปอร์ส ยังต้องพึ่งพา แกเร็ธ เบล ปีก ตัวเก่งของทีมมากกว่าจะไปหวังกับกองหน้าอย่าง เจอร์เมน เดโฟ และ เอมมานูเอล อเดบายอร์ ที่ยังฝากความหวังไม่ค่อยได้ ทำให้ในช่วงซัมเมอร์นี้ยังต้องลุ้นกันต่อว่า โบอัส จะมีการแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร และปีกชาวเวลส์จะตัดสินใจต่อสัญญาหรือไม่ ในเมื่อทีมไม่สามารถไปเล่นแชมเปียนส์ลีกอย่างที่หวัง
อีก 5 ปี เจอกัน!! “หงส์แดง”บอกไว้
เป็นปีที่ว่างเปล่าสำหรับ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล กับผลงานการนำทัพปีแรกของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งนำระบบ"Tiki-taka"หรือ"ทิกิ-ทากา"รูป แบบการเล่นที่เน้นการส่งลูกสั้นๆ ไปมาอย่างรวดเร็ว และครองบอลให้ได้มากที่สุด อย่างที่ทีมชาติสเปน และ บาร์เซโลนา นิยมใช้ มาประยุกต์เข้ากับยอดทีมถิ่นเมอร์ซีไซด์ ทำให้ในซีซั่นนี้ เหล่า"เดอะค็อป"เริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโหม่งได้อย่างชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่ทีมสามารถจบในอันดับที่ 7 ของตาราง เก็บคะแนนได้มากกว่าฤดูกาลที่แล้วถึง 9 คะแนนยิงประตูได้มากกว่าเดิม 24 ประตู นับว่าดีกว่าฤดูกาลก่อนหลายด้าน
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
ทว่าสิ่งที่ยังเป็นจุดบอดของ ลิเวอร์พูล ก็ยังมีให้เห็นไม่ว่าจะเป็นระบบกองหลังที่มักจะเสียประตูบ่อยครั้งจากลูกเซ็ตพีช ขณะที่ เปเป้ เรนา นายด่านมือหนึ่งของทีมเองหลังหายเจ็บกลับมาฟอร์มก็แผ่ว มีการเล่นผิดพลาดที่นำไปสู่การเสียประตูอยู่บ่อยครั้ง
ด้านนักเตะที่พอจะพึ่งพาได้ในขณะนี้ก็มีเพียง สตีเวน เจอร์ราร์ด เพลย์มกเกอร์กัปตันทีม และ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวเก่งก็มีพฤติกรรมเอาแน่เอานอนไม่ได้ อีก ทั้งต้องไม่ลืมว่าต้นฤดูกาลหน้าลิเวอร์พูลจะไม่ได้ใช้งานดาวยิงอุรุกวัยราย นี้ เนื่องจากยังมีโทษแบนค้างอยู่ 8 นัดจากกรณีสุดฉาวที่ไปกัดแขนของ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช
การจะกลับมาผงาดยิ่งใหญ่ใน 2 ปีคงจะเป็นไปได้ยากเหมือนอย่างที่ เจมี คาร์ราเกอร์ ปราการ หลังจอมเก๋าที่ตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปแล้วได้กล่าวไว้เพราะเป้าหมายใหญ่ ของ”หงส์แดง”ยังคงเป็นการกลับติดท็อปโฟร์อีกครั้ง ส่วนเรื่องลุ้นแชมป์คงต้องใช้เวลาในการเสริมศักยภาพของทีมราว 4-5 ปี
เจมี คาร์ราเกอร์
เจมี คาร์ราเกอร์
อำลา'คิวพีอาร์', เสียดาย'วีแกน'
ปิดท้ายด้วยการมาดูทีมที่ต้องตกชั้น ซึ่งเรียกได้ว่าน่าเสียดายสำหรับ"ทหารเสือราชินี"ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ ที่ขึ้นมาอยู่ในพรีเมียร์ลีกได้เพียง 2 ฤดูกาลก็ต้องอำลากลับไปเล่น เดอะ แชมเปียนชิพ ฤดูกาลหน้า ตามมาด้วย เรดดิง ที่โผล่มาโลดแล่นในลีกสูงสุดได้เพียงฤดูกาลเดียว
ในรายของ"คิวพีอาร์"ถึงแม้จะได้ แฮร์รี เรดแนปป์ กุนซือมือดีมารับงานต่อจาก มาร์ค ฮิวจ์ส ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ก็เพราะปัญหานักเตะส่วนใหญ่ในทีมที่โชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่จนหมดหนทางแก้ไขได้ทัน ทำให้ในซีซั่นซั่นนี้ ทีมต้องดิ่งตกชั้นไปเป็นทีมแรกในฐานะบ๊วยของตารางจากผลงานคว้าชัยไปเพียง 4 นัด เสมอ 13 แพ้ 21 มีเพียง 25 คะแนนเท่านั้น ขณะที่ฝั่งของ เรดดิง เองก็ถูกยกให้เป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดในฤดูกาลนี้โดยเสียไปถึง 73 ประตู แต่ก็จบในอันดับที่ดีกว่าหลังเก็บคะแนนได้มากกว่า 3 แต้ม จากชัยชนะ 6 นัด เสมอ 10 แพ้ 22
วีแกน กับแชมป์ เอฟเอ คัพ
วีแกน กับแชมป์ เอฟเอ คัพ
แต่ที่น่าเสียดายที่สุดคือ"เดอะ ลาติกส์"วีแกน แอธเลติก ที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์ เอฟเอ คัพ ในซีซั่นนี้ ที่ได้มาจากการโค่นเอาชนะ แมนฯซิตี้ ทีมที่มีชื่อชั้นเหนือกว่าไป 1-0 ทว่าถ้วยแชมป์ที่ได้มากก็ไม่สามารถทำให้หนีความจริงที่ว่าผลงานในลีกของทีมเองก็ไม่ได้สู้ดีนัก และนับว่าโชคร้ายที่เกมตัดสินชะตาดันเป็นการโคจรมาพบกับ อาร์เซนอล ที่กำลังร้อนแรงและต้องการแต้มเพื่อลุ้นท็อปโฟร์ ทำให้ในที่สุดแล้ว วีแกน ก็ต้องเป็นพ่ายไป 1-4 ตกชั้นไปเป็นทีมสุดท้ายจากผลงานชนะ 9 เสมอ 9 แพ้ 20 พร้อมกับเป็นอีกหนึ่งทีมที่เสียประตูมากที่สุดในฤดูกาลนี้เท่ากับ เรดดิง แต่ก็เชื่อว่าแฟน วีแกน ส่วนใหญ่ได้ทำใจมาบ้างแล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เรือให้ว่อง!อากีล่าร์เผยชุดขาวจ้องอิสโก้
เอ้า!!แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะทำเป็นใจเย็นอยู่นิ่งเฉยต่อไปอีกไม่ได้เสียแล้วนะ หากหวังจะได้ตัว อิสโก้ มาเสริมทัพ เพราะล่าสุด!"ราชันชุดขาว"รีล มาดริด ก็พร้อมที่จะยื่นข้อเสนอไปสู่ขอเช่นกัน จากการออกมาเปิดเผยของ ฟรานซิสโก้ อากีล่าร์ ผู้อำนวยการประจำถิ่นเอสตาดิโอ ลา โรซาลีด้าตอร์เรสรับสุดกระสันร่วมงานเฮียเครียด
เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิง "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ลั่นพร้อมอ้าแขนต้อนรับโชเซ่ มูรินโญ่ ยอดโค้ชจากแดนฝอยทอง กลับมาอยู่ถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับสุดกระสันลงสนามภายใต้การคุมทัพของ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ในฤดูกาลหน้าเปเยฯทำได้ไหม?!เรือวางเป้าคว้า5แชมป์ใน5ปี
มานูเอล เปเยกรินี่ ว่าที่กุนซือใหม่ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจอโจทย์ยากเสียแล้วเมื่อเฟร์ราน โซเรียโน่ ซีอีโอเลือดกระทิง วางเป้าหมายสโมสรต้องกวาด 5 แชมป์เป็นอย่างน้อยตลอด 5 ปีข้างหน้า ยันกุนซือใหม่จะได้รับการสนับสนุนแน่หากสามารถพัฒนาทีมให้มีผลงานในเกมยุโรปดีขึ้นกว่าปัจจุบัน
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
วิเคราะห์บอล เจ-ลีก ดิวิชั่น 1 โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส vs อูราวะ เรด ไดมอนส์
วิเคราะห์บอล เอเอฟเอฟ คัพ การท่าเรือ เอฟซี vs ไลอ้อน ซิตี้ เซเลอร์ส
วิเคราะห์บอล กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ยูเวนตุส vs ปาร์มากัลโช
วิเคราะห์บอล อังกฤษ ลีกคัพ นิวคาสเซิ่ล vs เชลซี
วิเคราะห์บอล กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เอเอส โรม่า VS โตริโน่
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์