นักประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย ออกมาชี้แจงว่า สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ โดยการยินยอมของ ร.6 ไม่ใช่เพราะไทยขอไปยังฟีฟ่า

นาย จิรัฏฐ์ จันทะเสน นายกสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะนักประวัติศาสตร์ลูกหนังไทย ออกมากล่าวยืนยันว่า ไทยเราไม่เคยขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่ หัว รัชกาลที่ 6 ทรงมีพระบรมราชโองการอนุญาต ให้ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เข้าร่วมเป็นสมาชิกของฟีฟ่า เมื่อ 23 มิถุนายน 2468 หรือ ค.ศ. 1925 เป็นลำดับที่ 37 ของโลก ตามที่ ฟีฟ่า ได้ส่งจดหมายขอมาทางสยามประเทศ เมื่อเกือบ 90 ปีก่อน พร้อมตำหนิตัวแทนฟีฟ่า ที่พูดจาไม่ให้เกียรติวงการฟุตบอลไทย

โดยจากคำพูดของ มร.เธียร์รี เรอเกอนาส ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลชาติสมาชิก และการพัฒนาของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ตอบคำถามของ พินิจ งามพริ้ิง หนึ่งในผู้ลงสมัครนายกสมมคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า ทางฟีฟ่า ได้มีความเคารพในกฏหมายไทยหรือไม่ ซึ่ง มิสเตอร์ เรอเกอนาส ตอบกลับว่า ทางฟีฟ่าให้การเคารพ แต่ในทางกลับกัน ฟีฟ่า ไม่เคยขอให้ไทยมาเข้าร่วมการเป็นสมาชิกของวงการลูกหนังนานาชาติ ซึ่ง นาย จิรัฏฐ์ จันทะเสน นักประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย กล่าวว่า "คำพูดดังกล่าว นับเป็นเรื่องน่าละอาย และไม่ให้เกียรติวงการฟุตบอลไทยเลยแม้แต่น้อย สำหรับตัวแทนฟีฟ่ารายนี้"

"หลักฐานอ้างอิงในส่วนของสมาคมประวัติศาสตร์นั้น มีหนังสือประวัติศาสตร์ฟีฟ่า (ภาษาฝรั่งเศส) และหนังสือเรื่องการขอให้สยามเป็นสมาชิก ซึ่งทุกอย่างในสมัยนั้นทุกอย่างต้องผ่านพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ไทย"

"ฟีฟ่าขอให้ไทยเข้าเป็นสมาชิก และสยามก็ตอบตกลงเข้าเป็นสมาชิก เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2468 หรือ ค.ศ. 1925 เป็นลำดับที่ 37 ของโลก โดยมีพระบรมราชโองการอนุญาตจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว"

"ที่เขา (มร. เธียร์รี่ เรอเกอนาส) พูดมา เขาพูดแบบไม่ให้เกียรติกัน สยามเป็นชาติร่วมก่อตั้งฟุตบอลโลกด้วย ซ้ำ ใน เอเชียตอนนั้น มีสยาม นิปปอน และอินดีสเนเธอร์แลน (อินโดนีเซีย) ที่จะเดินทางไปอุรุกวัย ค.ศ. 1930 แต่อินโดฯ ได้ไปอย่างไม่ภูมิใจเพราะเป็นเมืองขึ้น ขณะที่สยามกับญี่ปุ่นเกิดปัญหาภายในประเทศจึงไม่เข้าแข่ง"

"สิ่งที่เขาได้พูดออกมาพูดเหมือนไม่ให้เกียรติเราเลยแม้แต่นิด" นายกสมาคมประวัติศาสตร์ลูกหนังไทย กล่าวทิ้งท้าย แบบเจ็บปวด