กระทิงแม่นโทษ!เฉือนอัซซูรี่7-6ลิ่วชิงแซมบ้า
Posted 28/06/2013 by siamsport
"ขุนพลกระทิงดุ" สเปน เฉือนชัยในการดวลจุดโทษเหนือ "อัซซูรี่" อิตาลี 7-6 หลังทั้งสองทีมเสมอกันทั้งในเวลาปกติและต่อเวลาพิเศษ 0-0 ส่งผลให้ สเปน ผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศโดยจะพบกับ "แซมบ้า" บราซิล ต่อไป ในศึกฟุตบอล คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2013 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา
ฟุตบอล คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2013
รอบรองชนะเลิศ
วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2556
สเปน 0 - 0 อิตาลี
(สเปนชนะจุดโทษ 7-6)
สนาม: เอสตาดิโอ คาสเตเลา (ฟอร์ตาเลซ่า, บราซิล)
"กระทิงดุ" ทีมชาติสเปน เกมนี้ไม่มีชื่อของ โรเบร์โต้ โซลดาโด้ กับ เชส ฟาเบรกาส สองผู้เล่นตัวหลักที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ไม่น่าส่งผลต่อทีมมากนักเพราะ เฟร์นานโด ตอร์เรส กำลังฟอร์มฮอตซัดไป 5 ประตู นำเป็นดาวซัลโวของรายการอยู่
ทางด้าน "อัซซูรี่" ทีมชาติอิตาลี สภาพทีมไม่ดีเอาซะเลย เมื่อต้องขาด มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าตัวแสบและ อินยาซิโอ อบาเต้ แบ็กขวาที่ได้รับบาดเจ็บ แถม ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ก็ยังมีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง แต่ข่าวดีคือ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ กองกลางจอมบู๊จากสโมสรโรม่า พ้นโทษแบนหนึ่งนัดกลับมาลงสนามได้แล้ว
เริ่มเกมมา สเปน เปิดเกมบุกเข้าใส่ทันทีและได้ลุ้นก่อนเลยในนาทีที่ 2 จาก เปโดร โรดริเกซ แต่บอลหลุดกรอบออกไป
นาทีที่ 8 อิตาลีได้ลุ้นบ้างจากลูกเตะมุม อันเดรีย ปีร์โล่ เปิดเข้าไปหน้าประตู คริสเตียน มาจโจ้ ได้โหม่งเต็มหัว แต่บอลข้ามคานออกไป
นาทีที่ 15 ทีมอัซซูรี่ นัดนี้มาเน้นรับแล้วโต้ คริสเตียน มาจโจ้ ลากบอลสุดเส้นฝั่งขวาก่อนผ่านเข้าไปในเขตโทษให้ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ ได้ยิงแต่บอลผ่านหน้าประตูออกไป
สองนาทีต่อมา ยังเป็นอิตาลีที่ได้โอกาสอีกครั้ง อันเดรีย ปีร์โล่ วางยาวให้ คริสเตียน มาจโจ้ ได้หลุดเข้าไปโหม่งกดลงพื้นหน้าเขตโทษ แต่ยังดีที่ อีเกร์ กาซียาส อ่านเกมขาดออกมาบล็อกได้ทัน
นาทีที่ 19 อิตาลี ยิ่งเล่นยิ่งดี และมาได้ลูกฟรีคิกระยะ 30 หลาริมเส้นฝั่งขวา อันเดรีย ปีร์โล่ เปิดเข้าไปหน้าประตู ดานิเอเล่ เด รอสซี่ หนีตัวประกบได้โขกแต่โดนบอลไม่ดีบอลผ่านหน้าประตูออกไปอีก
ครบครึ่งชั่วโมง ทีมกระทิงดุ เป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ผ่านแนวรับอิตาลี ที่วันนี้วางแผนมาดีเหลือเกิน
นาทีที่ 36 อิตาลี ที่นานๆบุกทีได้ลุ้นอีกครั้ง เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ เปิดบอลตัดแนวรับสเปนให้ คริสเตียน มาจโจ้ ได้ทิ้งตัวโขกจ่อๆคนเดียวโล่งๆ แต่ อีเกร์ กาซียาส ยังปัดเอาไว้ได้ ก่อนตามมาตะครุบอีกครั้ง
นาทีต่อมา สเปนได้ลุ้นบ้าง เฟร์นานโด ตอร์เรส พลิกบอลหลบ อันเดรีย บาร์ซาญี่ ก่อนหลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายในเขตโทษแต่บอลหลุดเสาสองออกไปชนิดได้เสียว
นาทีที่ 43 ทีมอัซซูรี่ ทำเกมบุกขึ้นมาได้น่ากลัว เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ พาบอลหลุดขึ้นมาก่อนตัดสินใจยิง บอลไปติดบล็อกของ เซร์คิโอ รามอส กระเด้งมาเข้าทาง ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ที่วิ่งเข้ากดด้วยซ้ายแบบไม่ต้องจับ บอลพุ่งเป็นจรวดเข้าหาประตู แต่ อีเกร์ กาซียาส ชกทิ้งออกมาได้
จบครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมยังไม่มีใครทำประตูกันได้ เสมอกัน 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง อิตาลี เปลี่ยนตัวทันทีโดยส่ง ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ลงมาแทน อันเดรีย บาร์ซาญี่
นาทีที่ 49 อันเดรส อิเนียสต้า ทำชิ่งกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้สวยก่อนหลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายในเขตโทษแต่โดนไม่ดี บอลหลุดกรอบออกไปเยอะ
นาทีที่ 52 ทีมกระทิงดุ เปลี่ยนตัวบ้างโดยส่ง เฆซุส นาบาส ลงสนามมาแทน ดาบิด ซิลบา ที่แทบจะหายไปจากเกม
นาทีที่ 58 เฟร์นานโด ตอร์เรส พาบอลไปริมเส้นฝั่งขวาของเขตโทษ ก่อนไหลคืนหลังให้ เฆซุส นาบาส กดด้วยซ้ายจากระยะ 18 หลา แต่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ล้มตัวเซฟไว้ได้
นาทีที่ 65 ดานิเอเล่ เด รอสซี่ รับใบเหลืองหลังไปเข้าหนักใส่ เฟร์นานโด ตอร์เรส
นาทีที่ 73 ทีมอัซซูรี่ได้ลูกเตะมุม อันเดรีย ปีร์โล่ เปิดโด่งไปที่เสาสอง จอร์โจ้ คิเอลลินี่ เทกตัวโหม่งย้อนกลับมาที่เสาแรก แต่บอลไปตกบนตาข่าย
นาทีที่ 79 สเปน เปลี่ยนเอา ฆวน มาต้า ลงสนามมาแทน เปโดร โรดริเกซ
นาทีที่ 80 อิตาลี ก็เปลี่ยนตัวเช่นกันโดยถอดเอา เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ออกและส่ง อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ ลงแทน
นาทีที่ 85 เฟร์นานโด ตอร์เรส ลากบอลหลบผู้เล่นอิตาลีก่อนสับไกยิงระยะ 20 หลา แต่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน รับเข้าซองได้ไม่ยาก
นาทีสุดท้าย เฆซุส นาบาส ลากบอลสุดเส้นหลังก่อนเปิดบอลไปที่เสาสอง เฟร์นานโด ตอร์เรส โหม่งตั้งมาให้ ฆวน มาต้า ได้ยิงแต่บอลไปติดบล็อกกองหลังอิตาลี ทำให้ จานลุยจิ บุฟฟ่อน รับได้ไม่ยาก
หมดเวลาการแข่งขันในเวลา 90 นาที ยังเสมอกัน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปเพื่อหาผู้ชนะ
นาทีที่ 91 อิตาลี เปลี่ยนตัวคนสุดท้ายส่ง เซบาสเตียน โจวินโก้ ลงสนามไปแทน อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่
นาทีที่ 93 ทีมอัซซูรี่ พลาดได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย คริสเตียน มาจโจ้ เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษให้ เซบาสเตียน โจวินโก้ แต่กองหลังสเปนมาบีบทำให้ไม่ได้ยิง บอลเลยมาที่เสาสอง เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ วิ่งมายิงด้วยซ้าย แต่บอลพุ่งชนเสาอย่างจัง
นาทีที่ 94 สเปนเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายโดยถอดเอา เฟร์นานโด ตอร์เรส ออกและส่ง ฆาบี มาร์ติเนซ ลงแทน
นาทีที่ 99 สเปน ก็น่าจะได้ประตูเช่นกันจากจังหวะที่ อันเดรส อิเนียสต้า กระดกบอลให้ จอร์ดี้ อัลบา ที่เติมเกมขึ้นมาในเขตโทษได้ยิงด้วยซ้ายแบบไม่ต้องจับ บอลพุ่งผ่านมือ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ไปแล้วแต่แรงไปข้ามคานออกไปนิดเดียว
นาทีที่ 106 เคราร์ด ปิเก้ โดนใบเหลืองหลังพยายามใช้มือเล่นบอล
จบครึ่งแรกของการต่อเวลา 120 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งเวลาหลังของการต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 109 สเปน ได้โอกาสอีกครั้ง ฆวน มาต้า ยิงจากหน้าเขตโทษด้วยซ้ายแต่บอลหลุดกรอบออกไป
นาทีที่ 115 สเปน พลาดโอกาสอีกครั้ง ชาบี เอร์นานเดซ สับไกจากนอกเขตโทษบอลพุ่งจะเสียบสามเหลี่ยมอยู่แล้ว แต่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน พุ่งปัดไปโดนคานกระดอนมาเข้าทาง ฆาบี มาร์ติเนซ ที่ตัดสินใจยิงยัดเข้าไป ฆวน มาต้า พยายามแหย่เท้าเพื่อทำประตูแต่ไม่โดนทำให้บอลผ่านหน้าประตูออกไป
หมดเวลา 120 นาที สเปน เสมอ อิตาลี 0-0 ต้องไปตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ
อิตาลี เป็นฝ่ายยิงก่อน อันโตนิโอ คันเดรว่า ยิงชิพเข้าไปตรงกลางประตูง่ายๆ อิตาลี ขึ้นนำ 1-0
ชาบี เอร์นานเดซ ยิงเสียบมุมขวาไม่เหลือ สเปน ตามตีเสมอ 1-1
อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ ยิงรอดแขน อีเกร์ กาซียาส เข้าประตูไป อิตาลี ขึ้นนำ 2-1
อันเดรส อิเนียสต้า ยิงแปเสียบเสาเข้าไปเด็ดขาด สเปน ตามตีเสมอ 2-2
ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ยิงเข้าไปไม่เหลือ อิตาลี ขึ้นนำ 3-2
เคราร์ด ปิเก้ ซัดไม่เหลือ สเปน ตามตีเสมอ 3-3
เซบาสเตียน โจวินโก้ ก็ยิงไม่พลาด อิตาลี ขึ้นนำ 4-3
เซร์คิโอ รามอส ยิงตีเสมอให้ สเปนไล่มาเป็น 4-4
อันเดรีย ปีร์โล่ ยิงเบียดเสาเข้าไป อิตาลี ขึ้นนำ 5-4
ฆวน มาต้า ยิงตีเสมอให้ สเปนไล่มาเป็น 5-5
ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ซัดเข้าไป อิตาลี ขึ้นนำ 6-5
เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ยิงเข้าไปไม่เหลือ สเปนไล่มาเป็น 6-6
เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ซัดเต็มแรงบอลข้ามคานออกไปไกล อิตาลี ยังเสมอ สเปน 6-6
เฆซุส นาบาส ยิงเข้าไปไม่เหลือ สเปน เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 7-6
จบเกม สเปน เป็นฝ่ายเอาชนะ อิตาลี ไปได้ในช่วงของการดวลจุดโทษ 7-6 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ "เจ้าภาพ" บราซิล ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน เวลา : 05.00 น. (ตามเวลาบ้านเรา)
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สเปน (4-3-3) :อิเคร์ กาซิยาส, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ รามอส, จอร์ดี้ อัลบา, เซร์คิโอ บุสเกตส์, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า, เปโดร โรดริเกซ (ฆวน มานูเอล มาต้า น.79), ดาบิด ซิลบา (เฆซุส นาบาส น.53), เฟร์นานโด ตอร์เรส (ฆาบี มาร์ติเนซ น.94)
อิตาลี(3-4-2-1) :จานลุยจิ บุฟฟ่อน, อันเดรีย บาร์ซาญี่ (ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ น.46), เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, คริสเตียน มาจโจ้, อันเดรีย ปิร์โล่, อันโตนิโอ คันเดรว่า, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, เอมานูเอเล่ จัคเครินี่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ (อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ น.80), อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ (เซบาสเตียน โจวินโก้ น.91)
ผู้ตัดสิน:ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ (อังกฤษ)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เซซาร์โวบาโลหลอนดวลจุดโทษกับตน
ชูลิโอ เซซาร์ นายด่านจอมหนึบทีมชาติบราซิล โวทุกวันนี้ มาริโอ บาโลเตลลี่ หัวหอกอิตาลี ยังกลัวการดวลจุดโทษกับตน เนื่องจากสมัยที่อยู่ อินเตอร์ มิลาน ตนสามารถเซฟจุดโทษจากฝีเท้าของ "ซูเปอร์มาริโอ" ได้พอสมควร
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์