สรุป 6 อันดับผู้เล่นในศึกยามาฮ่า ลีกวัน ที่สามารถโชว์ฟอร์มเข้าตาทีมงาน ส่วนจะเป็นใครนั้นติดตามได้จากที่นี่เลย

1. สราวุธ กัลยาณบัณฑิต (ทีทีเอ็ม เอฟซี)

CR.TTM

"เจ้าแฟลต" ปราการหลังตัวกลางของ ทีทีเอ็ม เอฟซี กลายเป็นที่หมายปองของหลายทีม หลังโชว์ฝีเท้าได้เกินวัย และด้วยความแข็งแกร่ง เล่นอย่างดุดัน ชนิดที่ว่าไม่กลัวกองหน้าฝั่งตรงข้ามจะเก่งขนาดไหน ทำให้ "ซิโก้" เกรียติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกเข้าติด 25 คนสุดท้ายในชุดทีมชาติไทยลุยศึกล่าเหรียญทองซีเกมส์ ที่ประเทศพม่า

เชื่อเหลือเกินว่าจบปีนี้อดีตกองหลังราชวิถีผู้นี้มีสิทธ์ย้ายทีมไปอยู่ในทีมใหญ่ของเมืองไทยแน่นอน

2. ยูซูเกะ คาโตะ (นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี)

CR.Nakhonratchasima FC

ฤดูกาลแรกในเวทีดิวิชั่น 1 ของ มิดฟิลด์ตัวรุกแดนปลาดิบ วัย 27 ปี จากสโมสร “สวาทแคท” นครราชสีมา เอฟซี ที่ย้ายมาจาก “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน ก็ไม่ทำให้แฟนบอลโคราชผิดหวังเลยแม้แต่นิด ด้วยระบบ “เจแปน- คอนเนคชั่น” ที่มี โคอิเดะ โชตะ , ซาโตชิ นากาโนะ และ “ตัง” สารัช อยู่เย็น เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ทำให้เขาเป็นกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนบอลเมืองย่าโมไปโดยปริยาย โดยเฉพาะ ความเร็ว เทคนิคการเล่น และ การทำประตู 3 สิ่งนี้ ทำให้เขาจูนเข้ากับระบบทีมใหม่ไปแบบสุดยอด และยิ่งไปกว่านั้น ในนัดสำคัญที่ทีมต้องการชัยชนะ ชื่อของ คาโตะ สามารถตอบโจทย์แฟนบอลได้เป็นอย่างดี ซึ่งจบเลกแรก เจ้าตัวซัดประตูคู่แข่งไปทั้งหมด 9 ลูก เทียบเท่า โอลอฟ วัตสัน ของ บางกอก เอฟซี และ เลอันโดร เดอ โอลิเวียร่า จาก สิงห์ท่าเรือ

โดย “บิ๊กโต” วัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้จัดการทีม “สวาทแคท” ที่ปรบมือ และยกนิ้วให้กับนักเตะรายนี้ว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่คุ้มจริงๆ แต่ท้ายสุดแล้ว ต้องมาลุ้นกันว่า ช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง เขาจะสามารถแสดงศักยภาพ และจะระเบิดสกอร์ให้กับทีมได้อีกกี่ลูก

3. ศุภกร รามกุหลาบสุข (แอร์ฟอร์ซ เอวิเอ เอฟซี)

CR.airforceunitednews

ศูนย์หน้าร่างใหญ่เจ้าของส่วนสูง 183 เซนติเมตร วัย 24 ปี จากสโมสร “อินทรีทัฟฟ้า” แอร์ฟอร์ซ เอวิเอ เอฟซี กับฤดูกาลแรกของเขา เป็นอะไหล่ชิ้นสำคัญ ที่ทำให้ทีมแกร่งย่านลำลูกกา ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงตลอดช่วงเลกแรก ด้วยเทคนิคการเล่น ที่ครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ลูกกลางอากาศ , การยิงไกล และมีความเร็วสูง ทำให้เขาสามารถก้าวเป็น ผู้เล่นในระดับแนวหน้าในลีกพระรอง ยามาฮ่า ลีกวันได้ไม่ยาก

โดย “บิ๊กศรัณย์” ศรัณย์ สันติพัฒนาชัย ประธานบริษัท แอร์ฟอร์ซ เอวิเอ เอฟซี เผยว่า เขาเป็นผู้เล่นที่มีการปรับตัวเข้ากับทีมได้อย่างรวดเร็ว เราต้องยกเครดิตให้กับ “โค้ชเกลี้ยง” นราศักดิ์ บุญเกลี้ยง เฮดโค้ชใหญ่ แต่เพียงผู้เดียว ที่สามารถดึงศักยภาพของเด็กคนนี้ออกมาได้อย่างรวดเร็ว และเข้ากับระบบทีมแบบสบายๆ ซึ่งต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่า อดีตศูนย์หน้า ทีทีเอ็ม และ จามจุรี ยูไนเต็ด จะสามารถระเบิดฟอร์มอันสุดยอดออกมาได้มากน้อยเพียงใด

4. ลี ทัค (บางกอก เอฟซี)

CR.Bangkok FC

ดาวยิงเลือดบริติซ วัย 25 ปี คือ ผู้เล่นคนสำคัญที่ “กระทิงเหล็ก” บางกอก เอฟซี ขาดไม่ได้แม้แต่เกมเดียว เขาเป็นนักเตะที่ขยันฝึกซ้อมเกินร้อย บวกกับความมุ่งมั่น และความทุ่มเทของเขาที่เต็มเปี่ยม นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ยามใดเมื่อ ศูนย์หน้ารายนี้ลงสู่สนามทีมคู่แข่ง โดยเฉพาะกองหลังต้องหวั่นเกรงกับตัวเขา ด้วยความสามารถ ทั้งขยันไล่บอล มีความเร็วสูง และสามารถจบสกอร์ได้ทุกรูปแบบ ทั้งลูกโหม่ง และ การยิงประตู ทำให้ ขณะนี้ เขานำเป็นดาวซัลโวเพียงผู้เดียวด้วย 12 ประตู

ทำให้ทีมแกร่งย่านบางมด บางกอก เอฟซี รั้งอันดับ 3 ของตารางในช่วงเลกแรก โดยในฤดูกาลนี้ ขุมกำลังของทีม ล้วนแต่เป็นผู้ระดับเกรดเอทั้งสิ้น นั่นหมายความว่า เลกที่สองกับการผลิตสกอร์ของเขา ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะทำมันอีก

5. เดชา สร้างดี (ปตท. ระยอง)

CR. PTT Rayong Photo By : Dajim

“เจ้าบอย” แบคซ้ายจอมบุกวัย 23 ปี จาก ค่าย “พลังเพลิง” ปตท. ระยอง เป็นกำลังหลักให้กับทีมมาตลอด ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เขาคือ ผู้เล่นปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง ด้วยความเร็วที่จี๊ดจ๊าด เปิดบอลได้อย่างยอดเยี่ยม ทักษะการเล่น และ อ่านเกมคู่แข่งได้อย่างเฉียบขาด ทั้งหมดคือ คุณสมบัติของเด็กหนุ่มจากบุรีรัมย์ผู้นี้ เขาคือฟันเฟืองชิ้นสำคัญในตำแหน่งแผงหลัง ที่จะทำให้ ปตท. ระยอง ทะยานขึ้นสู่ เวทีไทยพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า

ฟอร์มเทพแบบนี้ ย่อมมีทีมที่สนใจ ติดต่อคว้าตัวไปร่วมทัพ ทั้งไทย ลีก และ ดิวิชั่น 1 แต่ท้ายสุดแล้วเจ้าตัวออกมาปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวทั้งหมดและได้เหตุผลสั้นๆว่า “ผมมีความผูกพันกับที่นี่ ผมต้องการพาทีมขึ้น ไทยลีกให้ได้ ความฝันในชีวิตของผม คือ การติดทีมชาติไทยในอนาคต”

6. สราวุฒิ คงเจริญ (สิงห์ท่าเรือ)

CR.Pannathorn Prapoj Sukmanont

“เจ้าอ๊อฟ” ศูนย์หน้าความเร็วสูงจากสโมสรเก่าแก่อย่าง สิงห์ท่าเรือ กับผลงานของเจ้าตัวในช่วงเลกแรก ต้องยอมรับว่า เขาโชว์ฟอร์มได้ดีกับต้นสังกัดเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้ทีมจบเลกแรกด้วยอันดับ 4 ของตาราง ในยุคของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน แม้ว่าเจ้าตัว จะยิงประตูคู่แข่งได้เพียงแค่ 3 ประตูก็ตาม

อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นนักเตะที่ทีมขาดไม่ได้ ด้วยความเร็ว บวกกับการเลี้ยงบอลอย่างฉลาด และจบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาด ทำให้เขาเป็นขวัญใจของแฟนบอล และเชื่อว่า ในช่วงเลกที่สอง เจ้าอ๊อฟ จะเป็นกุญแจชิ้นสำคัญ ที่จะพายอดทีมแห่งคลองเตย กลับไปโลดแล่นในเวที ไทยพรีเมียร์ลีกได้อย่างแน่นอน