ซามีร์ นาสรี่ กองกลาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รับสมควรถูกวิจารณ์จากฟอร์มการเล่นและพฤติกรรมนอกสนามของตัวเอง แต่ก็ชี้ว่าส่วนใหญ่เป็นการจวกที่เกินจริง บอกตอนนี้รู้สึกเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และได้เรียนรู้จากความผิดพลาดทั้งหลาย พร้อมมั่นใจ "เรือใบสีฟ้า" จะมีผลงานที่ดียิ่งขึ้นในซีซั่นใหม่นี้

ซามีร์ นาสรี่ มิดฟิลด์ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมายอมรับเมื่อวันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า เขาสมควรแล้วที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นในสนามและพฤติกรรมนอกสนามในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็เชื่อว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นเสียงตำหนิที่เกินกว่าความเป็นจริง

ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส มีเรื่องกับนักข่าวในระหว่างศึกยูโร 2012 เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว ก่อนที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ อดีตผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ จะออกมาแสดงความผิดหวังกับฟอร์มการเล่นของแข้งวัย 25 ปี และ นาสรี่ ก็ยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดและรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในช่วงหลัง แต่ก็ยืนยันว่าเสียงวิจารณ์ที่มีต่อตัวเองบางครั้งก็เกินกว่าเหตุ

"ผมรู้สึกดีในตอนนี้ ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมามันน่าเบื่อหน่ายมากสำหรับผม เสียงวิจารณ์บางอย่างก็ทำให้ผมเจ็บปวด ผมยอมรับเสียงวิจารณ์ตราบใดที่มันมีเหตุผล แต่มันมีเรื่องโกหกมากมาย ผมทำผิด ผมรู้ตัว แต่ผมไม่ใช่ลูกเป็ดขี้เหร่อย่างที่บางคนคิด ผมเรียนรู้จากความผิดพลาดและผมรู้สึกเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในตอนนี้ ผมยังอายุน้อยและผมรู้ว่าผมต้องเรียนรู้อีกมาก ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาทำให้ผมเติบโตขึ้น" นาสรี่ กล่าว

นาสรี่ เป็นสมาชิก แมนฯ ซิตี้ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011-12 แต่ "เรือใบสีฟ้า" ก็ไม่สามารถทำได้อีกครั้งเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดยถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปครอง แต่เพลย์เมคเกอร์ชาวฝรั่งเศส ก็เชื่อว่าต้นสังกัดสามารถที่จะทำผลงานได้ดีขึ้นในฤดูกาลใหม่นี้

"มันเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังมาก การเสียแชมป์อังกฤษคือความล้มเหลวซึ่งเป็นเรื่องยากที่ทีมจะยอมรับได้ เราไม่ได้แชมป์สักรายการ และมันน่าผิดหวังสำหรับสโมสรระดับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรามีปีที่เป็นบททดสอบ แต่เราจะเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมในปีหน้า" นาสรี่ กล่าว

นอกจากนี้ นาสรี่ ยังมีภารกิจต้องนำทีมชาติฝรั่งเศส ลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล ด้วยเช่นกัน และเขาก็ยืนยันว่าการรับใช้ "ตราไก่" คือสิ่งสำคัญที่สุด

"หนึ่งในหน้าที่สำคัญของผมคือการกลับไปติดทีมชาติฝรั่งเศส อีกครั้งโดยเร็วที่สุด การได้สวมเสื้อสีน้ำเงินสำคัญมากสำหรับผม และผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับไปอยู่ในทีม บราซิล คือหนึ่งในประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอล และเกมลูกหนังก็เป็นเหมือนศาสนาสำหรับชาวบราซิล ผมไม่คิดว่าจะมีนักฟุตบอลคนไหนที่ไม่อยากเล่นในรายการสำคัญแบบนี้ในประเทศอย่างบราซิล มันเป็นสถานที่ที่เป็นตำนาน" นาสรี่ กล่าว