ก็ยังคงเกาะติดกระแสฮอตประเด็นร้อนที่สุด ณ เวลานี้ของวงการบันเทิงไทย เกี่ยวกับกรณีที่นางเอกชื่อดังอย่างสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ และนักการเมืองชื่อดัง ''เอ๋'' ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นั้นออกมาแถลงข่าวประกาศคบหาดูใจกันจริงกว่า 5 เดือน เท่านั้นไม่พอ ยังได้จูงมือกันไปจดทะเบียนสมรสเพื่อยืนยันว่า เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนที่จะมีการออกมาแถลงข่าวซะด้วย!! งานนี้ก็คงจะไม่เป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้หรอก หากฝ่ายชายนั้นไม่มีเรื่องของพันธะผูกพันอยู่กับนักร้องรุ่นเก๋าอย่าง ''ตู่'' นันทิดา แก้วบัวสาย ที่แต่งงานกันมานานสิบกว่าปี และมีพยานรักยืนยันเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่าง ''น้องเพลง'' ชนม์ทิดา อัศวเหม ซะด้วย...วันนี้เราจึงอยากทราบถึงความคิดเห็นของประชานชนในกรณีที่ว่า ''ถ้าคุณเป็น ''ตู่-นันทิดา'' คุณจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้?'' โดยได้ทำการสอบถามจริงจากหลายกลุ่มอาชีพ ลองมาดูกันซิว่า ประชาชนเขาจะรู้สึกยังไง? พร้อมแล้ว...ลุย!!
น.ส.รสมณฑน์ สิทธิโชติพงศ์ (พนักงานธนาคาร)
''ก็เสียใจ เสียความรู้สึก แต่ก็มองว่า ถ้าเกิดว่าไปด้วยกันไม่ได้เเล้วแยกกัน แล้วก็จบกันไปเลยดีกว่า ขออวยพรให้เขามีความสุข ถ้าเจอคนที่ใช่ เราก็มีความสุขด้วย ตอนนี้ก็คงจะแบบดูแลลูก ช่วยกันดูแลสภาพจิตใจของลูกมากกว่าค่ะ''
เปี่ยมสุข แก้วนุกูล (ผู้สื่อข่าวบันเทิง)
''คิดว่าจุดหนึ่งก็โชคดีที่หลุดพ้น เพราะสิ่งที่ฝ่ายชายทำไม่ใช่ครั้งแรก ต่อไปแค่ดูแลตัวเองและลูกให้ดีที่สุด เพราะคนที่ไม่รักเรา รักเขาไปก็เหนื่อยเปล่าค่ะ''
นิติญาภา ฮามคำไพ (พนักงานธนาคาร)
''ก็คงทั้งเสียใจ เสียความรู้สึกมากค่ะ ถ้าเป็นเราเองก็คงโกรธจนเลยจุดนั้นเลยล่ะ คนรู้จักกัน
ไม่น่าทำกันได้ลง แต่ความรักห้ามกันไม่ได้ อันนี้ก็เข้าใจค่ะ คนรักกันเอาอะไรไปคั่นก็คงไม่อยู่หรอกค่ะ''
นิลญาดา ตู้จินดา (ครีเอทีฟรายการ)
''รู้สึกว่า ฉันโชคดีแล้วล่ะ ที่สูญเสียคนที่ไม่รักฉันไป เขาต่างหากที่ต้องเสียใจ เพราะนับตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจเลือกผู้หญิงคนนั้น เขาก็ได้สูญเสียคนที่รักเขามากไปแล้วเช่นกัน!!!''
นวพร ธานีวัฒน์ (อาจารย์มหาวิทยาลัย)
''เพลีย เหนื่อยกับผู้ชายคนนี้ ไม่รู้ว่าทำใจได้มั้ย แต่เวลาพูดคงพูดได้คำเดียวว่า ปลง กับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดค่ะ''
ชญาธร ธนัทสุนัน (ธุรกิจส่วนตัว)
''ถ้าเป็นเรานะคงเจ็บสุดๆ ก็จะด่าในใจ แล้วก็คงอยู่เฉยๆ เพราะยังไงสังคมก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ปล่อยให้สังคมด่าอินั่นพอ ให้เค้าตัดสินในส่วนนั้นไป ส่วนเราก็คงจะเปิดตัวแฟนหนุ่มคนใหม่แทนค่ะ''
ชมพูนุท สูบไธสง (พนักงานบริษัทเอกชน)
''ให้เธอได้กับเขาและจงโชคดี แต่จริงๆ ก็เสียใจค่ะ คิดซะว่าเราทำบุญร่วมกันมาแค่นี้ ไปดีเถอะค่ะ''
ภาสกร ชัยเจริญ (ข้าราชการ)
''คงพูดได้สั้นๆ ว่า ใครทำอย่างไรก็คงได้อย่างนั้น สิ่งไหนจริงไม่จริง ยังไงใครที่ผิดก็คงแพ้ภัยตนเอง''
กุลลิสา สายสุจริต (นักศึกษา)
''คงรู้สึกระอาแล้วก็หมดความอดทนกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ถ้าเป็นแรกๆ ก็คงทนไหวเพื่อให้รักษาครอบครัวเอาไว้ วินาทีนี้อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ก็ต้องคิดถึงสภาพจิตใจของลูกเป็นอันดับแรก คอยเติมเต็มในสิ่งที่เค้าขาดหายไป แม้จะรู้อยู่เต็มหัวใจว่า เติมยังไงก็ไม่มีทางเต็มหรอก พยายามทำแค่ไหนมันก็ไม่สมบูรณ์ คำว่าพ่อมันยิ่งใหญ่มากเกินกว่าใครจะคิด ขนาดตัวเราเองอยู่ห่างพ่อแม่ เห็นคนอื่นเค้ากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเรายังร้องไห้เป็นวันเลย แล้วเรื่องราวขนาดนี้ หย่าร้าง มันคงเจ็บลึกๆ ที่สามีเราเมื่อวันก่อน ในวันนี้กลับเป็นสามีของผู้หญิงอีกคน เรายังเจ็บขนาดนี้ แล้วลูกที่เคยได้ทั้งความรักและห่วงใยจากคนเป็นพ่อ อยู่ๆ ดีต้องมาปันใจให้คนใหม่ที่มาแทนที่แม่ มันก็กังวลว่าเค้าจะรู้สึกยังไง เค้าจะคิดมากมั้ย มันเรียกพ่อไม่เต็มปาก แต่ก็เชื่อว่า ถ้าเราให้ความรักกับเค้า ให้ความเข้าใจเค้า สักวันเค้าก็จะเข้มแข็งและยืนหยัดต่อไปได้ จริงๆ มันก็นิสัยของผู้ชายเจ้าชู้ล่ะนะ แต่ครั้งนี้ก็สุดทนจริงๆ หมดแรงจะสู้ต่อ...ให้เป็นเพื่อนหรืออะไรก็คงยาก ตัวเราถ้าจะตัดก็ต้องตัดให้ขาด แต่เพราะเค้าเป็นพ่อของลูก จะขาดหายเลยคงเป็นไปไม่ได้ ขอเวลาทำใจเพื่อฟื้นฟูหัวใจตัวเอง ใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง ดูแลตัวเองให้มากขึ้น เพราะเราทุ่มเทกับเค้ามามากพอแล้ว''
คณัศนันท์ ปืนโก (พิธีกรรายการ)
''เรื่องที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างอธิบายให้ประชาชนทุกคนเข้าใจได้ยาก นะคะ เพราะจริงๆ แล้วตัวเองก็รู้สึกสับสนกับสิ่งที่ตัวเองพูดหรือกระทำลงไปทั้งหมด เอาเป็นว่าก็...เคารพการตัดสินใจของสามีค่ะ แต่ถามว่าทำแล้วได้อะไร เจ็บไหม? เสียใจไหม? โกรธไหม? ตอบเลยว่า มาเต็มทุกอารมณ์ แต่เพื่อความสุขสบาย ความเป็นอยู่ของครอบครัวและทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ยินดีค่ะ จะได้จบเรื่องวุ่นวายและสังคมวงการเราจะได้เสพข่าวที่มีประโยชน์ต่อสมอง เพื่อพัฒนาการใช้ชีวิตที่ดีที่ถูกต้องกันต่อไป ขอบคุณค่ะ!!!''
ปวีณา เนตรวงศ์ (ข้าราชการ)
''โอ้......ไม่เสียใจ.....ไม่ใส่ใจ....ไม่สนใจ....อวยพรให้ไปกันรอดก็แล้วกัน ประมาณว่า...ช่างหัวมัน...ฉันไม่แคร์ ค่ะ''
วิสาร์ท เดชกุล (พนักงานบริษัทเอกชน)
''คงเสียใจนะ แม้รู้ว่าปัญหามีมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาเหมือนไม่ค่อยให้เกียรติกันเลย ทั้งๆ ที่มีลูกด้วยกัน รักลูกมาก แต่ไม่เคยคิดจะจดทะเบียน แต่กะคนอื่น เพิ่งเจอกัน 5 เดือน นี่ยกย่องเต็มที่เลย''
กานต์สินี สิทธิโชติพงศ์ (พนักงานบริษัทเอกชน)
''สิ่งที่เกิดขึ้นมันอยู่เกินความควบคุมค่ะ ถึงแม้ว่าธรรมชาติแล้วผู้หญิงทุกคนคงอยากประคับประคองชีวิตครอบครัวให้มี ความสุขที่สุด และไปรอดถึงฝั่ง แต่ในเมื่อมันไม่มีอะไรดีขึ้น หรือมีแต่แย่ลง ก็อย่ารั้ง อย่าฝืนเลยค่ะ ปล่อยกันไปทั้งสองฝ่ายอาจจะมีความสุขกว่าก็ได้ เรื่องนี้ไม่มีใครผิดหรอกค่ะ มันเป็นความคิดแต่ละคน มุมมองและทัศนคติที่คนภายนอกดูอาจรู้สึกอย่างนึง แต่คนที่อยู่ตรงนี้อาจรู้สึกอีกอย่างนึง ทุกวันนี้ชีวิตของตู่คือน้องเพลง ที่สุดของดวงใจเพียงคนเดียวค่ะ ทุกวันนี้ขอทำเพื่อตัวเอง ลูก ครอบครัว และคนที่รักตู่ละกันค่ะ''
กมลรส ณ นคร (ธุรกิจส่วนตัว)
''รู้สึกว่ามันแค่ไปคอนเฟิร์มความรู้สึกเรา ว่าสิ่งที่เราเคยเจอที่ผ่านมา มันเป็นความจริงที่ชัดมากขึ้น ในตอนนี้ก็แค่ยอมรับภาพๆ นี้ให้ได้ และใช้ชีวิตต่อไปค่ะ''
กรกมล เตชะโต(ธุรกิจส่วนตัว)
''อายอ่ะ ที่เหมือนถูกตบหน้ากลางสี่แยก ที่สามีตัวเองที่อยู่ด้วยกันมาสิบๆ ปี เป็นคนพูดให้แทนมือที่ 3 ไหนบอกเป็นเรื่องในครอบครัว บอกสื่อว่าอยู่กันแบบไม่จดทะเบียน แต่กลับเอาคนใหม่ที่คบกัน 5 เดือนมาเปิดตัวจดทะเบียนเป็นเมียตามกฎหมาย กระดาษใบนั้นทำร้ายจิตใจตู่ลึกๆ และเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าไว้ใจงู เพราะขึ้นชื่อว่างู ต่อให้ไม่มีพิษ ใช่ว่าจะฉกไม่เป็น เหมือนโดนแทงข้างหลัง เพราะเป็นรุ่นพี่ของลูกสาว คิดว่าตู่ยังรักนะ และยังผูกพันถึงแยกกันอยู่ แต่เพราะมีลูกเป็นกำลังใจที่ดี เลยสู้ต่อได้ คิดว่าจุดนี้ เมียหลวงมืออาชีพอย่างตู่คงไม่ต้องจัดการอะไร มันเป็นเรื่องของเวรกรรมที่จะตัดสินค่ะ''
อ้าว...งานนี้ก็ว่ากันไปตามความคิดเห็นส่วนบุคคลนะจ๊ะ เรียกว่านานาจิตตัง เอามาให้ดูกันในบางส่วนเท่านั้นนะเจ้าคะ!!