ออกปากโชว์ความฟิตของร่างกาย ทั้งหน้าตาผิวพรรณที่ย้อนวัยกลับไปเป็นสาวอายุ 25 จากการฉีดสเต็มเซลล์ที่ประเทศเยอรมนี เรียกว่าเป็นการลดวัยมาอยู่ใกล้เคียงกับแฟนหนุ่ม"ติ๊งโน้ต" ฐิติพงศ์ วโรกร เลยทีเดียว ด้าน "บุ๋ม"  ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เปิดใจหลังย้อนวัยสาว ยิ่งทำให้ความรักสุดแฮปปี้ถึงขนาด ติ๊งโน้ต ทำเซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงานก่อนบินไปแข่งรถที่อเมริกาและยุโรป พร้อมทั้งยังปฏิเสธข่าวชวนแฟนหนุ่มไปฉีดสเต็มเซลล์อัพความหล่อด้วย 

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เรื่องราวของการฉีดสเต็มเซลล์กำลังมีการพูดถึงกันมากในวงการบันเทิงและวงการการเมือง ที่ปรากฏข่าวซุบซิบออกมาให้ได้ยินอยู่ตลอดว่า กลุ่มดาราสาวรุ่นใหญ่ นักการเมือง และคนในแวดวงสังคมชั้นสูง ยอมควักเงินล้านแห่ไปฉีดสเต็มเซลล์ที่ประเทศเยอรมนี เพื่อเป็นการฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย ซึ่งช่วยทำให้ร่างกายกลับมามีประสิทธิภาพเหมือนคนหนุ่มคนสาว 

ล่าสุด บุ๋ม-ปนัดดา ก็เปิดใจขณะที่มาร่วมงานแถลงข่าว      วิลลา เมดิกา (เยอรมนี) แต่งตั้ง ลิมบิค คลินิก เป็นตัวแทนฉีดเซลล์บำบัดแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย   ที่ ลิมบิคคลินิก ศูนย์การค้าอมอรินี่ ย่านรามอินทรา เมื่อวันก่อน ในฐานะที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ และได้เดินทางไปฉีดเซลล์ที่เยอรมนีเมื่อหลายเดือนก่อน ว่าตอนนี้เพิ่งตรวจร่างกายอีกครั้งแล้วได้รับการแจ้งจากแพทย์ก็ดีใจที่รู้ว่าร่างกายเหมือนสาวอายุ 25 ปี 

"เราทำงานได้ เก็บเงินได้ เราก็อยากรักษาสุขภาพให้ดีๆ อยู่กับงานของเราไปนานๆ พอมีคนทักว่าเราสวยขึ้น ดูแข็งแรงจังเลย เราก็ภูมิใจอ่ะ คือเราก็ไม่อยากหาวิธีว่าฉีดโบท็อกซ์ทำยังไง จะร้อยไหมเหรอ มันไม่ถาวรมั้ง หน้าตึงแต่คอเหี่ยวเราก็ไม่อยากได้นะ นึกภาพออกใช่มั้ย เราก็อยากหน้าตึง คอตึง ตัวตึง หนังตึง ดูแข็งแรง กระดูกแข็งแรง ทำงานได้อึดเหมือนเดิม เพราะบุ๋มเป็นคนบ้างาน ดังนั้นทำอย่างไรก็ได้ให้เรากลับมามีพลังในการทำงานเหมือนเดิม เพราะอายุเราเริ่มแตะ 35 ปุ๊บ เรารู้ว่าเราเหนื่อย ถ้าทำงานไม่ได้นอน อีกวันมันมีเบลอ มันไม่เหมือนสมัยก่อนที่เราแข็งแรง แต่ล่าสุดกลายเป็นว่าเราก็ยังอยู่ได้ เหมือนกลับมาสาวเหมือนเดิม รู้สึกคุ้มนะ ตรงนี้ดูจากความตึงของผิว จากการโดนจับผิวถึงจะรู้ว่ามันตึงทั้งตัว ร้อยไหมทำขนาดนี้ไม่ได้ หรือโบท็อกซ์ก็ทำทั้งตัวขนาดนี้ไม่ได้ ด้วยความแข็งแรงของร่างกายมากกว่า เวลาเราไปเช็คอัพร่างกายเราถึงจะรู้ว่าหลอดเลือดเราอายุเท่าไหร่ บุ๋มฉีดมาจะปีแล้ว ครั้งนั้นประมาณพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่จะค่อยๆ เห็นผลหลังจากนั้น 3 เดือน เหมือนค่อยๆ เข้าไปซ่อมแซมร่างกาย ตอนนี้คุณหมอบอกว่าเราเหมือนอายุ 25 กรี๊ดแตกเลยค่ะ จะบินกลับไปใหม่ เค้าบอกว่าไม่ได้ครับ อีกปีสองปีค่อยว่ากัน เพราะฉีดครั้งหนึ่งอยู่ได้ 3 ปี แต่คนที่มีตังค์หน่อยก็ปีต่อปีค่ะ เหมือนอย่างที่เมืองนอกที่ว่ามีแม่มดน่ะ อายุ 60 แล้วยังเต่งตึงอยู่เลย แต่นั่น 9 เดือน เขาไปฉีดละ"

จากนั้น บุ๋ม-ปนัดดา บอกด้วยว่า ทุกวันนี้ร่างกายแข็งแรงถึงขนาดว่าทำงานได้สบายๆ อย่างตอนนี้ละคร 8 เรื่อง ไหนจะงานพิธีกรและอื่นๆ อีก แม้จะนอนวันละแค่ 4 ชั่วโมง ก็สู้ได้ ถึงตรงนี้ผู้สื่อข่าวถามถึงแฟนหนุ่ม ติ๊งโน้ต ว่าไปฉีดมาด้วยหรือไม่ เพราะมีข่าวว่าพาไปฉีดแล้วทำให้ดูหล่อขึ้น เรื่องนี้ บุ๋ม-ปนัดดา ชี้แจงว่า 

 "ไม่ ไม่ค่ะ ติ๊งโน้ตที่ยังไม่ถึง 25 ไม่ได้ชวนฉีดอะไรเพราะเขายังเด็กอยู่ ก็เข้าใจว่าการที่มีข่าวว่าบุ๋มพาเขาไปทำหน้าให้ดูหล่อขึ้นหรืออะไรขึ้นเนี่ย เขาก็คิดว่าบุ๋มพาติ๊งโน้ตไปฉีดสเต็มเซลล์ด้วย แต่จริงๆ แล้วสำหรับติ๊งโน้ตไม่จำเป็นเลย เพราะว่าเขาเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว อีกอย่างเขาอายุยังน้อยค่ะ ไม่ต้องมาแข็งแรงกว่าชั้น ไม่ต้อง (หัวเราะ) ดูเป็นคนขี้อิจฉายังไงไม่รู้เนอะ (หัวเราะ) จะมาดูเด็กกว่าอีกไม่ได้ (หัวเราะ) ให้ไล่ๆ กันพอแล้ว"

ถึงตรงนี้ บุ๋ม-ปนัดดา กล่าวเสริมในเรื่องความรักกับ หนุ่มติ๊งโน้ต ว่ายังแฮปปี้เหมือนเดิม ตอนนี้ ติ๊งโน้ต อยู่เมืองนอก ไปแข่งรถที่ต่างประเทศ ซึ่งการไปครั้งนี้เธอก็มีข้อแม้ไว้ว่า ถ้าได้ที่ 1 ถึงจะยอมแต่งงานด้วย แต่ก่อนจะไปก็ได้มอบแหวนให้เป็นการเซอร์ไพร้ส์ในมื้ออาหารดินเนอร์ก่อนที่แฟนหนุ่มจะเดินทางไปแข่งรถด้วย 

 "เขาก็ให้แหวนมา เป็นของขวัญก่อนไป คือถามว่าขอมั้ย เขาขอประจำแหละ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะวางแผนให้โรแมนติกขนาดนี้ อาหารดีๆ จองโต๊ะพิเศษ มีคนมาเสิร์ฟ อยู่ดีๆ เปิดมาเป็นแหวนกับดอกไม้ อะไรอย่างนี้ มันดูโรแมนติกเกินไปสำหรับตัวเขาด้วยมั้ง ก็เลยร้องไห้เล็กน้อย ด้วยความรู้สึกตอนนั้นด้วยมั้งที่เรากลั้นไม่ให้เขารู้สึกว่ามันน่าเศร้ากับการจาก เรากลั้นความรู้สึกตรงนั้นมานานแล้วด้วยไง พอเขาทำอย่างนั้นก็ปล่อยโฮ คือคนเรามันเจอกันทุกวัน อยู่ดีๆ จะไปยาว ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่น่ะ ถามว่าตีตราจองมั้ย ไม่ บอกเขาว่าถ้าหมั้นต้องใหญ่กว่านี้ (ยิ้ม) เขาบอกว่าจองกลายๆ ไปก่อนขอกลับไปขี่รถหาตังค์ก่อน อะไรอย่างนี้"

อย่างไรก็ตาม บุ๋ม-ปนัดดา ยังกล่าวด้วยว่า การแข่งรถครั้งนี้ก็ดูว่ายากเหมือนกัน เพราะ ติ๊งโน้ต ไม่คุ้นกับสนาม ไม่คุ้นรถ ซึ่งเป็นรถประกอบใหม่ แถมยังห้ามซ้อมอีกต่างหาก แต่การแข่งปีแรกนี้เธอหวังแค่ความปลอดภัยก็พอ ปีหน้าค่อยหวังรางวัล พอผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ายากอย่างนี้แล้วจะใจอ่อนแต่งงานด้วยมั้ย ถ้าไม่ชนะ คราวนี้ สาวบุ๋ม กล่าวทิ้งท้ายว่า 

" ถ้าคว้าที่ 1 ก่อน ถ้าไม่ที่ 1 ก็แข่งต่อไป บุ๋มรักษาสัญญาอยู่แล้ว แต่ถ้าแข่งแล้วไม่ชนะ คนจะมาโทษบุ๋ม ถ้าแต่งงานกับบุ๋มแล้วไม่มีแรงแข่งรถ บุ๋มจบนะ (หัวเราะ) ถูกป่ะ เดี๋ยวคนมาโทษบุ๋มอีก จะได้ตัดเราจากปัจจัยตรงนั้นไง ว่าชนะไม่ชนะไม่ได้เกี่ยวกับชั้นนะ ไม่ใช่แต่งกับชั้นแล้วแบบว่า เห็นมั้ย ขี่รถไม่ได้ เพราะแต่งกับยัยบุ๋มแน่ๆ ก็ผิดอีก เลยแบบว่า คุณขี่รถของคุณไปก็แล้วกัน ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น"