"บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้ท้าชิงประมุขลูกหนังไทย ตั้งโต๊ะแถลงจุดยืนแก่สโมสรสมาชิกในเครือ 113 ทีม ยันชัดสาเหตุที่ยอมรับหลักเกณฑ์ 72เสียงโหวตเพราะต้องการหาทางออกให้กับประเทศไทยหากยังดื้อต่อเรื่องคงไม่จบ ง่ายๆ หากยังค้านแบบหลังชนฝามีสิทธิ์ถูกขั้วอำนาจเดิมฟ้องกลับแน่ ประกาศกร้าวเรายังไม่แพ้ ย้ำจุดยืนคือต้องการเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมฟุตบอลฯ เดินหน้ายกที่ 2 เดินทางไปพูดคุยกับสโมสรต่างๆ ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง มั่นใจเสียงในมือมีสิทธิ์ล้มระบบเก่า

"บิ๊กก๊อง,ป๋อม,วี.เจ"แจงจุดยืน

 
         สืบเนื่องจากผลสรุปของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เกี่ยวกับการเตรียมจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย วาระใหม่ ที่ได้ข้อสรุปเรื่องการใช้ธรรมนูญฟีฟ่าฉบับใหม่โดยเฉพาะเรื่องจำนวนเสียง สโมสรสมาชิกที่ลงตัวกับจำนวน 72 เสียง ซึ่ง 30 เสียงจากเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โดยจะเป็นการวัดผลคะแนนทีมอันดับ 1-5 ของการแข่งขันเลกแรกจะได้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวได้รับการยอมรับจากสโมสรสมาชิกทั้งหมดอย่างเอกฉันท์
 
         ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันเสาร์ที่ 24 ส.ค. 56 ณ ห้องเทวกรรมรังรักษ์ สโมสรกองทัพบก วิภาวดี กลุ่มผู้ท้าชิงเก้าอี้ประมุขลูกหนังไทย นำโดย"บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ พร้อมด้วย "บิ๊กป๋อม"อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ รวมถึง "ดะโต๊ะ" วิจิตร เกตุแก้ว ร่วมแถลงข่าวให้กับสโมสรสมาชิกที่อยู่ในเครือข่ายได้รับทราบถึงความชัดเจน และจุดยืนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งงานนี้มีสโมสรสมาชิกจากศึกฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ข, ค และ ง เข้ารับฟังรวม113 เสียง
 
         "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ได้เผยว่า "การประชุมวันนี้จริงๆ แล้วอยู่ในแผนงานบริหารของเราตามเดิมอยู่แล้ว แม้ฟีฟ่าจะได้ข้อสรุปเรื่องเสียงจากทีมดิวิชั่น 2 ซึ่งถือว่าเป็นที่พึงพอใจสำหรับเราอย่างมากความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นสิ่ง ที่สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของเรา ทีมงานของเราได้ติดต่อประสานงานกับฟีฟ่ามาโดยตลอด นับจากวันที่ 9 ส.ค. 56 ทางเราได้เสนอหลายเรื่องให้กับฟีฟ่าได้พิจารณาโดยเฉพาะเรื่องสิทธิ์ของทีมใน ลีกดิวิชั่น 2 จากเดิมที่จะใช้ระบบคัดสรรหรือสรรหา มาเป็นการใช้แรงกิ้งพิจารณา ซึ่งดูท่าว่าฟีฟ่าจะเห็นด้วยกับเรา ทีแรกจริงๆ แล้วผมยืนยันว่าจะเอาโมเดลแรกคือการลดทีมดิวิชั่น 2 จาก 30 ให้เหลือ 24 เสียง โดย 6 เสียงที่ลดลงจะไปเพิ่มในส่วนของทีมถ้วย ข, ค, ง จาก 6 เพิ่มเป็น 12 แต่อย่างไรก็ตามฟีฟ่าไม่เห็นด้วย และผมก็คิดว่าหากยังคงดื้อดึงอยู่เรื่องมันคงไม่จบง่ายๆ ฟีฟ่ายังยืนยันจะให้สิทธิ์ทีมดิวิชั่น 2 จำนวน 30 ทีม ผมจึงยอมรับข้อเสนอดังกล่าว แต่จะต้องมีข้อแม้และกฎเกณฑ์ถึงที่มาที่ไป ซึ่งจะวัดผลจากการจัดแรงกิ้งมากกว่าการสรรหา สุดท้ายจึงได้ข้อสรุปในทิศทางเดียวกัน"
 

ยันไม่ค้าน!ดื้อต่อมีสิทธิ์โดนฟ้อง

         วิรัช ชาญพานิชย์ ยังเผยอีกด้วยว่า "กลับกัน หากเมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา ทางเราไม่ยอมรับกับจำนวนทีมดิวิชั่น 2 ที่จะได้สิทธิ์เลือกตั้ง 30 เสียงพร้อมกับยังดื้อดึงและต่อรองให้เป็น 24 เสียง ก็จะทำให้ข้อบังคับข้อที่ 21 ที่เราเคยสงวนสิทธิ์ยังไม่เป็นผลยอมรับ พร้อมกับเราจะได้จัดการเลือกตั้งกันเองในวันที่ 24 ส.ค. 56 แน่นอนว่าเรื่องก็ต้องยืดเยื้อออกไป ผมคิดว่าหากเป็นแบบนี้ คณะกรรมการชุดเก่าคงต้องฟ้องร้องเราและทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โตแบบไม่จบ ไม่สิ้นดังนั้นผมจึงคิดว่าการตัดสินใจให้เรื่องราวมันจบเร็วขึ้นคือการ ตัดสินใจหาทางออกให้กับประเทศไทย เรายังมีจุดยืนเหมือนเดิมคือเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมฯ ซึ่งตอนนี้ผมยืนยันว่าจำนวน 72 เสียงที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นพวกของเรามากกว่าฐานอำนาจเดิม แต่ก็อยากขอความร่วมมือสโมสรสมาชิกช่วยเจรจากับสโมสรต่างๆ ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ให้ใช้เหตุผลและยึดนโยบายของผู้สมัครเป็นตัวชี้วัดเพื่อเลือกคนที่มีความ สามารถในการบริหารงานสมาคมฯ เข้าไปทำหน้าที่"

เล็งดึง"ปปช."ร่วมประธานกกต.

 
         ขณะที่การสรรหาประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง "บิ๊กก๊อง" กล่าวว่า ได้ทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศมาทำหน้าที่ดังกล่าว โดยรอเพียงการตอบรับเท่านั้นจึงไม่ขอเอ่ยนามในตอนนี้
 
         "ผมยืนยันว่าประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งจะไม่ใช่คนที่เข้าข้างเรา แต่จะเป็นคนที่มีความเป็นกลางมากที่สุด และมีต้นทุนทางสังคมสูงที่ทุกคนให้การยอมรับซึ่งมาจาก ปปช. ผมไม่ต้องการให้ใครมาเข้าข้างแต่อยากให้ช่วยจัดการเลือกตั้งให้มีความโปร่ง ใสและยุติธรรมที่สุด หลังจากนี้ 45 วัน จะต้องได้ตัวนายกสมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งคงไม่เกินไปจากต้นเดือนตุลาคมแน่นอน ดังนั้น คุณวรวีร์ไม่สามารถบิดพลิ้วหรือยื้อเวลาออกไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว"