ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, ไรอัน กิ๊กส์, เปาโล มัลดินี ฯลฯ มีใครบ้างแม้แก่แต่ยังร้อนแรงเกินห้ามใจ โกล ประเทศไทยจะขอพาไปไล่ชมทีละราย

ไรอัน กิ๊กส์

หลังจากที่ค้าแข้งมานานถึง 23 ปีกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่คือนักเตะประวัติศาสตร์เพียงคนเดียวที่ได้เล่นพรีเมียร์ลีกทุกฤดูกาล รวมถึงเป็นกำลังสำคัญของปีศาจแดงมาโดยตลอดนับตั้งแต่เริ่มต้นเป็นนักเตะดาวรุ่งนของทีมด้วยวัย 17 ปี

กิ๊กส์ในวัยฉกรรจ์ได้รับการยอมรับในฐานะปีกความเร็วสูงที่มีความสามารถในการเลี้ยงบอลจนถูกยกไปเปรียบกับจอร์จ เบสต์ ตำนานอีกคนของทีม ปัจจุบัน เขาคือแข้งที่ลงสนามให้ทีมยูไนเต็ดมากที่สุด และถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่เขายังอาศัยประสบการณ์โชกโชนแ ทั้งยังมีความฟิตพอจะเป็นกำลังสำคัญของทีมอยู่จนถึงทุกวันนี้

ฟิลิปโป้ อินซากี้

หลังจากที่ทำสองประตูในเกมพบเรอัล มาดริด ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2010-11 ทั้งที่ลงสนามมาเป็นตัวสำรอง อินซากี้ก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นอีกครั้งว่าเขาคือแข้งระดับปรากฎการณ์ของจริงแม้จะอายุ 37 ปีแล้วก็ตามในตอนนั้น

ก่อนเกมจะเริ่ม โชเซ มูรินโญ ประกาศกร้าวว่า อินซากี้ คือนักเตะมิลานคนเดียวที่เขากลัว แถมหลังเกมนั้น อิบราฮิโมวิช ยังเดินไปขอโค้ชด้วยตัวเองให้จัดอินซากี้เป็นกองหน้าคู่กับเขา

นี่คืออัจฉริยะในกรอบเขตโทษตัวจริง ไม่ว่าจะลูกยิงสุดสวย, ลูกยิงธรรมดา, ลูกยิงฟลุ๊คๆ , ลูกยิงสำคัญ, ลูกยิงไร้ความหมาย เขาเฉลิมฉลองเหมือนมันเป็นประตูแรกในชีวิตค้าแข้งของเขาเสมอ

เปาโล มัลดินี

กองหลังปีศาจแดงดำเลิกเล่นในวัย 40 ปี และในฤดูกาลนั้น เขาคือนักเตะแนวรับที่ทำผลงานได้ดีที่สุดให้ต้นสังกัด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลงานตลอด 25 ปี ในทีมชุดใหญ่ คือบทพิสูจน์ความเป็นแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล

มัลดินีคว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา ได้ 7 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย ซูเปอร์ โคปปา อิตาเลีย 5 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 5 สมัย, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ อีก 5 สมัย เท่านี้คงเพียงพอจะยืนยันความเป็นตำนานของนักเตะหมายเลข 3 รอสโซเนรีได้เป็นอย่างดี

โลธาร์ มัทเธอุส

จากมิดฟิลด์ระดับตำนานถอยลงมาเล่นในตำแหน่งลิเบอโร มัทเธอุสเป็นนักเตะที่ได้ลงเล่นในระดับท็อปพอๆ กับเปาโล มัลดินี และในช่วงเวลาเหล่านั้น เขาได้แชมป์มานับไม่ถ้วนกับทั้งบาเยิร์น มิวนิค, อินเตอร์ มิลาน และทีมชาติเยอรมัน

ในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศปี 1999 ที่พบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฝั่งเสือใต้เล่นเกมรับได้อย่างโดดเด่น ก่อนที่อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ จะตัดสินใจผิดพลาดด้วยการถอดมัทเธอุสออกจากสนาม แล้วจากนั้นไม่กี่นาที ยูไนเต็ดก็ยิงแซงสองประตูในช่วงนาทีสุดท้าย พร้อมแย่งแชมป์ไปครองแบบน่าเจ็บปวด

โรเจอร์ มิลลา

โรเจอร์ มิลลา ในวัย 38 ปี ถูกขอร้องให้เปลี่ยนใจจากการแขวนสตั๊ดมาช่วยทีมชาติแคเมอรูน บ้านเกิด ลุยศึกฟุตบอลโลก 1990 และเขาก็ไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง เมื่อทำไปถึง 4 ประตู รวมถึงเป็นต้นแบบของท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ที่น่ามหัศจรรย์กว่านั้น ในอีก 4 ปี ต่อมา มิลลายังคงเป็นขุนพลหมอผีในฟุตบอลโลก 1994 ที่อเมริกา ด้วยวัย 42 ปี ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก และด้วยประตูที่เขาทำได้ในเกมเจอรัสเซีย ยังทำให้เขากลายเป็นนักเตะอายุมากที่สุดที่ทำประตูได้ในทัวร์นาเมนต์นี้อีกด้วย

ฟรานเชสโก้ ต็อตติ

ราชันหมาป่าคือนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร และเขาจะต้องได้รับการจารึกไว้แบบไม่มีวันลืมในหมู่แฟนบอลแบบไม่ต้องสงสัย ในเดือนกันยายนปี 1976 คือเดือนแห่งการกำเนิดตำนานฟุตบอลของแท้ ไล่ตั้งแต่ โรนัลโด้, บัลลัค, เชฟเชงโก้ และต็อตติ แต่มีเพียงดาวเตะอิตาเลียนรายเดียวเท่านั้นที่ไม่เพียงยังเล่นอยู่ แต่ยังเล่นได้ในระดับสุดยอดถึงขั้นมีเสียงเรียกร้องให้กลับไปติดทีมชาติอีกครั้ง

ในวัย 37 ปี ฤดูกาลนี้ต็อตติกลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้ง ด้วยการเป็นแกนหลักในเกมรุกของโรมา ที่ชนะรวดทั้ง 7 นัด พร้อมนำเป็นจ่าฝูงของกัลโช เซเรีย อา แบบเหนือความคาดหมาย นี่คือสิ่งยืนยันว่าเขาเป็นปรมาจารย์ด้านฟุตบอลของจริง

ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ

ถ้ามิลานมีมัลดินี, โรมามีต็อตติ อินเตอร์ มิลาน ก็คงมีฮาเวียร์ ซาเน็ตติ เป็นแข้งจอมฟิตที่ดูเหมือนจะเพิ่งอายุยังไม่ถึง 30 อยู่เสมอ เมื่อฤดูกาล 2009-10 ด้วยวัย 36 ปี กับอีก 8 เดือน ซาเน็ตติแสดงผลงานที่ทำให้โลกต้องจดจำ เมื่อเขาสอนรุ่นน้องในทีมชาติอย่าง ลิโอเนล เมสซี ด้วยการประกบนักเตะอันดับหนึ่งของโลกจนเล่นไม่ออก ก่อนจะพาทีมงูใหญ่ผ่านรอบรองชนะเลิศในครั้งนั้นไปคว้าแชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่ในบั้นปลาย

จนถึงปัจจุบัน ซาเน็ตติยังทำได้ดีทั้งในตำแหน่งฟูลแบ็คและกองกลาง ด้วยฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอ ถึงแม้ปัจจุบันเขาจะยังต้องพักรักษาตัวด้วยอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวาย แต่แฟนเนรัซซูรีทุกคนต่างเชื่อมั่น ว่าจะได้เห็นกัปตันคนเก่งของพวกเขาในสนามอีกอย่างแน่นอน

อเลสซานโดร เดล ปิเอโร

ตำนานของทีมยูเวนตุสอาจต้องอำลาทีมไปด้วยน้ำตาหลังจากที่ค้าแข้งกับสโมสรแห่งนี้มานานเกือบ 20 ปี แต่เชื่อว่าสาวกเบียงโคเนรีทั้งหลายคงไม่มีวันลืมความยอดเยี่ยมของเขา เพราะนอกจากความสำเร็จเป็นกระบุง รวมถึง 6 สคูเด็ตโต้ กับอีก 1 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แล้ว เจ้าตัวยังเป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุด (290 ประตู), ลงสนามนับเป็นนาทีนานที่สุด (48,363 นาที) ของสโมสร รวมถึงเป็นนักเตะที่ทำประตูจากลูกฟรีคิกสูงสุดของกัลโช เซเรีย อา อีกด้วย

หลังจากที่ย้ายไปค้าแข้งในออสเตรเลีย เดล ปิเอโร ก็ยังสำแดงความยอดเยี่ยมออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ ด้วยการทำลายสถิติทำประตูต่อหนึ่งฤดูกาล ทันทีที่ค้าแข้งแดนจิงโจ้ฤดูกาลแรกด้วยจำนวน 14 ประตู ทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็นนักเตะหมายเลข 1 ของเอลีกในเวลานี้ จาก โกล ออสเตรเลีย

อเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้า

อีกหนึ่งตำนานของรอสโซเนรีที่รักษาความฟิตได้อย่างสม่ำเสมอ และถือเป็นกำลังสำคัญของทีมปีศาจแดงดำในแนวรับมาโดยตลอด นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2003 ที่เอาชนะยูเวนตุส คู่ปรับสำคัญด้วยการดวลจุดโทษ คอสตาคูร์ต้า วัย 37 ปี ในเวลานั้น ก็ยังแข็งแกร่งไร้ช่องโหว่ในแนวรับ

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ผู้มีชื่อเล่นว่า บิลลี แขวนสตั๊ดในปี 2007 ด้วยวัย 41 ปี ทิ้งความสำเร็จนับไม่ถ้วนไว้ให้สาวกปีศาจแดงดำได้รำลึกถึงเขาไปอีกนานเท่านาน

โรมาริโอ้

ในช่วงพีคของโรมาริโอ้ เขาคือนักเตะหมายเลขหนึ่งของโลกที่เคยพาทีมชาติบราซิลคว้าถ้วยฟุตบอลโลก 1994 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ รวมถึงแชมป์กับอีกหลายสโมสร รวมถึงลา ลีกา กับบาร์เซโลนา เมื่อปี 1993-94

แม้กระทั่งในวัยเฉียด 40 ปี โรมาริโอ้ก็ยังไม่ทิ้งลาย "อัจฉริยะในกรอบเขตโทษ" ตามคำยกย่องของโยฮัน ครัฟฟ์ เมื่อเจ้าตัวทำได้ถึง 22 ประตูให้วาสโกดากามา ในฤดูกาล 2005-2006 พร้อมเป็นดาวซัลโวลีกบราซิลในฤดูกาลนั้น