"สิงห์บลูส์" เชลซี ทำเสียวโดนยิงก่อน เอาคืนทีเดียว เปิดบ้านถล่ม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ยับ 4-1 เอแด็น อาซาร์ เบิ้ล2ประตู เก็บสามคะแนนได้อีกเกม แซง ลิเวอร์พูล ขึ้นมาอยู่ที่2 โดยแต้มเท่ากัน แต่ลูกได้เสียดีกว่า ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา

 ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556

เชลซี 4-1 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์


　　เจ้าถิ่น เชลซี ต้องขาดแอชลีย์  โคล ที่ยังเจ็บซี่โครง ส่งผลให้ไรอัน เบอร์ทรานด์ ได้รับหน้าที่แบ็กซ้ายแทน ส่วนเฟร์นานโด ตอร์เรส พ้นแบนแล้วแต่ยังนั่งสำรอง โดยหน้าเป็าเป็นซามูเอล เอโต้


　　ด้านทีมเยือน คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ยังไม่มีอันเดรียส คอร์เนลิอุส ดาวยิงเดนส์ ที่ยังเจ็บข้อเท้า เช่นเดียวกับเคร็ก เบลลามี่ ที่ยังไม่ฟิต


　　เริ่มเกมขึ้นมาเจ้าบ้านเดินหน้าบุกตามฟอร์ม ทว่ากลับเป็น "เดอะ บลูเบิร์ด" ที่ได้ประตูก่อนในนาทีที่ 10 เมื่อเดวิด มาร์แชลล์ วางบอลยาวจากแดนตัวเอง บอลมาถึงจอห์น เทอร์รี่ แต่สกัดไม่ดี แถมลุยซ์ ยังพลาดปล่อยบอลข้ามหัวหวังให้ปีเตอร์ เช็ก ออกมาทว่าไม่รู้กันทำให้โดนจอร์ดอน มัตซ์ ตามเข้าไปเก็บบอลแล้วชิพข้ามหัวนายด่านสิงห์บลูส์ ตุงตาข่าย คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ นำ 1-0


　　พอโดนนำ เชลซี ก็เปิดเกมบุกต่อทันทีและได้ลุ้นตีเสมอในนาทีที่ 17 จากลูกเตะมุมที่โยนมาให้จอห์น เทอร์รี่ โขก แต่บอลหลุดกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น


　　ทีมเยือนมีโอกาสได้ประตูที่สองเช่นกันในนาทีที่ 21 จากฟรีคิกที่วิตติ้งแฮม โยนไปหน้าประตูให้ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ โขก แต่เช็ฟปัดทิ้งไปได้เยี่ยม


　　อย่างไรก็ตามนาทีที่ 33 เชลซี ก็มาตีเสมอสำเร็จจากความผิดพลาดของมาร์เชลล์ ที่เตะเปิดเกมไม่ดี โดนเอโต้ แหย่บอลไปเข้าทางอาซาร์ ก่อนจ่ายคืนมาให้หัวหอกแคเมอรูน ล็อกหลบนายด่านทีมเยือน แล้วโดยแกรี่ เมเดล สกัดแต่ยังไปเข้าเท้าเอแด็น อาซาร์ ยิงไม่พลากดสกอร์เป็น 1-1


　　ก่อนจบเกม 1 นาทีเจ้าถิ่นมีลุ้นประตูนำเมื่ออาซาร์ ลากบอลตัดจากซ้ายเจ้ามากลางก่อนซัดทันที แต่มาร์แชลล์ เซฟเอาไว้ได้ ทำให้เกมจบครึ่งแรกทั้งคู่ยังเสมอกันอยู่ 1-1


　　กลับมาเล่นครึ่งหลังเชลซี เดินหน้าบุกทันที และได้โอกาสลุ้นตั้งแต่สองนาทีแรกเมื่อวิลเลี่ยน จ่ายให้ซามูเอล เอโต้ ซัดจากนอกเขตโทษ แต่ไม่ผ่านมือมาร์แชลล์


　　ทั้งสองทีมเปิดเกมบุกแลกกันสนุกและเป็น "สิงห์บลูส์" ที่ได้ประตูแซงนำ 2-1 ในนาทีที่ 67 จากจังหวะออสการ์ เก็บบอลได้หน้าเขตโทษก่อนจ่ายให้อาซาร์ แทงต่อไปถึงซามูเอล เอโต้ ล็อกหลอกกองหลังหนึ่งจังหวะแล้วยิงยักเสาแรกเข้าไปอย่างสุดคม และเป้นประตูแรกของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีก


　　พอได้ประตูนำเจ้าบ้านก็ได้ใจเดินหน้าบุกต่อและมีลุ้นประตูที่สามในนาทีที่ 73 จากจังหวะที่อาซาร์ ไหลไปให้เฟร์นานโด ตอร์เรส ซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ แต่สตีเว่น คอลเกอร์ ยังตามมาบล็อกได้ทัน


　　ทีมเยือนไม่ยอมง่ายๆ นาทีที่ 75 ได้โอกาสตีเสมอเมื่อวิตติ้งแฮม ได้ยิงบอลติดบล็อกกองหลังมาเข้าทางคิม โบ-คยอง ทางซ้ายของเขตโทษก่อนลองยิงเต็มข้อแต่ปีเตอร์ เช็ก ยังปัดทิ้งออกหลังไปได้


　　อย่างไรก็ตาม 2 นาทีถัดมาเชลซี มาได้ประตูที่สามจากความผิดพลาดของอารอน กุนนาร์สสัน ที่เสียบอลให้รามิเรส แหย่สกัดไปถึงออสการ์ จบบอลหน้าเขตโทษแล้วตะบันเน้นๆบอลพุ่งเสียบคานเข้าไปอย่างสวยงาม เจ้าถิ่นนำห่าง 3-1


　　"สิงห์บลูส์" ยังเป็นฝ่ายครองเกมเอาไว้ได้หมดและมีโอกาสยิงเพิ่มจากวิลเลี่ยน ในนาทีที่ 80 แต่ก็ยังยิงไปติดเซฟเดวิด มาร์แชลล์ 


　　อย่างไรก็ตามนาทีที่ 82 เจ้าบ้านก็มาได้ประตูที่ 4 จนได้เมื่ออาซาร์ ทำชิ่งกัลบแลมพาร์ด ทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนกระชากเดี่ยวเข้าเขตโทษแล้วยิงทันที บอลพุ่งแรงลอดตัวมาร์แชลล์ เข้าไปไม่เหลือ เชลซี นำ 4-1 ก่อนที่เกม 90 นาที จะจบที่สกอร์นี้


 รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 

 เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, จอห์น เทอร์รี่, ไรอัน เบอร์ทรานด์, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, รามิเรส, วิลเลี่ยน, ฆวน มานูเอล มาต้า, เอแด็น อาซาร์, ซามูแอล เอโต้ 

 สำรอง : ไมเคิ่ล เอสเซียง, เฟร์นานโด ตอร์เรส, ออสการ์, เควิน เดอ บรอยน์, มาร์ค ชวาร์เซอร์, แกรี่ เคฮิลล์, เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า 

 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ : เดวิด มาร์แชลล์, เกแว็ง เตโอฟิล-กาแตร์กรีน, สตีเว่น คอลเกอร์, เบน เทอร์เนอร์, แอนดรูว์ เทย์เลอร์, การี เมเดล, ดอน คาววี่, อารอน กุนนาร์สสัน, จอร์แดน มัตช์, ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้, ปีเตอร์ วิทติ้งแฮม     

 สำรอง : มาร์ค ฮัดสัน, เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์, คิม โบ-คยอง, รูดี้ เกสเตเด้, เคร็ก นูน, นิคกี้ เมย์นาร์ด, โจ ลูอิส    

 ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์