ลิเวอร์พูล ต้องเซ็งอีก เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางของทีม ส่อแววชวดช่วยต้นสังกัดในช่วงโปรแกรมชุกปลายปีนี้ หลังเดี้ยงมาจากเกมถล่ม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อสุดสัปดาห์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ "หงส์แดง" ก็ต้องเสีย สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ยาวไปจนถึงเดือนมกราคมรายหนึ่งแล้ว

 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ต้องเจอกับข่าวร้ายอีกครั้ง เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์ของทีม อาจจะหมดสิทธิ์ลงสนามช่วยต้นสังกัดในช่วงโปรแกรมชุกปลายปีนี้ หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าจากการเข้าสกัดอย่างน่าเกลียดของ เควิน โนแลน มิดฟิลด์ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเกมลีกนัดล่าสุดที่ "เร้ด แมชีน" คว้าชัยชนะ 4-1 ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล ต้องเสีย สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม ไปจนถึงช่วงปีใหม่นี้คนหนึ่งแล้ว หลังมีอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และการขาดหายไปของ เฮนเดอร์สัน ก็ถือเป็นข่าวร้ายอย่างยิ่งสำหรับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ซึ่งจะต้องนำทีมลงเผชิญกับโปรแกรมสุดโหดที่จะต้องไปเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี ในรอบ 2 สัปดาห์นี้ เนื่องจากยอดทีมแห่งแอนฟิลด์ จะเหลือมิดฟิลด์เพียงแค่ ลูคัส เลว่า และ โจ อัลเลน เท่านั้นในการลงเล่น 5 นัดในรอบ 15 วัน และกุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือก็รู้ดีว่าทั้งคู่ต้องช่วยกันเค้นฟอร์มเก่งออกมา ก่อนถึงช่วงเปิดตลาดซื้อ-ขายนักเตะปีใหม่นี้

"ลูคัส ทำได้ยอดเยี่ยมกับเราและเขาก็เข้าไปติดทีมชาติบราซิล ดังนั้น เขาจึงมีคุณภาพและประสบการณ์ที่จะก้าวขึ้นมาและแสดงความรับผิดชอบ โจ ดูเหมือนกลับมาเป็นเหมือนตอนที่เขาเข้ามาที่นี่ในตอนแรกด้วยการเคลื่อนที่ของเขา การทำงานของเขาและการครองบอลที่ยอดเยี่ยม และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการในตอนนี้"

"เรามีนักเตะตัวเล็ก แต่ถ้าเราครองบอลและคู่แข่งเล่นไม่ได้ ผมคิดว่าพวกเขาจะต้องเจอปัญหากับเรื่องนี้ เราต้องเคลื่อนที่และเคลื่อนไหวตลอดเวลาในแดนกลางเพื่อให้ได้บอลและเชื่อมเกม สตีเว่น เป็นผู้เล่นสำคัญของเรา แต่เราก็ยังมีนักเตะคนอื่นๆ และพลังขับเคลื่อนในทีมและพวกเขาก็ต้องยกระดับขึ้นมา" ร็อดเจอร์ส กล่าว

เฮนเดอร์สัน ต้องขโยกเขยกออกจากสนามซ้อมเมลวู้ด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าอาการของเขาอาจไม่รุนแรงนัก แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะพร้อมลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีก นัดเยือน สเปอร์ส วันเสาร์นี้หรือไม่ และต้องรอดูผลการสแกนว่าดาวเตะชาวอังกฤษจะสามารถกลับมาลงฝึกซ้อมได้อีกครั้งเมื่อใด