ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » เซเรีย อา อิตาลี » Heartbreak Hotel: โรแบร์โต บาจโจ - องศาเดียว

Heartbreak Hotel: โรแบร์โต บาจโจ - องศาเดียว

Posted 17/12/2013 by goal.com

 

พบกับเหตุการณ์สุดช้ำใจของ "เทพบุตรเปียทองคำ" กับลูกจุดโทษในตำนาน ที่ยังเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน

หากเอ่ยถึงผู้เล่นระดับตำนานของอิตาลี เชื่อว่า โรแบร์โต บาจโจ ดาวเตะเจ้าของฉายา “เทพบุตรเปียทองคำ” น่าจะเป็นอีกหนึ่งรายชื่อที่แฟนบอลแทบทุกคนต้องนึกถึง  
 
ด้วย ผมเปียที่เป็นเอกลักษณ์บวกกับฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม รวมถึงเคยค้าแข้งกับทีมชั้นนำในอิตาลีมาแล้วมากมาย ทั้ง ฟิออเรนตินา, ยูเวนตุส, มิลาน หรือแม้กระทั่งอินเตอร์  จึงไม่แปลกที่เขาจะกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลในประเทศมาจนถึงปัจจุบัน  
 
แต่ นอกจากทรงผมและฝีเท้าอันเก่งกาจของ บาจโจ แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนน่าจะจำได้ดีเกี่ยวกับตัวเขา คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากจุดโทษแห่งความเจ็บปวดเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน


ย้อน กลับไปในปี 1994 ฟุตบอลโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา บาจโจและเหล่าขุนพลทีมชาติอิตาลียกพลข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อหวังแก้มือ หลังทำได้เพียงแค่อันดับ 3 ในฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วบนผืนแผ่นดินตัวเอง
 
แต่ ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด บวกกับปัญหาอาการบาดเจ็บในทีม ทำให้ทีมชาติอิตาลีทำผลงานได้ไม่ค่อยดีในรอบแรก แต่ยังก็ยังเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบมาได้อย่างเฉียดฉิวด้วยการเป็น 1 ใน 4 ของทีมอันดับ 3 ที่มีผลงานดีที่สุด
 
ขุนพลอัซซูรีต้องโคจรมาพบกับ ไนจีเรีย ทีมอันตรายจากแอฟริกาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และแค่เพียง 25 นาที เอมมานูเอล อามูเนเค ก็ยิงให้ไนจีเรียขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว แบบช็อคแฟนบอลอิตาลีทั้งประเทศ
 
เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของทีม อินทรีมรกต แต่บาจโจก็ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น เมื่อมาซัดประตูตีเสมอให้ทีมก่อนหมดเวลาเพียง 2 นาที ก่อนที่เขาจะเป็นคนยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาให้ทีมผ่านเข้าก่อนรอบรองชนะ เลิศไปได้
 
ความยอดเยี่ยมของบาจโจไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อเขากลายมาเป็นฮีโรของทีมอย่างเต็มตัว หลังซัดประตูชัยในนาทีที่ 88 ให้ขุนพลอัซซูรีเฉือนเอาชนะสเปนไปได้อย่างหืดจับในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะมาเหมาคนเดียว 2 ประตูในนัดพบกับบัลแกเรีย พาอิตาลีที่ร่อแร่ๆในทัวร์นาเมนต์ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้อย่างเหลือ เชื่อ


 
ด่าน สุดท้ายของนักเตะจากแดนมักกะโรนี ถือว่างานหนักเอาการ เพราะต้องมาพบกับบราซิล เจ้าของแชมป์โลก 3 สมัย (ในขณะนั้น) ที่มีสองคู่หูอันตรายอย่าง โรมาริโอ และ เบเบโต เป็นผู้นำทัพ
 
ภาย ใต้อากาศอันร้อนระอุ ท่ามกลางกองเชียร์กว่า 90,000 คนในสนามโรสโบล์ว ทั้งอิตาลีและบราซิลต่างพยายามทำเกมกันอย่างระมัดระวัง ด้วยความที่กลัวจะพลาดพลั้งเลยทำอะไรกันไม่ได้กันทั้งคู่จนครบ 120 นาที ทำให้ต้องมาตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
 
ฟรังโก บาเรซี เป็นผู้เล่นลำดับแรกของอิตาลีที่ออกมายิง แต่ลูกอัดเต็มข้อของเขาก็ลอยข้ามคานไปไกล โชคยังดีที่ จานลูกา ปายูกา พุ่งเซฟลูกยิงของ มาร์ซิโอ ซานโตส ดาวเตะของบราซิลไว้ได้ ทำให้ทั้งคู่ยังเสมอกันอยู่  0-0
 
จากนั้น เดเมตริโอ อัลแบร์ตินี  ก็ซัดให้อิตาลีขึ้นนำในเกมนี้เป็นครั้งแรก แต่ โรมาริโอ ก็มาตีเสมอให้บราซิลได้เช่นกัน ก่อนที่ อัลแบร์ริโก อิวานนี และ บรังโก ของทั้งสองทีมจะสังหารเข้าไปไม่พลาดด้วยกันทั้งคู่
 


จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในคนยิงลำดับที่ 4 เมื่อลูกยิงของ ดาเนียล มาสซาโร ถูก ทัพฟาเรล นายทวารของขุนพลแซมบ้าเซฟไว้ได้ แถม ดุงกา กัปตันของบราซิล ยังยิงเข้าไปอย่างไม่ยากเย็นให้ทีมจากอเมริกาใต้ขึ้นนำ 3-2

เหมือน โชคชะตาฟ้าลิขิต เมื่อผู้เล่นคนสุดท้ายของอิตาลีคือ"บาจโจ"ที่แบกภาระของทีมมาตลอดทั้งทัวร์ นาเมนต์ คงไม่ใช่เรื่องพูดเกินจริงเลย หากจะบอกว่าเขาคือคนที่พาทีมเข้ามายืนอยู่ในจุดนี้
 
ดาวเตะหมายเลข 10 ของอิตาลี จำเป็นต้องยิงเข้าสถานเดียวเพื่อต่อลมหายใจของทีม เขาถอยไปไกลจนถึงบริเวณหัวกระโหลก ก่อนบรรจงวิ่งเข้ามายิงเหมือนทุกครั้ง แต่ไม่ว่าจะด้วยความกดดันที่หนักหน่วง หรืออาการบาดเจ็บที่รบกวนเจ้าตัวมาตั้งแต่ก่อนเกม คราวนี้บอลเจ้ากรรมดันลอยข้ามคานออกไป พร้อมกับความฝันที่หลุดลอยของแฟนบอลอัซซูรีทั้งประเทศ
 
กลายเป็นจุดโทษแห่งความเจ็บปวดที่หลายคนยังพูดถึงอยู่จนถึงทุกวันนี้  

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »