ผ่านครึ่งทางลีกยอดนิยมของคนไทยไปเมื่อคืนวันอาทิตย์ ใครฟอร์มเยี่ยม ใครจอมเลื้อย ใครจ่ายบอลสุดเจ๋ง ใครคือจ้าวเวหา เรารวบรวมมาไว้ ณ ที่แห่งนี้

ทันทีที่เกมสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมสิ้นสุด นั่นก็หมายความว่าพรีเมียร์ลีกซึ่งต้องขับเคี่ยวกันทั้งสิ้น 38 นัดตลอดทั้งฤดูกาล ได้ผ่านครึ่งทางมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะไม่มีตำแหน่งแชมป์ครึ่งฤดูกาล หรือการพักเบรคให้ได้หายใจหายคอกันเหมือนลีกอื่นๆ แต่สำหรับโกล เราคิดว่าคงเป็นเรื่องดีไม่น้อยที่จะมาสรุปผลงานกันคร่าวๆ ดูสักครา

และต่อไปนี้คือบรรดานักเตะ รวมถึงทีมที่ทำผลงานได้น่าจดจำจนเราต้องจารึกไว้ว่าพวกเขาเป็นสุดยอดในครึ่งทางที่ผ่านมา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

แชมป์ครึ่งฤดูกาล : อาร์เซนอล

จากความพ่ายแพ้แบบยับเยินและน่าอับอายในนัดเปิดฤดูกาลกับแอสตัน วิลลา แฟนปืนใหญ่มากมายคงไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาจะยืนอยู่บนหัวตารางพรีเมียร์ลีกเมื่อผ่านไปครึ่งฤดูกาล

การเซ็นสัญญาเมซุต โอซิล ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะคือการเพิ่มคลาสของทีมโดยรวมให้ยกระดับขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อประกอบกับฟอร์มที่โดดเด้งแบบก้าวกระโดดของอารอน แรมซีย์ ส่งผลให้พวกเขาคว้าได้ 42 คะแนนจาก 19 นัด มากกว่ารองจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแต้มเดียว

อย่างไรก็ดี ตารางคะแนนไม่เคยโกหกใครว่าปืนใหญ่เป็นทีมที่ดีที่สุดในครึ่งฤดูกาล และบรรดากูนเนอร์สทั้งหลายคงหวังที่จะเห็นทีมรักอยู่ในตำแหน่งนี้อีกครั้งเมื่อจบฤดูกาล

ทีมจอมเซอร์ไพรส์ : เซาแธมป์ตัน

จากสโมสรที่เคยต้องดิ้นรนหนีตกชั้นในฤดูกาลที่แล้ว นักบุญมีการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จนกลายเป็นสโมสรที่เคยอยู่ในกลุ่มนำช่วงต้นฤดูกาล เมื่อตัดสินใจปลดไนเจล แอดกินส์ ซึ่งผลงานไม่ได้เลวร้ายนัก เพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอย่าง เมาริซิโอ ปอเช็ตติโน โค้ชชาวอาร์เจนไตน์

เซาแธมป์ตันในฤดูกาลนี้เปลี่ยนจากทีมที่เล่นในสไตล์อังกฤษเดิม มาเป็นทีมที่ต่อบอลได้แน่นอนมากขึ้น (เปอร์เซ็นต์ครองบอลเป็นอันดับสองของลีก รองจากสวอนซี) มีเกมรับที่เหนียวแน่น (เสีย 20 ประตู เป็นรองเพียงสามทีมคือ อาร์เซนอล, เอฟเวอร์ตัน และเชลซี) รวมถึงเต็มไปด้วยดาวเตะอนาคตไกลที่หลายๆ ทีมล้วนแต่หมายตา อ่าน "5 ว่าที่แข้งนักบุญเนื้อหอม ก่อนเปิดตลาดเดือน ม.ค." คลิกที่นี่

ทั้งหมดนั้นคือความฝันครึ่งทางที่แสนหวานของเดอะเซนต์ ซึ่งต้องรอการพิสูจน์ว่ามีดีพอจะยืนระยะไปได้จนกระทั่งจบฤดูกาลหรือไม่

ทีมน่าผิดหวัง : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เค้าลางแห่งหายนะของปีศาจแดงในฤดูกาลแรกที่ไร้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เริ่มต้นตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดฤดูกาล เมื่อเดวิด มอยส์ คว้านักเตะบิ๊กเนมมาเสริมทีมไม่ได้เลยช่วงเปิดตลาดนักเตะหน้าร้อน และกว่าจะเซ็นสัญญา มารูยาน เฟลไลนี ได้ ก็คือวินาทีสุดท้ายก่อนผ่านเส้นตายแบบเฉียดฉิว จนเรด อาร์มี หลายคนเข้าใจว่าทีมของพวกเขาจะไม่ได้ใครมาเสริมทัพอีกแล้ว

อย่างไรก็ดี ของแพงมูลค่า 32.4 ล้านยูโร ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกเพียง 4 นัด (สำรองอีก 4 นัด) และมักจะทำอะไรเงอะงะจนทุกคนที่ชมเกมอยู่ต้องเสียวไส้เสมอๆ อีกทั้งฟอร์มการเล่นของทีมในสนามก็ยังย่ำแย่ กล้าๆ แพ้เป็นสถิติของสโมสรไปหลายรอบ จนทีมที่เคยลุ้นแชมป์อยู่ทุกปี กลายเป็นสโมสรที่เวลานี้แค่จะพูดถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ยังเหนื่อยใจ

จริงอยู่ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส กับเงิน 120 ล้านยูโร ก็น่าผิดหวังไม่ใช่น้อย แต่ถ้าเทียบกันแล้ว ความคาดหวังระดับแชมป์เก่าย่อมต้องสูงกว่า ปีศาจแดงจึงแซงหน้ากลายเป็นทีมน่าผิดหวังประจำครึ่งฤดูกาลไปแบบเฉียดฉิว และถึงตอนนี้แฟนผีคงต้องภาวนาในใจว่าฟอร์มหรูๆ ที่เก็บแต้มได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาจะไม่ใช่แค่ภาพลวงตาให้ดีใจกันเล่นๆ

กุนซือยอดเยี่ยม : โรแบร์โต มาร์ติเนซ

 เดฟ วีแลน ประธานสโมสรวีแกน อดีตต้นสังกัดเก่าของโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เคยออกมาระบุว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คิดผิดที่เลือกเดวิด มอยซ์ แทนที่จะเป็นกุนซือชาวสเปนคนนี้ ซึ่งจากผลงานที่ผ่านๆ มา เชื่อว่าคงมีแฟนปีศาจแดงหลายคนเริ่มเห็นด้วยว่ามันคือความจริง

จากที่ช่วงเปิดฤดูกาล ใครๆ ต่างพากันเชื่อว่าท็อฟฟีสีน้ำเงินที่เสียทั้งกุนซือคนเก่งและมิดฟิลด์ตัวสำคัญอย่างเฟลไลนีไปจะออกอาการระส่ำระสายไม่เป็นท่า เวลานี้ เอฟเวอร์ตันคืออันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก เหนือกว่าทั้ง ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูฯ และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส รวมถึงเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกคู่กับอาร์เซนอล จ่าฝูงของตาราง

แถมที่สำคัญ มาร์ติเนซยังเดินเกมในตลาดนักเตะได้อย่างชาญฉลาด เมื่อคว้าสองแกนหลักของทีมในเวลานี้อย่าง แกเร็ธ แบร์รี และโรเมลู ลูกากู มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว โดยไม่จำเป็นต้องทุ่มงบประมาณราคาแพงมาเสริมทัพแต่อย่างใด

นักเตะยอดเยี่ยม, ดาวซัลโวสูงสุด : หลุยส์ ซัวเรซ

กองหน้าอุรุกวัยเคยทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลไม่พอใจถึงขั้นเผาเสื้อที่มีเบอร์ของเขาทิ้งจนเป็นข่าวให้เห็นในช่วงก่อนปิดฤดูกาลที่เจ้าตัวงอแงอยากขอย้ายทีม แต่นั่นเป็นอดีตอันแสนไกลที่เดอะ ค็อป คงพอใจที่จะลืมมันไปจนหมดสิ้น จากผลงานที่ซัวเรซแสดงให้เห็นในสนาม

พี่เหยินของแฟนๆ ลิเวอร์พูล ยิงได้ 19 ประตูเป็นดาวซัลโวของลีก ช่วยสร้างโอกาสให้เพื่อนอีก 5 ครั้ง นั่นหมายความว่าเขามีส่วนร่วมถึง 24 ประตู จาก 44 ประตู เกินกว่าครึ่งของประตูที่หงส์แดงทำได้ทั้งหมดในครึ่งฤดูกาล ทั้งที่อย่าลืมว่าเจ้าตัวพลาดโอกาสลงสนามในช่วงต้นของฤดูกาลเพราะโทษแบนในคดีกัดอิวาโนวิช

ซัวเรซพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีค่าเกินพอสำหรับถิ่นแอนฟิลด์ รวมถึงนี่อาจจะเป็นฤดูกาลนักเตะยอดเยี่ยมของพีเอฟเอสำหรับเขา คำถามเหลืออยู่แต่เพียงว่า ลิเวอร์พูลจะพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอจะเก็บเขาเอาไว้ได้หรือไม่ ด้วยการคว้าอย่างน้อยอันดับสี่เพื่อไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลต่อไป

นักเตะม้ามืด : อารอน แรมซีย์

คงไม่ต้องไปคิดให้มากความว่าใครคือนักเตะที่ผลงานก้าวกระโดดจากฤดูกาลที่ผ่านๆ มาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผลงานมันฟ้องอยู่ในตัวว่าชายคนนั้นคืออารอน แรมซีย์ มิดฟิลด์ชาวเวลส์จากค่ายอาร์เซนอล

กาลครั้งหนึ่ง เขาเคยเป็นดาวรุ่งฝีเท้าที่ได้รับบาดเจ็บหนักจนสูญเสียความมั่นใจ แฟนบอลปืนใหญ่เคยส่ายหน้าเวลาเห็นเขาได้โอกาสลงสนาม แต่ทั้งหมดนั้นกลายเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อในเวลานี้เขาคือนักเตะที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งในลีก ทำประตูได้เป็นอันดับ 8 (8 ประตู) แอสซิสต์ได้มากที่สุดเป็นอันดับ 3 (6 ครั้ง) จ่ายบอลสำเร็จมากที่สุดเป็นอันดับ 2 (1045 ครั้ง) ทั้งยังเข้าปะทะได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 (56 ครั้ง)

เห็นตัวเลขขนาดนี้ คงหาใครสักคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าเขาได้ยากเต็มที

ราชันแอสซิสต์ : เวย์น รูนีย์

เช่นเดียวกับซัวเรซ รูนีย์เคยเป็นนักเตะที่แฟนบอลเอือมระอาในช่วงหน้าร้อนเพราะอาการงอแงอยากย้ายทีมไม่รู้จักจบสิ้น แต่เมื่อเปิดฤดูกาลก็ใช้ผลงานในสนามกลบทุกคำวิจารณ์ที่เคยมีก่อนหน้านั้นไปจนหมด

รูนีย์กลับมาร่วมงานกับเจ้านายเก่าของเขาอย่างเดวิด มอยส์ ได้อย่างรู้ใจ จนเจ้าตัวคืนฟอร์มเก่งที่แฟนปีศาจแดงเคยหลงใหล สร้างโอกาสให้เพื่อนทำประตูได้มากถึง 9 ครั้ง มากกว่าเมซุต โอซิล จอมทัพขวัญใจคนใหม่ของอาร์เซนอล 2 ครั้ง ทำให้เขาเป็นคนที่แอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้

เดวิด มอยส์ เคยบอกว่า เขาพอใจที่ได้เห็นรูนีย์มีความสุขกับการลงมาช่วยสร้างโอกาสให้เพื่อนมากกว่าเดิม แถมที่สำคัญ ผลงานในการทำประตูของเขาก็ไม่ได้ถอยลงแต่อย่างใด เมื่อรูนีย์ส่งบอลไปกองอยู่ก้นตาข่ายได้แล้ว 9 ครั้งเช่นกัน

ปรมาจารย์ลูกจ่าย : ยาย่า ตูเร่

ในบรรดานักเตะพรีเมียร์ลีกที่ลงเล่นกันมาครึ่งฤดูกาล ยาย่า ตูเร่ คือคนที่จ่ายบอลมากที่สุด 1365 ครั้ง สำเร็จมากที่ 1212 ครั้ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ สูงลิ่วถึง 91 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ยาย่า ตูเร่ ยังวางบอลยาวสำเร็จ 92 ครั้ง และทำอีก 3 แอสซิสต์ ทั้งหมดนั้นบ่งบอกว่าเขาคือห้องเครื่องคนสำคัญที่ทำให้เกมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไหลลื่น และยืนเป็นรองจ่าฝูงของตารางเวลานี้

จอมเลื้อย : เอเด็น อาซาร์

ขณะที่จอมเทคนิคประจำทีมหมายเลขหนึ่งอย่าง ฆวน มาตา กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพราะเข้ากับแผนการเล่นของโชเซ มูรินโญ ไม่ค่อยได้ พระรองของทีมเมื่อฤดูกาลก่อนอย่าง อาซาร์ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของสิงห์บลูในฤดูกาลนี้ไปเรียบร้อย

ปีกชาวเบลเยี่ยมคือนักเตะที่เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ (67 ครั้ง) มากกว่าอันดับสองอย่างแอนดรอส ทาวน์เซนด์ ปีกท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส อยู่ถึง 10 ครั้งด้วยกัน

แม้เปอร์เซ็นต์การเลี้ยงบอลของปีกไก่เดือยทองจะดีกว่า (66% ต่อ 59%) แต่ถ้าวัดเรื่องจำนวนการโดนทำฟาล์วประกอบไปด้วยแล้ว (อาซาร์ 51 ครั้ง, ทาวน์เซนด์ 22 ครั้ง) จะเห็นได้ว่าอาซาร์เป็นนักเตะที่สร้างความอันตรายให้คู่ต่อสู้ได้มากกว่า จึงคว้าตำแหน่งจอมเลื้อยประจำครึ่งฤดูกาลในสายตาเราไปแบบเฉียดฉิว

จ้าวเวหา : ปีเตอร์ เคราช์

เจ้าของส่วนสูง 201 เซนติเมตร คือ จ้าวเวหาของพรีเมียร์ลีกในครึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่อเจ้าตัวโหม่งไปแล้วทั้งสิ้น 124 ครั้ง จาก 16 นัดที่ได้ลงสนาม มากกว่าคริสเตียน เบนเตเก้ (99 ครั้ง) ที่ตามมาเป็นอันดับสองถึง 25 ครั้งด้วยกัน

ด้วยส่วนสูงที่เหนือกว่าใคร ทำให้เคราช์ได้เปรียบเสมอเมื่ออยู่กลางอากาศ เปอร์เซ็นต์การโหม่งสำเร็จของเขาอยู่ที่ 63% ทีเดียว แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ ทั้ง 3 ประตูที่เคราช์ทำได้ ไม่มีลูกไหนเป็นการโหม่งเลยแม้แต่ลูกเดียว