10 ข่าวเด่นในแวดวงลูกหนังโลกประจำปี 2103 มาให้แฟนๆทุกคนได้ติดตามว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อปีที่ผ่านมา

เป็นประเพณีทุกปีที่สื่อมวลชนทั้งสายการเมือง, สายบันเทิง, สายสังคม หรือแม้แต่สายกีฬา จะสรุปข่าวเด่นๆในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อรวบรวมเหตุการณ์สำคัญให้กับแฟนข่าวได้รับรู้ข่าวเด่น, ข่าวดัง หรือข่าวฉาวที่เกิดขึ้นในปีนั้นๆ

ดังนั้นโกลไทยแลนด์จึงไม่พลาดที่จะรวบรวม 10 ข่าวเด่นในแวดวงฟุตบอลโลกประจำปี 2013 มาให้แฟนๆที่น่ารักได้ชมกัน ณ ทีนี้

1. เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กุสัน ก้าวลงจากบัลลังก์ปีศาจแดง

นับเป็นข่าวสุดช็อคสำหรับสาวกเร้ด อาร์มีทั่วโลก เมื่ออยู่ๆบรมกุนซือชาวสก็อตตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งอย่างกะทันหัน โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้เวลากับภรรยาสุดที่รักมากขึ้น หลังกุมบังเหียนทีมมาอย่างยาวนานถึง 27 ปี โดยเฟอร์กี้ปลุกปั้นทีมปีศาจแดงจนกลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเกาะอังกฤษ ด้วยการนำสโมสรคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศสมัยที่ 20 พร้อมครองเจ้ายุโรปอีก 2 สมัย แม้ว่าโค้ชระดับตำนานรายนี้จะไม่ได้นั่งบัลลงก์พ่อใหญ่แห่งโรงละครแห่งความฝันแล้ว แต่เชื่อเหลือเกินว่าผลงานของเขาจะติดตราตรึงใจแฟนบอลยูไนเต็ดตลอดไป

2. เดวิด เบ็คแฮม ประกาศอำลาสนาม

หลังจากเฟอร์กี้โบกมือปีศาจแดงได้ไม่นาน ศิษย์ในคาถาของเขาอย่างเดวิด เบ็คแฮม ก็ตัดสินใจยุติชีวิตค้าแข้ง 21 ปี ด้วยการประกาศแขวนสตั๊ดทันที โดยหนุ่มเบ็คลงเล่นให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นสโมสรสุดท้าย พร้อมซิวแชมป์ลีกเมืองน้ำหอมประดับบารมีก่อนอำลาสนาม โดยอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษขึ้นชื่อว่าเป็นนักฟุตบอลที่ดังและทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา, ฝีเท้าที่เป็นเลิศ และมีจุดขายอยู่ที่การเตะลูกนิ่ง จึงไม่แปลกที่แฟนฟุตบอลค่อนโลกจะรู้สึกเสียใจที่เบ็คแฮมเลิกเล่น โดยเฉพาะแฟนคลับสาวๆ

3. โชเซ มูรินโญ รีเทิร์น เดอะ บริดจ์

แฟนบอลสิงโตน้ำเงินครามต่างปลาบปลื้มใจเป็นการใหญ่ เมื่อ โชเซ มูรินโญ กุนซือในดวงใจตัดสินใจรับงานคุมทีมเป็นคำรบที่สอง หลังเคยพาทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการซิวแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 2 สมัย ในระหว่างฤดูกาล 2004-07 โดยนายใหญ่ชาวโปรตุกีสเอาอกเอาใจแฟนคลับสโมสรเต็มที่ หลังตั้งสมญานามตัวเองใหม่ว่า เดอะ แฮปปี้ วัน เพราะมีความสุขที่ได้คุมทีมรักอีกครั้ง แน่นอนว่าการรีเทิร์นของชายที่ชื่อมูรินโญ จะช่วยสร้างสีสันและความเร้าใจในศึกพรีเมียร์ลีกให้กลับมาอีกครั้ง

4. เนย์มาร์ย้ายร่วมทัพบาร์เซโลนา

นี่คือหนึ่งในดีลที่สร้างความฮือฮาให้กับคอลูกหนังทั่วโลกมากที่สุดเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เมื่อดาวยิงความหวังดวงใหม่ของทีมชาติบราซิลจัดการหักอกทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป เลือกเซ็นสัญญาร่วมทัพบาร์เซโลนา ด้วยค่าตัวสูงถึง 57 ล้านยูโร แม้ว่าเนย์มาร์จะยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเทพเหมือนสมัยค้าแข้งกับซานโต๊สออกมาได้ทั้งหมด แต่เขาก็ทำผลงานได้น่าพอใจหลังค่อยๆปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นติกิ-ตาก้าได้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเจ้าตัวซัดให้อาซูลกรานาไปแล้ว 10 ประตูในฤดูกาลนี้

5. บราซิลซิวแชมป์คอนเฟดฯ สมัย 4

พลพรรคเซเลเซายังครองความเป็นเจ้าทัวร์นาเมนต์นี้ หลังงัดฟอร์มเด็ดไล่ถลุงทีมชาติสเปน แชมป์โลกและแชมป์ยุโรป ไปแบบสะใจกองเชียร์ 3-0 คว้าแชมป์คอนเฟดเดเรชั่นส์ คัพ 3 สมัยติดต่อกัน พร้อมสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นชาติแรกที่ซิวแชมป์รายการนี้ 4 สมัย อย่างไรก็ตาม ทีมชาติบราซิลคงไม่ปลื้มนัก หากรู้ว่ายังไม่เคยแชมป์คอนเฟดฯชาติไหนที่สามารถสานต่อความยิ่งใหญ่ด้วยการชูถ้วยเวิลด์คัพในปีต่อมาได้เลยนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

6. มาดริดทุบสถิติโลกคว้าแกเร็ธ เบล

นี่คือการย้ายทีมที่สั่นสะเทือนวงการลูกหนังทั่วโลกอย่างแท้จริง ภายหลัง เรอัล มาดริด ทุ่มหมดหน้าตักยื่นข้อเสนอสถิติโลก 100 ล้านยูโร กระชาก แกเร็ธ เบล ปีกตัวเทพของท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส มาสร้างแนวรุกในฝันด้วยการผนึกกำลังร่วมกับคริสเตียโน โรนัลโด้ โดยปีกทีมชาติเวลส์ต้องแบกรับความกดดันหนักอึ้งจนเป็นเหตุให้โชว์ฟอร์มไม่ออกในช่วงแรกและยังโดนโรคเดี้ยงตามเล่นงานอีก ทำให้แฟนบอลหลายคนตั้งคำถามว่ามาดริดลงทุนคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไรก็ดี เบลก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขาคือของจริง หลังเดินหน้าซัลโวประตูไปแล้วถึง 10 ลูก ซึ่ง 3 ประตูในนั้นเป็นการทำแฮตทริกต่อหน้าเหล่าสาวกมาดริดนิสตร้าในซานติอาโก้ เบร์นาเบวด้วย

7. อาร์เซนอลทุบคลังกระชากเมซุต โอซิล

ผลพวงของการย้ายมาของแกเร็ธ เบล ทำให้จอมทัพเยอรมันต้องตัดสินใจโบกมือลาราชันชุดขาวแบบช็อคแฟนบอล และสโมสรที่โชคดีได้ลายเซ็นของเขาไปครองก็คืออาร์เซนอล ทีมขี้เหนียวประจำศึกพรีเมียร์ลีกที่ลงทุนทุบสถิติสโมสรทุ่ม 42.5 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับพ่อมดรายนี้ โดยโอซิลก็ไม่ทำให้อาร์แซน เวนเกอร์ และสาวกกูนเนอร์สต้องผิดหวัง หลังเข้ามาเติมเต็มในแนวรุกไอ้ปืนใหญ่ ทั้งยิงทั้งจ่ายจนทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมรั้งเป็นจ่าฝูงของตารางประจำครึ่งฤดูกาลแรก มีลุ้นคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี แบบเต็มตัว

8. บาเยิร์นฯประกาศศักดากวาดเรียบ 5 แชมป์

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บาเยิร์น มิวนิค คือสโมสรหมายเลขหนึ่งของโลกในยุคนี้ ภายหลังประกาศความยิ่งใหญ่ด้วยการซิวเทรเบิลแชมป์ ทั้งแชมป์บุนเดสลีก้า, แชมป์เดเอฟเบ โพคาล และแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อฤดูกาลก่อน แม้จะมีการเปลี่ยนตัวกุนซือจากจุ๊ปป์ ไฮเกส เป็น เป็ป กวาร์ดิโอลา ในซีซั่นนี้ แต่ทีมเสือใต้ก็ไม่ได้ด้อยประสิทธิภาพลงเลย มิหนำซ้ำยังเล่นได้หลากหลายมากขึ้น จนซิวแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ แชมป์สโมสรโลกไปครองอีกสองรายการ ส่งผลให้พวกเขากวาดเรียบ 5 แชมป์ เมื่อปีที่ผ่านมา

9. หลุยส์ ซัวเรซกลับใจต่อสัญญาหงส์

จากซาตานกลายเป็นขวัญใจ! มหากาพย์ของดาวยิงชาวอุรุกวัยคือหนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา หอกจอมกัดสร้างทั้งความทุกข์และความสุขให้กับเดอะค็อปทั่วโลก หลังออกอาการงอแงอยากย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์เมื่อช่วงซัมเมอร์ โดยให้เหตุผลว่าถูกสื่อมวลชนในอังกฤษคุกคามชีวิตส่วนตัวมากเกินไป ก่อนที่เขาจะกลั้นใจอยู่กับทีมต่อไปเพราะสโมสรไม่ต้องการขาย อย่างไรก็ตาม แม้ซัวเรซจะไม่เต็มใจอยู่กับทีมมากนัก แต่เขาก็กลับมาทำผลงานพีคติดลมบนอีกครั้ง หลังซัลโวไป 19 ประตู จาก 14 นัด นำเป็นดาวซัลโวในลีก และจากฟอร์มที่ดีของสโมสร ทำให้เขาตัดสินใจต่อสัญญากับหงส์แดงออกไปถึงปี 2018 เรียบร้อยแล้ว ทำเอาสาวกหงส์แดงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเป็นแถว

10. จับสลากแบ่งสายฟุตบอลโลก 2014

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของปีนี้หนีไม่พ้นการจับสลากแบ่งสายฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ซึ่งก็สร้างความซี้ดซ้าดให้กับแฟนบอลทั่วโลกก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่มขึ้นได้มากโข หลังผลการจับสลากปรากฎว่า ทีมขวัญใจมหาชนอย่างทีมชาติอังกฤษถูกจับให้อยู่กรุ๊ป ออฟ เดธ ร่วมกับอุรุกวัย, อิตาลี และคอสตาริก้า ส่วนอีกกลุ่มก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เมื่อสเปน แชมป์เก่า ต้องอยู่ร่วมสายเดียวกับฮอลแลนด์ รองแชมป์เก่า, ชิลี และออสเตรเลีย โดยนัดเปิดสนามจะมีขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายน ปีหน้า เป็นการพบกันระหว่าง ทีมชาติบราซิล เจ้าภาพ พบ โครเอเชีย