มาราโดนาไปดาบคู่, ซีดานซบกุหลาบไฟ, ดิ สเตฟาโน ไป บาร์เซโลนา รวมดีลสุดทึ่งที่คุณอาจต้องคิดในใจว่า พวกเขาปล่อยนักเตะเหล่านี้หลุดมือไปได้อย่างไร

ในโลกของตลาดนักเตะ มันคือการเจรจา, การตัดสินใจ และการทำนายอนาคต ว่าผลที่ได้จากการลงทุนจะตอบแทนกลับมาคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน บ่อยครั้งทีเดียวที่การเจรจาสำเร็จ ได้ผลดี จะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม

ขณะเดียวกัน หากกะผิด เก็งพลาด ผลตอบรับที่ออกมาก็อาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด หลายสโมสรซื้อนักเตะที่ใช้งานไม่ได้ในราคาแพง ขณะที่อีกหลายสโมสรก็ปล่อยนักเตะที่ไม่ควรหลุดมือให้หลุดมือไปได้อย่างน่าเสียดาย

และต่อไปนี้คือ 10 ดีลที่อาจพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน สร้างความเปลี่ยนแปลงแก่วงการฟุตบอลแบบที่เราไม่คาดคิด หากมันจะเกิดขึ้นมาจริง

10.ริวัลโด ไป โบลตัน

โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ภายใต้การคุมทีมของ "บิ๊กแซม" แซม อัลลาไดซ์ เคยเกือบสร้างเสียงฮือฮาในโลกฟุตบอลด้วยการทาบทามริวัลโด้ อดีตเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ปี 1999 มาร่วมทีม โดยแข้งทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 2002 รายนี้ยังออกปากด้วยตัวเองผ่านทาง BBC Sport ด้วยว่า "ผมอยากจะลองความท้าทายที่จะพาโบลตันไปเล่นในยุโรปเป็นสมัยแรกให้ได้ในประวัติศาสตร์ มันน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมากๆ"

อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ บิ๊กแซม ก็ออกมายอมรับแบบเสียงอ่อยๆ ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรว่า "ผมสามารถยืนยันได้ว่าริวัลโด้จะไม่ย้ายมาร่วมทีมกับเราอย่างแน่นอนแล้ว"

9. สตีเวน เจอร์ราร์ด ไป เชลซี

ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอดีต การจินตนาการว่าเราจะได้เห็น มิสเตอร์ลิเวอร์พูล ย้ายออกจากแอนฟิลด์เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง แต่มันก็เคยเกือบเกิดขึ้นจริงๆ มาแล้วครั้งหนึ่ง ถึงขั้นมีข่าวคราวออกมาว่าเจอร์ราร์ดมีการเปรยๆ ผ่าน Daily Mail ว่าการอำลาสโมสรลิเวอร์พูล อาจเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต

อย่างไรก็ดี ด้วยความจงรักภักดีต่อสโมสร และความเป็นหงส์แดงในสายเลือด ในที่สุดเจอร์ราร์ดก็ต่อสัญญากับสโมสรออกไป และยังอยู่เป็นตำนานของทีมตราบจนทุกวันนี้

8. ราดาเมล ฟัลเกา ไป แอสตัน วิลลา

ในปี 2008 ราดาเมล ฟัลเกา เคยตกเป็นเป้าหมายของมาร์ติน โอนีล ที่กำลังมองหากำลังเสริมในแนวรุกให้แอสตัน วิลลา ซึ่งเขากำลังคุมทีมอยู่ในเวลานั้น และเกือบได้ฟัลเกาในราคาเพียง 5 ล้านปอนด์ ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลายไปอย่างน่าเสียดาย

นอกจากนี้ในปี 2009 ฟัลเกาเอง รวมถึงเอดินสัน คาวานี สองกองหน้าสุดฮ็อตของอเมริกาใต้ยังเคยอ้อนวอนให้ โอนีล มาคว้าตัวพวกเขาไป ตามรายงานจาก Birmingham Mail แต่กลับกลายเป็นว่าโอนีลคิดว่าค่าตัวของทั้งสองคนในเวลานั้นสูงเกินไป (คาวานี 12.8 ล้านปอนด์, ฟัลเกา 6.4 ล้านปอนด์)

อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้แฟนบอลคงทราบดีว่า ทั้งสองรายคือหนึ่งในบรรดากองหน้าที่เฉียบคมที่สุดในโลกลูกหนัง และค่าตัวของทั้งคู่อยู่ในระดับ 50 ล้านปอนด์ขึ้นไปจากการย้ายทีมครั้งล่าสุด

7. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไป แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

ในปี 2010 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ที่กำลังจะกลายเป็นแข้งเสือใต้คนใหม่ เคยเกือบย้ายไปเล่นให้กุหลายไฟด้วยค่าตัวเพียง 4 ล้านปอนด์ แต่เพราะภูเขาไฟพ่นควันออกมาคลุมน่านฟ้า ทำให้เที่ยวบินไปยังอังกฤษต้องยกเลิกไปโดยปริยาย

จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ส่งผลให้กองหน้าโปแลนด์ต้องย้ายไปเล่นให้โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก่อนจะทำประตูเป็นกอบเป็นกำ และเพิ่งยืนยันว่าจะร่วมทีมยักษ์ใหญ่แห่งบาวาเรีย ทันทีที่หมดสัญญาเมื่อจบฤดูกาล

6. คริสเตียโน โรนัลโด้ ไป อาร์เซนอล

ในปี 2003 อาร์เซนอลเคยเกือบคว้าตัวปีกชาวโปรตุกีสซึ่งเพิ่งคว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปหมาดๆ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา รวมถึงทีมปืนใหญ่เตรียมจะให้เขาสวมเบอร์ 9 เสียด้วย แต่ทุกอย่างก็กลับพังทลาย ทั้งที่ปีกชาวโปรตุกีสกำลังอยู่ในสนามซ้อมเพื่อทดสอบฝีเท้าอยู่แล้ว ทว่าพวกเขาไม่สู้ค่าตัวของโรนัลโด้ เมื่อเทียบกับสโมสรอีกสโมสรหนึ่ง ซึ่งนันก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

และนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งหนึ่งของวงการฟุตบอล โรนัลโด้พาทีมประสบความสำเร็จทั้งในอังกฤษและยุโรปเป็นว่าเล่น รวมถึงกวาดรางวัลส่วนตัวมากมาย ก่อนจะขายให้เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ให้สโมสรจากลอนดอนทำได้เพียงมองตาปริบๆ เท่านั้น

5. ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ไป อาร์เซนอล

อิบราฮิโมวิชในวัย 16 ปี ก็เป็นกรณีคล้ายๆ กับคริสเตียโน โรนัลโด้ ที่เคยเกือบจะย้ายมาเล่นใน เอมิเรตส์ สเตเดียม มาแล้ว โดยเขาได้เข้ามาเยี่ยมชมสนามซ้อมรวมถึงดูความพร้อมในเรื่องต่างๆ ของสโมสรเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเซ็นสัญญา

อย่างไรก็ดี สิ่งที่อาร์แซน เวนเกอร์ ทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงก็คือ การบอกให้ดาวเตะสวีดิชลงไปทดสอบฝีเท้า ก่อนจะมีการเซ็นสัญญาจริง ซึ่งนั่นทำให้เจ้าตัวไม่พอใจอย่างมาก และไม่ได้ย้ายมาร่วมทีมแห่งลอนดอนอย่างที่ควรจะเป็น

4. พอล แกสคอยน์ ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อัจฉริยะจอมเพี้ยนทีมชาติอังกฤษรายนี้ เป็นหนึ่งในความเสียดายครั้งสำคัญในชีวิตของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อปีศาจแดงพลาดคว้าตัวแกสคอยน์มาร่วมทีมเมื่อปี 1988

ในเวลานั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส คือสองสโมสรที่พยายามแย่งกันคว้าตัวนักเตะยอดเยี่ยมพีเอฟเอประจำฤดูกาล 1987-88 รายนี้ โดยเฟอร์กูสันเล่าให้ฟังว่า แกซซาเป็นคนบอกเขาเองว่า "ไปเที่ยวให้สนุกเถอะครับ คุณเฟอร์กูสัน ผมจะเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"

ท่านเซอร์ผู้เป็นตำนานโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จึงได้ไปพักผ่อนตามที่เขาตั้งใจ ก่อนที่จะได้รับโทรศัพท์ข่าวร้ายจากมาร์ติน เอ็ดเวิร์ด ซึ่งต่อมาได้เป็นประธานสโมสรว่า ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ซื้อบ้านให้พ่อแม่ของแกสคอยน์ที่ลอนดอน และคว้าตัวเขาไปร่วมทีมเรียบร้อยแล้ว

3. อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน ไป บาร์เซโลนา

ทุกคนล้วนทราบกันดีว่า อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน คือไอคอนคนสำคัญของเรอัล มาดริด แต่เขาก็เคยเกือบจะเล่นให้บาร์เซโลนาอยู่แล้วเช่นกัน หากไม่เกิดเรื่องวุ่นๆ ตอนย้ายมาเล่นในยุโรปเสียก่อน

เรื่องมันเริ่มต้นตรงที่ว่า บาร์เซโลนาติดต่อซื้อตัวดิ สเตฟาโน กับ ริเวอร์เพลต ซึ่งเป็นต้นสังกัดที่แท้จริงของนักเตะ ในขณะที่มาดริดคุยกับมิลเลียนาริออส ซึ่งเป็นสโมสรที่นักเตะกำลังลงเล่นให้อยู่ในเวลานั้น เหตุการณ์ยุ่งเหยิงเริ่มบังเกิดเมื่อมีคำตัดสิน ภายใต้ยุคสมัยของจอมพลฟรังโก้ ให้ดิ สเตฟาโน ลงเล่นให้ทั้งสองสโมสร โดยสลับกันไปทีมละหนึ่งฤดูกาล

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เหมือนคริสเตียโน โรนัลโด้ เล่นให้บาร์ซาและมาดริด สลับกันไปแบบนี้ เจ้าบุญทุ่มแห่งกาตาลันจึงตัดสินใจยอมถอนข้อเสนอ และปล่อยให้ดิ สเตฟาโนได้พามาดริดให้กลายเป็น "ราชันชุดขาว" แห่งโลกฟุตบอลตราบจนปัจจุบัน

2. ซีเนดีน ซีดาน ไป แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

"ทำไมคุณถึงจะอยากเซ็นซีดานล่ะ ในเมื่อเรามี ทิม เชอร์วูด อยู่แล้ว" เป็นคำกล่าวของแจ็ค วอล์คเกอร์ ประธานสโมสรแบล็คเบิร์น ที่เขาน่าจะเสียใจไปตลอดชีวิต ที่ปล่อยให้แข้งที่มีศักยภาพระดับซีดานหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย

เรย์ ฮาร์ฟอร์ด กุนซือกุหลาบไฟ ผู้มาสานต่องานของเคนนี ดัลกลิช หลังจากที่พวกเขาเพิ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1994-95 ได้สำเร็จ สนใจในฝีเท้าของจอมทัพแดนน้ำหอมรายนี้มาก แต่ทุกอย่างก็ล่มลงแบบไม่เป็นท่าจากคำพูดดังกล่าวของท่านประธานสโมสร

1. ดิเอโก้ มาราโดนา ไป เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

ในบรรดาดีลที่ล้มเหลวทั้งหลาย คงไม่มีใครปวดใจเท่าเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เมื่อพวกเขาอยู่ในดิวิชัน 2 ของอังฤษ และกำลังมองหาแข้งหน้าใหม่เข้ามาเต็มเติมศักยภาพของสโมสร ก่อนจะไปเตะตา ดิเอโก้ มาราโดนา วัย 17 ปี ด้วยค่าตัว 200,000 ปอนด์

อย่างไรก็ดี บอร์ดบริหารของสโมสรกลับลังเลที่จะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าตัวของดาวรุ่งผู้จะกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาลในอนาคต และกลับไปคว้า อเล็กซ์ ซาเบลลา ผู้เป็นกุนซือทีมฟ้าขาวคนปัจจุบันแทน

ไม่ต้องบอกเลยว่า บอร์ดของทีมดาบคู่จะเสียใจแค่ไหน ที่ปล่อยตำนานแห่งโลกฟุตบอลรายนี้หลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย