10 แข้งพระรองในเวิลด์คัพแต่ละครั้ง
Posted 12/03/2014 by goal.com
เมื่อผู้ชนะมีได้เพียงหนึ่ง นักเตะที่ดีที่สุดในโลกจึงไม่ใช่ผู้ชูถ้วยรางวัลในบั้นปลายเสมอไป ต่อไปนี้คือนักเตะที่อาจเรียกได้ว่าโดดเด่นที่สุดในทัวร์นาเมนต์ แต่ก็ต้องกลับบ้านพร้อมน้ำตา
เวสลีย์ ชไนเดอร์ - ฟุตบอลโลก 2010
สำหรับฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดคงไม่มีนักเตะคนไหนน่าเสียดายไปว่าเวสลีย์ ชไนเดอร์ จอมทัพกังหันสีส้มที่ต้องอกหักเพราะประตูชัยในช่วงต่อเวลาของอันเดรส อิเนียสต้า ทั้งที่ฮอลแลนด์ซึ่งเป็นรองมาตั้งแต่ก่อนเกมเริ่ม ยอมทิ้งสไตล์การเล่นแบบสวยงามและหันมาใช้วิธีเข้าบอลหนักหน่วงเพื่อกำราบเทคนิคอันยอดเยี่ยมของบรรดาแข้งสเปน
กองกลางซึ่งปัจจุบันเล่นให้กาลาตาซารายแสดงให้เห็นถึงไหวพริบอันยอดเยี่ยมในการปั้นเกมและสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว รวมถึงนัดชิงที่จ่ายทะลุช่องให้อาร์เยน ร็อบเบนเข้าไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตู แต่ปีกบาเยิร์น มิวนิค กลับยิงไปติดเซฟของอิเกร์ กาซิยาส อย่างน่าเสียดาย
ซีเนดีน ซีดาน - ฟุตบอลโลก 2006
หลังจากที่ประสบความสำเร็จถึงจุดสูงสุดของโลกมาแล้วเมื่อปี 1998 ซีดานก็ต้องกลายมาเป็นพระรองแบบน่าช้ำใจที่สุดในฟุตบอลโลก 2006 เมื่อเขาคือพระเอกผู้นำฝรั่งเศสซึ่งเป็นม้านอกสายตาในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศไปพบกับอิตาลีซึ่งก็ต้องถือว่าทำได้เกินความคาดหมายของใครหลายๆ คนเช่นกัน
ในนัดชิงชนะเลิศ ซีดานก็ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นด้วยการยิงลูกโทษสุดเหนือชั้นให้ฝรั่งเศสออกนำไปก่อน และคุมเกมได้อย่างเหนือชั้นตลอดทั้งเกม จนกระทั่งเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 110 เหตุการณ์ที่อื้อฉาวที่สุดในชีวิตค้าแข้งของซีดาน และน่าจะเรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดครั้งหนึ่งในฟุตบอลโลกก็เกิดขึ้น
จอมทัพที่บางคนยกย่องว่าดีที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา เกิดตบะแตกเข้าไปโขกศีรษะใส่หน้าอกของ มาร์โก มาเตรัซซี ปราการหลังผู้ทำประตูตีเสมอให้ขุนพลอัซซูรี ซึ่งกรรมการก็ไม่รอช้าชูใบแดงให้ซีดานต้องเดินออกจากสนามในทันที ก่อนที่ฝรั่งเศสจะพ่ายอิตาลีไปด้วยการดวลจุดโทษ ส่งผลให้ภาพซีดานโขกใส่มาเตรัซซี รวมถึงตอนที่จอมทัพตราไก่เดินคอตกผ่านถ้วยฟุตบอลโลกไป ถือเป็นช็อตที่คลาสสิคที่สุดอีกช็อตหนึ่งในโลกฟุตบอลทีเดียว
โอลิเวอร์ คาห์น - ฟุตบอลโลก 2002
โอลิเวอร์ คาห์น แบกภาระ "นายทวารหมายเลขหนึ่งของโลก" ในเวลานั้นลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเยอรมันล้วนแต่ถูกนักวิจารณ์เมินกันถ้วนหน้า เพราะพวกเขาเพิ่งตกรอบแรกยูโร 2000 มาด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่ม ซ้ำยังมีแต่นักเตะที่แก่เกินแกง หรือไม่ก็ประสบการณ์ในระดับสูงน้อยเกินไปอยู่เต็มที่ แต่ขุนพลอินทรีเหล็กก็ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ซึ่งต้องขอบคุณโอลิเวอร์ คาห์น อยู่มากทีเดียว
อย่างไรก็ดี คาห์นก็ต้องมาเสียท่าในนัดชิงชนะเลิศเมื่อเขาซองแตกปล่อยให้โรนัลโด้ของบราซิลซ้ำเข้าไปในลูกแรก ก่อนที่กองหน้าหมายเลข 9 จะทำประตูที่สองของตัวเองในเกม ส่งผลให้บราซิลเอาชนะเยอรมันไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก 2-0 พร้อมคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ
โรนัลโด้ - ฟุตบอลโลก 1998
ก่อนที่จะไปคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ ในฟุตบอลโลก 2002 โรนัลโด้เคยต้องชอกช้ำมาก่อนในเวิลด์คัพ 1998 เมื่อเจ้าตัวได้เป็นดาวเด่นของทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว และพาทีมบราซิลเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่กลับต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บจนต้องฝืนลงเล่นและทำผลงานในนัดชิงได้ไม่ดีเท่าที่ควร
และคนที่ทำให้เขาต้องผิดหวังก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ซีเนดีน ซีดาน จอมทัพคนเก่งของฝรั่งเศสนั่นเองที่เป็นคนโหม่ง 2 ประตู ก่อนที่เอ็มมานูเอล เปอตีต์ จะยิงปิดท้ายประตูที่สามให้ฝรั่งเศสชนะไป 3-0
โรแบร์โต บาจโจ้ - ฟุตบอลโลก 1994
เรื่องราวคล้ายๆ กันกับโรนัลโด้เมื่อปี 1998 เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ โรแบร์โต บาจโจ้ และทีมชาติอิตาลี เมื่อปี 1994 เมื่อเทพบุตรเปียทองคำของทีมชาติอัซซูรีต้องกลายมาเป็นคนที่ชอกช้ำที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก เพราะเจ้าตัวเป็นคนยิงจุดโทษตัดสินพลาด ทั้งที่เป็นหัวใจสำคัญในการพาทีมเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ
ดาวเตะหมายเลขสิบทีมชาติอิตาลีรับหน้าที่ยิงจุดโทษเป็นคนสุดท้ายให้ทีมชาติอิตาลี แต่จะเพราะสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นักก่อนลงสนาม หรือเพราะความกดดัน หรือเพราะอะไรก็ตาม ลูกที่บาจโจ้ยิงกลับเหินข้ามคานลอยขึ้นฟ้าไปพร้อมกับความหวังสุดท้ายของอิตาลีในการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งนั้น
ดิเอโก้ มาราโดนา - ฟุตบอลโลก 1990
หลังจากที่เป็นพระเจ้าของชาวอาร์เจนไตน์ และสยบฟุตบอลโลก 1986 ไว้ใต้ฝ่ามือ มาราโดนาก็พาขุนพลฟ้าขาวเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศของรายการสำคัญของโลกรายการนี้อีกครั้ง ทว่าพวกเขากลับต้องพ่ายแพ้แก่เยอรมันไปอย่างเจ็บช้ำที่สุด
มาราโดนาถูกโลธาร์ มัตเธอุส นักเตะที่เขาเคยขนานนามว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดประกบตายตลอดทั้งเกม ก่อนที่อันเดรส เบรเมห์ จะเป็นคนยิงจุดโทษให้อินทรีเหล็กเป็นฝ่ายเฉือนไปอย่างหวุดหวิด 1-0 และทั่วโลกก็ได้เห็นน้ำตาที่มีชื่อเสียงที่สุดของนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลคนหนึ่งหลังเกมนัดนี้
ซิโก้ - ฟุตบอลโลก 1982
"เปเล่ขาว" กับทีมชาติบราซิลชุดที่ดีที่สุดที่ไปไม่ถึงแชมป์โลก ไม่มีทีมใดเหมาะจะเป็นพระรองในฟุตบอลโลก 1982 มากไปกว่าซิโก้อีกแล้ว เขาและขุนพลแซมบ้าวาดลีลาอันสุดแสนสวยงามและตราตรึงให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็น ทว่ากลับต้องพ่ายแพ้ต่อเกมรับอันแข็งแกร่งและประสิทธิภาพของอิตาลีซึ่งเป็นแชมป์โลกครั้งนั้น
การแข่งขันระหว่างบราซิลและอิตาลีในฟุตบอลโลก 1982 ถือเป็นเกมที่คลาสสิคที่สุดนัดหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก เมื่อเกมรุกของบราซิลและเกมรับของอิตาลี ต้องมาเผชิญหน้ากันตรงๆ และบราซิลซึ่งเกือบจะเข้ารอบเพราะได้เปรียบเรื่องลูกได้เสีย หลังจากที่เสมอกันอยู่ 2-2 กลับต้องมาชอกช้ำเพราะประตูแฮตทริคของเปาโล รอสซี ในนาทีที่ 74
โยฮันน์ ครัฟฟ์ - ฟุตบอลโลก 1974
โททัล ฟุตบอล ของฮอลแลนด์และโยฮันน์ ครัฟฟ์ ต้องพบกับความผิดหวังในฟุตบอลโลก 1974 ทั้งที่เป็นฝ่ายออกนำเยอรมันตะวันตกไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 2 และโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นมาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์
อย่างไรก็ดี พวกเขากลับต้องมาเสียท่า โดนสองประตูรวดก่อนหมดเวลาครึ่งแรก จากจุดโทษของ พอล ไบรท์เนอร์ ในนาทีที่ 25 และประตูสุดท้ายในนามทีมชาติของ เกิร์ด มุลเลอร์ ในนาทีที่ 43 ส่งผลให้ฮอลแลนด์ชุดนี้ เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดตลอดกาลในฟุตบอลโลก ที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
ยูเซบิโอ - ฟุตบอลโลก 1966
ก่อนที่โปรตุเกสจะมีตำนานที่ชื่อคริสเตียโน โรนัลโด้ ก่อนที่ขุนพลฝอยทองจะสร้างชื่อในโลกฟุตบอลยุคใหม่กับหลุยส์ ฟิโก้, รุย คอสตา และพรรคพวก ทัพบราซิลแห่งยุโรปสร้างชื่อให้กระฉ่อนวงการฟุตบอลกับ เสือดำแห่งโมซัมบิค ยูเซบิโอ และทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 1966 ก็คือเวทีที่ใหญ่ที่สุดที่ยูเซบิโอสำแดงฝีเท้าให้โลกประจักษ์
โปรตุเกสผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ และต้องพบอังกฤษเจ้าภาพ ก่อนที่สิงโตคำรามจะปราบยูเซบิโอได้อยู่หมัด โดยอาศัยการประกบแบบตัวต่อตัวของน็อบบี้ สไตล์ส ฮาร์ดแมนคนสำคัญของทีม และเป็นฝ่ายชนะไปในที่สุด 2-1
เฟเรนซ์ ปุสกัส - ฟุตบอลโลก 1954
ทีมชาติฮังการีอาจไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน แต่ถ้าย้อนหลังไปเมื่อยุด 1950s ไม่มีใครไม่รู้จัก เฟเรนซ์ ปุสกัส และขุนพล แม็กยาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟุตบอลโลก 1954 ที่พวกเขาไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายแพ้ต่อเยอรมันไปอย่างน่าเสียดาย
ฮังการีไม่แพ้ใครมาติดต่อกัน 32 นัดรวด ก่อนหน้าที่ทัวร์นาเมนต์นี้จะเริ่มต้น รวมถึงบุกไปถล่มอังกฤษถึงเวมบลีย์ 6-3 และเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ ทว่ากลับพลิกล็อคแพ้เยอรมันตะวันตกไป 3-2 ทั้งที่พวกเขาเคยไล่ต้อนอินทรีเหล็กมาแล้วในรอบแรกแบบถล่มทลายถึง 8-3 และนี่คืออีกหนึ่งตำนานที่ไม่เคยชูถ้วยเวิลด์คัพในบั้นปลายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์