ชิงเจ้ายุโรป!ชุดชาวส่งโด้ยิง,ตราหมีเช็กคอสต้า
Posted 24/05/2014 by siamsport
ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รอบชิงชนะเลิศ
วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม 2557
เรอัล มาดริด (สเปน) - แอต.มาดริด (สเปน)
นาม : เอสตาดิโอ ดา ลุซ, ลิสบอน, โปรตุเกส
นัดชิงชนะเลิศครั้งที่ 59 ของฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ และเป็นครั้งที่ 22 นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ที่คู่ชิงเป็นสองทีมที่มาจากเมืองเดียวกันด้วย
คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนของ ราชันชุดขาว เคยสัมผัสถ้วยใบนี้มา 2 ครั้งกับ เอซี มิลาน ฤดูกาล 2002-03 กับ 2006-07 และหวังจะเป็นกุนซือคนที่ 2 ต่อจาก บ็อบ เพรสลี่ย์ ที่คว้าแชมป์รายการนี้ 3 สมัย
ขณะเดียวกัน เรอัล ก็หวังยืดสถิติครองแชมป์ยุโรปมากสุดเพิ่มเป็น 10 สมัยด้วย
เส้นทางในรอบน็อกเอาท์ฤดูกาลนี้เจอกับ 3 ทีมจากเยอรมันล้วนๆ เริ่มจากถล่ม ชาลเก้ สกอร์รวม 9-2, เฉือนชนะ ดอร์ทมุนด์ สกอร์รวม 3-2 และถล่ม บาเยิร์น แชมป์เก่า สกอร์รวม 5-0
สภาพทีมต้องขาด ชาบี อลอนโซ่ กองกลางที่ติดโทษแบน จะเป็นโอกาสของ อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ หรือ ซามี่ เคดิร่า ที่เพิ่งฟิตกลับมา
แนวรับต้องรอทดสอบความฟิต เปเป้ เซนเตอร์ฮาล์ฟที่เจ็บอยู่ก่อน หากไม่ไหว ราฟาแอล วาราน จะลงมาจับคู่เซนเตอร์กับ เซร์คิโอ รามอส แทน
แดนหน้าก็มีปัญหาเช่นกัน คาริม เบนเซม่า ศูนย์หน้าตัวเป้าที่บาดเจ็บต้องรอเช็กความฟิตอีกคน หากไม่พร้อม อาจเสริม อิสโก้ ลงอัดกลางเพิ่ม
ข่าวดีคือ สองตัวหลักแนวรุก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวซัลโวชปล. ซีซั่นนี้ ที่ยิงไปแล้ว 16 ประตู กับ แกเร็ธ เบล ได้รับการยืนยันว่าฟิตสมบูรณ์พร้อมลงตัวจริงแน่นอน
ด้าน ตราหมี คว้าแชมป์ลาลีกา ฤดูกาลนี้ไปครองแล้ว เป็นแชมป์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1995-96 และถ้าคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ยูซีแอล เพิ่มอีก ก็จะประสบความสำเร็จยิ่งกว่า 18 ปีที่แล้ว
ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ เล่นกองกลางอยู่ในทีมของ ราโดเมียร์ อันติช เทรนเนอร์ชาวเซิร์บ ที่พา ตราหมี คว้าดับเบิ้ลแชมป์ ลาลีกา กับ โกปา เดล เรย์ ปี 1996
นี่คือรอบชิงชนะเลิศครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร แอตเลติโก หลังเคยชิงกับ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 1974 และพ่ายแพ้เป็นแค่รองแชมป์
สภาพทีมต้องรอทดสอบความฟิต ดิเอโก้ คอสต้า ดาวยิงที่เจ็บกล้ามเนื้อ ถูกเปลี่ยนตัวออกในนัดสุดท้ายของฤดูกาลกับ บาร์เซโลน่า ซึ่งมีข่าวดีคือกลับมาลงซ้อมได้แล้ว หลังบินไปรักษากับแพทย์คนดังที่เซอร์เบีย แต่คาดว่าน่าจะมีชื่อเพียงสำรองเพราะเร็วเกินไปจึงทำให้ ดาบิด บีย่า จะมีโอกาสลงตัวจริง
อีกคนคือ อาร์ดา ตูราน มิดฟิลด์ตัวรุกชาวตุรกี ที่บาดเจ็บมาจากเกมเดียวกัน ก็กลับมาลงซ้อมได้แล้ว น่าจะพร้อมลงตัวจริงด้วย
แดนกลางจะได้ กาบี เฟร์นานเดซ กัปตันทีม พ้นโทษแบน 1 นัดกลับมาด้วย หลังติดโทษในเกมที่บุกชนะ เชลซี 3-1 รอบรองชนะเลิศ นัดสอง
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เรอัล มาดริด : อิเกร์ กาซิยาส, ดาเนี่ยล การ์บาฆาล, เปเป้ (ราฟาแอล วาราน), เซร์คิโอ รามอส, มาร์เชโล่, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, ลูก้า โมดริช, อังเกล ดิ มาเรีย, แกเร็ธ เบล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า (อิสโก้)
แอต.มาดริด : ติโบต์ กูร์กตัวส์, ฆวนฟราน ตอร์เรส, เจา มิรานดา, ดิเอโก้ โกดิน, ฟิลิเป้ หลุยส์, กาบี เฟร์นานเดซ, ติอาโก้ เมนเดส, โกเก้, ราอูล การ์เซีย, อาร์ดา ตูราน, ดาบิด บีย่า (ดิเอโก้ คอสต้า)
ผู้ตัดสิน : บียอร์น ไคเปอร์ส (ฮอลแลนด์)
ข้อมูลน่าสนใจ เรอัล มาดริด - แอต.มาดริด
- แอต.มาดริด ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรปเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1974 โดยครั้งนั้นพ่ายให้กับบาเยิร์น มิวนิคหลังจากเกมรีเพลย์
- เรอัล มาดริด เข้าชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยส์ ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2002 (ชนะ เลเวอร์คูเซ่น 2-1) พวกเขาเป็นแชมป์รายการนี้มาแล้ว 9 ครั้ง มากกว่าทีมอื่นๆ
- ทีม "ราชันชุดขาว" คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ 9 ครั้ง จากการเข้าชิง 12 ครั้ง
- แอต.มาดริด เอาชนะ เรอัล มาดริด ได้เพียง 2 ครั้ง จากการพบกัน 30 ครั้งหลังสุด (เสอม 7) ทว่าชัยชนะทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว เกิดขึ้นในปี 2013 และทั้งสองครั้งเกิดขึ้นที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ครั้งแรกคือในรายการโกปา เดล เรย์ รอบชิงชนะเลิศ และอีกครั้งเกิดขึ้นใน ลา ลีกา
- ทีม "ตราหมี" เอาชนะเรอัล มาดริด ในเกมรอบชิงชนะเลิศได้ 4 จาก 5 ครั้ง โดยชัยชนะทุกครั้งเกิดขึ้นในโกปา เดล เรย์
- เรอัล มาดริด เคยพบกับ แอต.มาดริด ในรายการยุโรปเพียงครั้งเดียว เกิดขึ้นในเกมยูโรเปี้ยน คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อปี 1958/59 โดยทั้งสองทีมเสมอกัน ก่อนที่ เรอัล มาดริด จะเป็นฝ่ายชนะในเกมเพลย์ออฟ และกรุยทางไปคว้าแชมป์ในปีนั้น ด้วยเอาชนะ แร็งส์
- ทีม "ราชันชุดขาว" เก็บชัยชนะ 11 จาก 13 เกมหลังสุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก (เสมอ 1 แพ้ 1) ซึ่งความพ่ายแพ้ครั้งเดียวดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ (แพ้ 0-2)
- แอต.มาดริด เป็นทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ใครในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ (ชนะ 9 เสมอ 3)
- แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมสุดท้ายที่ได้ชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากไม่แพ้ใครตลอดทั้งฤดูกาล เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2007/08
- ถ้า แอต.มาดริด เป็นฝ่ายเอาชนะเกมรอบชิงดำนี้ จะทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ 5 ที่คว้าแชมป์ทั้ง 3 รายการเมเจอร์ของยูฟ่า (ยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูโรปา ลีก/ยูฟ่า คัพ และคัพ วินเนอร์ส คัพ) ตามหลัง อาแจ็กซ์, บาเยิร์น มิวนิค, ยูเวนตุส และเชลซี
- เรอัล มาดริด มีเกมรุกที่ดีที่สุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ยิงไปทั้งหมด 37 ประตู จาก 12 เกม และได้กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ ลีก (นับตั้งแต่ปี 1992/93) ที่ยิงประตูเฉลี่ยในแต่ละเกมได้ 3 ประตู (3.1)
- แอต.มาดริด มีเกมรับเหนียวแน่นที่สุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ เสียไปเพียง 6 ประตู จาก 12 เกม
- ดิเอโก้ คอสต้า ยิง 8 ประตู จาก 8 เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ (1 แอสซิสต์) ทว่ามันเป็นจำนวนเพียงแค่ครึ่งเดียวของที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงได้
- เรอัล มาดริด ยิงจุดโทษเข้าไปเพียง 1 จาก 3 ครั้งในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้
- คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงไป 16 ประตู ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ นับเป็นสถิติใหม่ของการแข่งขันรายการนี้
- นอกจากนี้ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสยัง ยิง 37 ประตู จากการลงสนามในรายการแชมเปี้ยนส์ ลีก 29 นัดหลังสุด
- คาริม เบนเซม่า และ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นเจ้าแห่งการแอสซิสต์ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ (5 ครั้ง เท่ากับ เวย์น รูนี่ย์)
- แกเร็ธ เบล แอสซิสต์มากที่สุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อคเอาต์ ฤดูกาลนี้ (4)
- คาร์โล อันเชล็อตติ คุมทีมเข้าชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 และเป็นหนแรกตั้งแต่ปี 2007 ซึ่ง 3 ครั้งก่อนหน้านั้นเกิดขึ้นสมัยคุมมิลาน
- ถ้า เรอัล มาดริด ได้แชมป์ในครั้งนี้ อันเชล็อตติ จะกลายเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 2 ที่คุมทีมซิวถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก/ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ 3 สมัย ต่อจาก บ็อบ เพรสลี่ย์ ที่เคยคุมลิเวอร์พูลสร้างสถิติดังกล่าว (1977, 1978 และ 1981)
- ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ พาทีมเอาชนะ เรอัล มาดริด ได้ 2 จาก 8 ครั้งที่พบกันในทุกรายการ (เสมอ 1 แพ้ 5) โดยชัยชนะดังกล่าวเกิดขึ้นในรอบชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (2-1)
- อิเกร์ กาซียาส (84.3%) และ ติโบต์ กูร์กส์ตัวส์ (82.9%) เป็นนายทวารที่มีอัตราเซฟมากที่สุดในบรรดาผู้รักษาประตูที่เซฟเกิน 20 ครั้งในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้
- ทั้ง กาซียาส และ กูร์กตัวส์ ทำคลีนชีตได้ 5 ครั้งในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ เท่ากับ ปีเตอร์ เช็ก และดาบิด เด เคอา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
คัลฮาโนกลูเล็งเทียบชั้นโด้,เมสซี่
ฮาคาน คัลฮาโนกลู มิดฟิลด์ดาวรุ่ง ฮัมบูร์ก ยันชัดยังไงก็ไม่ขออยู่กับทัพ "สิงห์เหนือ" อีกต่อไปแล้ว มั่นใจตนมีศักยภาพฝีเท้าดีพอ พร้อมที่จะอยู่กับสโมสรชั้นนำที่ได้โควต้าเล่นถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว บอกเป้าหมายก็คือการยกระดับก้าวขึ้นไปเป็นยอดนักเตะเหมือนกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ให้จงได้คอสต้ามีหวัง! หมอรกม้าบอกรักษานักเตะหายเดี้ยงได้ใน 1 วีค
ตราหมีได้ลุ้นอีกเฮือก! เมื่อหมอดังชาวเซอร์เบียที่รักษาด้วยการใช้รกม้าประกาศผ่านเว็บไซต์สามารถรักษานักเตะทุกคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อได้ภายในเวลา 1 เดือนคว้าบิ๊กเอียร์สมัยที่10!โด้มั่นราชันสยบหมีได้
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอดดาวเตะ เรอัล มาดริด มั่น "ราชันชุดขาว" จะสยบ แอตเลติโก มาดริด ในศึกบิ๊กเอียร์ นัดชิงดำ วันเสาร์นี้ และสอยแชมป์มานอนกอดได้ชัวร์ รับปีนี้ "ตราหมี" เจ๋งจริง แต่นัดชิงอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น พร้อมชี้คว้าถ้วยใหญ่ยุโรปเป็นความรู้สึกที่สุดยอด หลังเคยทำกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้วรามอสลดกระแสยกตราหมีมีสิทธิ์สอยถ้วยชปล
เซร์คิโอ รามอส กองหลังเลือดกระทิงของ เรอัล มาดริด ยกให้ แอตเลติโก มาดริด เป็นทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แถมกำลังใจดีเพิ่งคว้าแชมป์ลีกมาแบบสดๆ ร้อนๆ แต่ทิ้งท้ายน่าคิด นัดชิงวันเสาร์นี้ ทีมที่ผิดพลาดน้อยที่สุดจะได้ชูโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์"
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์