"ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เบลเยียม ต้องออกแรงเหนื่อยกว่าจะเป็นฝ่ายบดเอาชนะ "หมีขาว" รัสเซีย ไปได้แบบฉิวเฉียด 1-0 เก็บ 6 แต้มเต็ม ผ่านเข้ารอบเป็นที่แน่นอนแล้ว ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบแรก กลุ่ม เอช นัดสอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา

 ฟุตบอลโลก 2014
(รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอช)

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2557

เบลเยียม 1-0 รัสเซีย

สนาม : เอสตาดิอู ดู มาราคาน่า, รีโอ เด จาเนโร

 ทัพ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เบลเยียม ใช้ เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์ และ โรเมลู ลูกากู เป็น 3 ประสานในแนวรุก ขณะที่ พลพรรค "หมีขาว" รัสเซีย วาง มักซิม คานุนนิคอฟ ลงล่าตาข่าย โดยมี โอเล็ก ชาตอฟ คอยปั้นเกมในแดนกลาง   เริ่มเกมการแข่งขัน เบลเยียมเป็นฝ่ายเขี่ยเริ่มเกม แต่ยังไม่มีจังหวะจบสกอร์กัน

  นาทีที่ 11 รัสเซียได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ โอเล็ก ชาตอฟ ลากบอลเข้ากลางก่อนผ่านบอลให้ วิคเตอร์ ฟายซูลิน ได้ยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ แต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ พุ่งปัดไว้ได้

  นาทีที่ 14 เควิน เดอ บรอยน์ โชว์ทักษะสุดยอดด้วยการลากบอลจากกลางสนามหลับผู้เล่นรัสเซีย 4 คน ก่อนจ่ายบอลออกข้างให้ ดรีส เมอร์เท่นส์ หลุดเข้าเขตโทษ แต่ดาวเตะจากนาโปลี กลับตัดสินใจผ่านเข้ากลางไปติด วาซิลี่ เบเรซุตสกี้ ออกหลังไป

  นาทีที่ 20 ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป ยังครองเกมบุกกดดันต่อเนื่อง ดรีส เมอร์เท่นส์ คนเดิมได้บอลหลุดเข้าไปซัดในเขตโทษแต่บอลก็หลุดกรอบออกไป

   นาทีที่ 32 เบลเยียมเปลี่ยนเอา แยน แฟร์ตองเก้น ลงสนามไปแทน โธมัส แฟร์มาเล่น ที่มีอาการบาดเจ็บ

  นาทีที่ 34  ติโบต์ กูร์กตัวส์ ต้องออกแรงเซฟอีกครั้งจากลูกยิงของ โอเล็ก ชาตอฟ

  นาทีที่ 35 เบลเยียมได้ลุ้นอีกครั้ง ดรีส เมอร์เท่นส์ ลากบอลเข้าเขตโทษฝั่งขวา ก่อนกดด้วยขวาที่เสาแรก แต่ อีกอร์ อาคินเฟเยฟ พุ่งปัดไว้ได้

   นาทีที่ 37 เดนิส กลูชาคอฟ รับใบเหลืองคนแรกของเกม หลังไปเล่นอันตรายใส่ ดรีส เมอร์เท่นส์ 

  นาทีที่ 44 ทีมหมีขาวพลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย เดนิส กลูชาคอฟ เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าไปให้ อเล็กซานเดอร์ โกโกริน ได้โหม่งในเขตโทษคนเดียวโล่งๆ แต่บอลหลุดกรอบออกไปอย่างเหลือเชื่อ

  หมดครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมยังไม่สามารถทำอะไรกันได้ เสมอกันอยู๋ 0-0

  กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง นาทีที่ 53 รัสเซียได้ลุ้นก่อนจากลูกเก็บตกของ เดนิส กลูชาคอฟ ที่เสาสอง แต่กองกลางจาก สปาร์ตัก มอสโก กลับยิงข้ามคานออกไปไกล


   นาทีที่ 54  อั๊กเซิ่ล วิตเซิ่ล รับใบเหลืองหลังไปทำฟาวล์ใส่ผู้เล่นรัสเซีย

   นาทีที่ 57 ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป  เปลี่ยนเอา ดิว็อค โอริชี่ ลงสนามไปแทน  โรเมลู ลูกากู ที่วันนี้เล่นไม่ออก

  นาทีที่ 62 ทีมหมีขาวเปลี่ยนเอา อังเดร เยชเชนโก้ ลงสนามไปแทน อเล็กเซ คอซลอฟ

   นาทีที่ 74 โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ โดยใบเหลืองไปอีกรายหลังไปเข้าหนักใส่ มักซิม คานุนนิคอฟ

   นาทีที่ 76 เบลเยียม เปลี่ยนผู้เล่นคนสุดท้ายโดยเปลี่ยนเอา ดรีส เมอร์เท่นส์ ออกและส่ง เควิน มิรัลลาส ลงสนามไปแทน

  นาทีที่ 81 ทีมหมีขาว เกือบได้เฮ โอเล็ก ชาตอฟ ผ่านบอลให้ อังเดร เยชเชนโก้ ได้หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษด้วยซ้ายแต่บอลผ่านหน้าประตูออกไป

   นาทีที่ 83 รัสเซีย เปลี่ยนเอา โอเล็ก ชาตอฟ ออกและส่ง อลัน ซาโกเยฟ ลงสนามแทน

  นาทีที่ 84 เควิน มิรัลลาส ได้ส่องฟรีคิกระยะ 20 หลา บอลพุ่งเรียดผ่านมือ อิกอร์ อากินเฟเยฟ ไปแล้วแต่พุ่งชนเสากระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย

   นาทีที่ 88 จาก จังหวะโต้กลับเร็ว เอแด็น อาซาร์ พลิกบอลหลบผู้เล่นรัสเซีย หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนไหลบอลเข้ากลางให้ ดิว็อค โอริชี่ แปเสยเพดานเข้าไปไม่เหลือ เบลเยียม ขึ้นนำ 1-0

   นาทีที่ 90 รัสเซีย เปลี่ยนเอา อเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟ ลงสนามไปแทน อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ

  ช่วงทดเจ็บ เบลเยียม เกือบได้ประตูเพิ่ม จากจังหวะโต้กลับมาอีกครั้ง เอแด็น อาซาร์ ลากบอลขึ้นมาก่อนไหลเข้าเขตโทษให้ เควิน มิรัลลาส ได้หลุดไปยิงโล่งๆ แต่บอลไปติดขา อีกอร์ อาคินเฟเยฟ

  จบ เกม เบลเยียม เป็นฝ่ายเฉือนเอาชนะ รัสเซีย 1-0 เก็บชัยชนะเป็นนัดที่สองพร้อมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว ส่วน รัสเซีย เก็บได้เพียงแต้มเดียว ต้องไปลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย

  รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม (คะแนนความสามารถ)

 เบลเยียม (4-2-3-1) : ติโบ ต์ กูร์กตัวส์ (7) - โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ (4), แว็งซ็องต์ ก็องปานี (กัปตันทีม) (6), ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น (7), โธมัส แฟร์มาเล่น (4) - มารูยาน เฟลไลนี่ (5), อั๊กเซล วิตเซิ่ล (7) - ดรีส เมอร์เท่นส์ (6), เควิน เดอ บรอยน์ (7), เอแด็น อาซาร์ (9) - โรเมลู ลูกากู (4)


 สำรองที่ลงสนาม: ยาน แฟร์ตองเก้น (6) (น.31 โธมัส แฟร์มาเล่น) , ดิว็อค โอริกี้(8) (น.57 โรเมลู ลูกากู) , เควิน มิรัลลาส(6) (น.75 ดรีส เมอร์เท่นส์)


 ใบเหลือง : อั๊กเซล วิตเซิ่ล น.54, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ น.73

 รัสเซีย (4-2-3-1) :อิกอร์ อากินเฟเยฟ (7) - อเล็กเซ คอซลอฟ, (5) เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช (7), วาซิลี่ เบเรซุตสกี้ (กัปตันทีม) (6), ดมิทรี คอมบารอฟ (5) - เดนิส กลูชาคอฟ (6), วิคเตอร์ ฟายซูลิน (6) - อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ (5), โอเล็ก ชาตอฟ (8), มักซิม คานุนนิคอฟ (7) - อเล็กซานเดอร์ โคโคริน (5)


  สำรองที่ลงสนาม: อังเดร เอชเชนโก้ (6) (น.62 อเล็กเซ คอซลอฟ), อลัน ซาโกเยฟ (5) (น.83 โอเล็ก ชาตอฟ), อเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟ (5) (น.90 อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ)


 ใบเหลือง : เดนิส กลูชาคอฟ น.38


 ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ บรืช (เยอรมัน)
 
 ผู้ชม : 73, 819  คน

 
 แมน ออฟ เดอะ แมตช์ (FIFA.com) : เอแด็น อาซาร์ (เบลเยียม)

  เพลย์ เมกเกอร์วัย 23 ปี จากสโมสร เชลซี เกมนี้เล่นได้โดดเด่นในแดนกลางมากที่สุด สร้างสรรค์โอกาสทำเกมรุกจนปั่นป่วนแนวรับรัสเซียอยู่ตลอดเวลา สถิติลงเล่น 90 นาที ผ่านบอลสำเร็จถึง 32 ครั้ง แม้เกมนี้จะมีโอกาสยิงไม่กี่ครั้ง แต่ด้วยความสามารถเฉพาะตัวพาบอลเข้าไปในเขตอันตรายจนสามารถผ่านบอลให้ ดิว็อค โอริกี้ ยิงประตูชัยให้ทีมเอาชนะ รัสเซีย 1-0 ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ จึงเหมาะสมแล้วที่เกมนี้ เอแด็น อาซาร์ จะเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมนี้

- เบลเยียม ทำประตูได้จากการยิงตรงกรอบครั้งแรกของพวกเขาในเกมนี้
- ทั้ง 3 ประตูที่ เบลเยียม ทำได้ในการแข่งครั้งนี้มาจากตัวสำรองทั้งหมด
- 5 ประตูหลังสุดของ เบลเยียม ในการแข่ง ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เกิดขึ้นในช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกม
- เบลเยียม ไม่เสียประตูในเกม ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เป็นครั้งแรกจากการลงเล่นมา 8 นัด
- เบลเยียม ไม่แพ้ในการลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มของศึก ฟุตบอลโลก 8 นัดติดต่อกัน (ชนะ 3 เสมอ 5)
- ในการลงเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 7 ครั้งหลังสุด เบลเยียม ผ่านรอบแรกได้ถึง 6 ครั้ง
- อักเซล วิตเซล ผ่านบอล 35 ครั้ง สำเร็จทั้ง 35 ครั้ง ซึ่งมีเพียง 2 คนที่มีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ในการแข่งครั้งนี้
- รัสเซีย ไม่เสียประตูในเกม ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เพียงแค่นัดเดียว จากการลงเล่น 8 นัดหลังสุด
- รัสเซีย หาชัยชนะในเกม ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ไม่เจอมา 4 นัดติดต่อกันแล้ว
- นับจนถึงเกมนี้ ศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ก็มีประตูจากตัวสำรองแล้วถึง 15 ลูก ซึ่งเท่ากับที่มีการทำได้ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์เมื่อ 4 ปีก่อน

 

 

 

 

"ซัมเมอร์ฮิลล์" ยก "เบลเยียม" สดกว่า แต่จะบดเก๋าอย่าง "รัสเซีย" ได้หรือไม่ต้องติดตาม