ฟุตบอลโลก 2014 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

   วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2557

  โคลอมเบีย 2-0 อุรุกวัย


สนาม : เอสตาดิอู กาสเตเลา, ฟอร์ตาเลซ่า

 ขุนพลโคลอมเบีย ฟอร์มกำลังแรงเก็บชัย 3 นัดรวดรอบแรก เข้ารอบมาแบบสบายๆ เกมนี้ เจมส์ โรดริเกซ เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่ง ที่ทำไปแล้ว 3 ประตู จะนำทัพในแนวรุกร่วมกับ แจ็คสัน มาร์ติเนซ และ เตโอฟิโล่ กูเตียร์เรซ

 ด้าน "จอมโหด" อุรุกวัย มาเร่งเครื่อง 2 นัดหลัง ผ่านรอบแรกมาอย่างฉิวเฉียด นัดนี้ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวเก่งที่โดนแบนและกลับบ้านเกิดไปเรียบร้อย คู่หน้าใช้ เอดินสัน คาวานี่ กับ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ล่าตาข่าย

 เริ่มเกมการแข่งขัน ทั้งสองทีมเปิดหน้าแลกกันทันที ผ่านไป 10 นาที ผลัดกันรุกรับ แต่ยังไม่มีทีมไหนที่ยิงเข้ากรอบ


 จากนั้น 2 นาที โคลอมเบีย ได้ลุ้นก่อน ฮวน ซูนยิก้า ตัดบอลได้กลางสนาม ก่อนจะลากเข้าไปยิง ร่วม 30 หลา แต่ไม่ผ่านมือ เฟร์นานโด มุสเลร่า นายด่านอุรุกวัย


 ผ่านไป 25 นาที เป็นฝั่งโคลอมเบีย ที่ครองเกมได้มากกว่า แต่ยังเจาะแนวรับอุรุกวัยไม่ได้ ขณะที่ฝั่งจอมโหด เน้นสวนกลับเร็ว แต่ก็ยังทำอะไรได้ไม่ถนัดเช่นกัน


 จนนาทีที่ 28 แฟนๆ โคลอมเบีย ก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่ออาเบล อากีลาร์ โหม่งให้ เจมส์ โรดริเกซ พักอกหนึ่งจังหวะ ก่อนจะพลิกยิงด้วยซ้ายแบบไม่จับ ประมาณ 20 หลากลางประตู ลูกพุ่งเช็ดคานเข้าไปอย่างสวยงาม และขึ้นนำเป็นดาวซัลโวร่วมที่ 4 ประตู อีกด้วย


 นาทีที่ 33 อุรุกวัย ตอบโต้มาบ้าง เมื่อมาได้ฟรีคิกระยะอันตราย 25 หลา เอดินสัน คาวานี่ ปั่นด้วยขวา ข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้น 


 6 นาทีต่อมา ทัพจอมโหด ขึ้นเกมมาอีกครั้ง อัลวาโร่ กอนซาเลซ ได้ซัดด้วยขวาในกรอบเขตโทษ ดาวิด ออสปิน่า ต้องพุ่งปัดออกไป แต่จังหวะนี้เอดินสัน คาวานี่ที่พยายามโหม่งต่อลูกยิงถูกจับล้ำหน้าไปแล้ว


 จากนั้นทั้งสองทีมไม่มีจังหวะลุ้นเพิ่มเติม จบ 45 นาทีแรก โคลอมเบีย นำ อุรุกวัย 1-0


 เปิดฉากครึ่งหลังได้เพียง 5 นาทีเท่านั้น โคลอมเบีย ก็หนีไปเป็น 2-0 อย่างรวดเร็ว จังหวะที่ ปาโบล อาร์เมโร่ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายไปที่เสาสอง ฮวน กวาดราโด้ โหม่งตั้งจากสุดเส้นหลังมาให้ เจมส์ โรดริเกซ คนเดิม ซัดจ่อๆ ไม่เหลือ และเป็นลูกที่ 5 ของเจ้าตัว ขึ้นนำเป็นดาวซัลโวเดี่ยวๆแล้ว


   หลังจากนั้นไม่นาน นาทีที่ 53 ออสการ์ ตาบาเรซ นายใหญ่อุรุกวัย ต้องแก้เกมสองคนรวดทันที ถอด ดีเอโก้ ฟอร์ลัน กับ อัลวาโร่ เปเรยร่า ออก แล้วส่ง คริสเตียน สตูอานี่ และ กาสตอน รามิเรซ ลงมาแทน


 2 นาทีต่อมา อุรุกวัย มาโดนใบเหลืองแรก เมื่อ โฮเซ่ มาเรีย คิมิเนซ ไปทำฟาวล์ใส่ เตโอฟิโล่ กูเตียร์เรซ


 ทัพจอมโหดเริ่มลุยมากขึ้น นาทีที่ 59 อัลวาโร่ กอนซาเลซ ได้ซัดนอกกรอบเขตโทษด้วยขวา บอลพุ่งเรียด แต่ดาวิด ออสปิน่า ยังพุ่งเซฟไว้ได้หนึบ


 นาทีที่ 64 อุรุกวัย มาอีกครั้ง คริสเตียน โรดริเกซ อัดด้วยซ้ายเต็มๆ 20 หลา แต่ดาวิด ออสปิน่า ยังไว พุ่งปัดได้อย่างหวุดหวิด ก่อนกองหลังโคลอมเบีย จะเครียร์ทิ้งไปได้


 ให้หลัง 3 นาที ทีมจอมโหดแก้เกมเป็นคนสุดท้าย ส่งอาเบล เอร์นานเดซ ลงมาแทน อัลวาโร่ กอนซาเลซ


 นาทีต่อมา โคลอมเบีย เปลี่ยนตัวคนแรกบ้าง ส่งอเล็กซานเดร์ เมเฮีย ลงมาแทน เตโอฟิโล่ กูเตียร์เรซ 


 นาทีที่ 74 อุรุกวัย ได้เสียวอีก คริสเตียน สตูอานี่ ตัวสำรองได้บอลทางขวา กึ่งยิงกึ่งเปิดไปได้เสาสอง บอลจะมุดเข้าสามเหลี่ยมอยู่แล้ว แต่ดาวิด ออสปิน่า ยังถอยปัดออกหลังไปได้


 ถึงนาทีที่ 77 ดีเอโก้ ลูกาโน่ ที่นั่งเป็นตัวสำรองอยู่ข้างสนาม ออกมาโวยบียอร์น ไคเปอร์ส ผู้ตัดสินชาวฮอลแลนด์ จึงโดนใบเหลืองอีกคน


 นาทีต่อมา ปาโบล อาร์เมโร่ แบ็กซ้ายโคลอมเบีย ก็มาโดนเหลืองอีกราย


 นาทีที่ 79 ทัพจอมโหดน่าได้ประตูไล่มาสุดๆ เมื่อกองหลังโคลอมเบียสกัดไม่ดี มาเข้าทาง มักซี่ เปเรยร่า ได้หลุดไปกระโดดยิงที่เสาแรก แต่ดาวิด ออสปิน่า ออกมาปิดมุมและใช้ตัวเซฟเอาไว้ได้หวุดหวิด


 จากนั้น 2 นาที โคลอมเบีย เปลี่ยนคนที่สองถอด ฮวน กวาดราโด้ ออก แล้วส่งเฟรดี้ กวาริน ลงมาแทน


 ท้ายเกม อุรุกวัยบุกหนัก นาทีที่ 84 เอดินสัน คาวานี่ ได้ยิงเรียดบริเวณเส้นเขตโทษ บอลจะเสียบมุมแล้ว แต่ยังถูกปฎิเสธโดย ดาวิด ออสปิน่า


 และนาทีต่อมา โฮเซ่ เปเกร์มัน กุนซือโคลอมเบีย เปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ถอด เจมส์ โรดริเกซ เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งออก แล้วส่ง อาเดรียน รามอส ลงมาแทน


 ช่วงเวลาที่เหลือแม้ทัพจอมโหดจะครองเกมบุกได้มากกว่า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย จบ 90 นาที โคลอมเบีย ชนะ อุรุกวัย 2-0 ลิ่วรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เข้าไปพบกับ "เจ้าภาพ" บราซิล ต่อไป


 รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
 
 โคลอมเบีย (4-4-2) : ดาวิด ออสปิน่า - ฮวน ซูนยิก้า, มาริโอ เยเปส, คริสเตียน ซาปาต้า, ปาโบล อาร์เมโร่ - อาเบล อากีลาร์, การ์ลอส ซานเชซ, ฮวน กวาดราโด้, เจมส์ โรดริเกซ - แจ็คสัน มาร์ติเนซ, เตโอฟิโล่ กูเตียร์เรซ
 
 อุรุกวัย (4-4-2) : เฟร์นานโด มุสเลร่า - มาร์ติน กาเซเรส, โฮเซ่ มาเรีย คิมิเนซ, ดีเอโก้ โกดิน, อัลวาโร่ เปเรยร่า - อัลวาโร่ กอนซาเลซ, มักซี่ เปเรยร่า, เอกิดิโอ อาเรวาโล่ ริออส, คริสเตียน โรดริเกซ - เอดินสัน คาวานี่, ดีเอโก้ ฟอร์ลัน
 
 ผู้ตัดสิน : บียอร์น ไคเปอร์ส (ฮอลแลนด์)