มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายเกี่ยวกับเกมรับของทัพ "เซเลเซา" ที่นำโดย ดาวิด ลุยซ์ ขณะเดียวกันการระเบิดถังแก๊สของเยอรมัน ยังกลายเป็นการสร้างสถิติใหม่ของ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ขึ้นมาอีกด้วย
 
 กองหน้าวัย 36 ปี ผงาดขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลกเรียบร้อย ด้วยจำนวน 16 ประตู แซงหน้าของเดิมของ โรนัลโด้ ที่ทำไว้ 15 ประตู และมันกลายเป็นคืนอันไม่น่าจดจำเลยของโรนัลโด้ ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม
 
 เยอรมันไม่ใช่เพียงแค่มีนักเตะเวิลด์ คลาส เท่านั้น แต่พวกเขาเป็นทีมระดับเวิลด์ คลาส อีกด้วย และแม้ว่าจะเป็นคืนที่ยอดเยี่ยมของโคลเซ่ในแง่ส่วนตัว กระนั้นก็ยังมีนักเตะอีกหนึ่งรายที่ยอดเยี่ยมเหลือเกินทั้งในระดับชาติและสโมสร
 
 โธมัส มุลเลอร์ อาจจะไม่ใช่นักเตะที่ดูพิศมัยนัก ไม่ได้เปี่ยมล้นไปด้วยเทคนิคเหมือนกับ เมซุต โอซิล, มาริโอ เกิทเซ่ หรือ มาร์โค รอยส์ แต่เขาเปรียบเสมือนตัวแทนของแคแรกเตอร์คนเยอรมันที่ใช้การทำงานหนักและพรแสวงเข้ามาชดเชยสิ่งต่างๆ ที่เขาไม่มี
 
 ดาวเตะวัย 24 เป็นหนึ่งในนักเตะเจเนอเรชั่นยุคใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่ง ทั้งในระดับสโมสรและนานาชาติ เขาก้าวขึ้นมาเป็นความหวังให้กับทีมอย่างเหลือเชื่อตั้งแต่เวิลด์ คัพ หนที่แล้ว
 
 มุลเลอร์ใช้เวลาแค่ 3 นัดเท่านั้นในการเปิดซิงประตูแรกของเขากับทัพ "อินทรีเหล็ก" ในเกมกับออสเตรเลีย ซึ่งมันยังเป็นเกมนัดเปิดสนามเวิลด์ คัพ 2010 อีกด้วย
 
 แม้จะยิงได้ประตูเดียวจากรอบแบ่งกลุ่ม แต่หลังจากนั้นมุลเลอร์ก็ฉายแววของความยอดเยี่ยมเมื่อยิงได้เกือบทุกเกมของรอบน็อกเอาต์ เริ่มจากยิง 2 เม็ดใส่อังกฤษ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
 
 ซัดเปิดซิงตั้งแต่ 4 นาทีแรก ก่อนเยอรมันถล่มอาร์เจนตินาในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และอีกครั้งในเกมนัดชิงอันดับ 3 กับอุรุกวัย ที่ทีมเอาชนะไปได้ 3-2 พร้อมกับที่เจ้าตัวคว้ารางวัลดาวซัลโวและดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์
 
 นับถึงตอนนี้ หลังสลุตตาข่ายบราซิลได้อีกหนึ่งประตู เจ้าตัวทำสถิติซัดไปแล้ว 5 ประตูจากเวิลด์ คัพ 2014 เหลืออีกเพียงประตูเดียวเท่านั้นก็จะทำลายสถิติของเดิมที่เขาเคยทำเอาไว้เมื่อ 4 ปีก่อน ที่แอฟริกาใต้
 
 ลักษณะการวิ่ง การเคลื่อนไหวของเขา รวมถึงการยืนตำแหน่ง สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับคู่ต่อสู้ และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่การยิงได้ 5 เกมหลังสุดของเขา กลายเป็นการยิงปลดล็อกประตูแรกให้ทีม
 
 นอกจากนี้ เยอรมันยังมีสถิติยอดเยี่ยมเมื่อมีตัวรุกจากบาเยิร์น มิวนิค และในทางกลับกันย่ำแย่เมื่อมุลเลอร์ยิงไม่ได้ 4 จาก 7 เกม ที่ทัพเบียร์ไม่สามารถเอาชนะได้ในเวลาปกติก็เพราะมุลเลอร์ยิงไม่ได้
 
 ณ เวลานี้ เขาแทบจะกลายเป็นนักเตะแห่งเวิลด์ คัพ ของทีมชาติเยอรมันไปแล้ว เมื่อลั่นไกในนามทีมชาติได้ทั้งหมด 22 ประตู แต่เกือบครึ่งหรือ 10 ประตู มาเกิดในเวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย ทั้งปี 2014 และคราวนี้
 
 เจ้าตัวพลาดการยิงประตูตลอดทั้ง 5 เกมของยูโร 2012 รวมทั้งอีก 13 เกมตลอดรอบปีที่เขายิงไม่ได้เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่น่าเหลือเชื่อมากสำหรับนักเตะสักคน
 
 มุลเลอร์ยิงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ แต่เขาก็ไม่ใช่นักเตะที่ยืนรอยิงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะมุลเลอร์มีความขยันอยู่ในตัว และไปในทุกๆ ที่ของสนามเพื่อประโยชน์ของทีม
 
 ในทัวร์นาเมนต์นี้ มุลเลอร์ยังจ่ายให้เพื่อนยิงไปแล้วอีก 3 ประตู และถ้าไม่นับสถิติของโคลเซ่อันน่าจดจำ ไม่มีนักเตะคนไหนอีกแล้วที่มีส่วนร่วมในเวิลด์ คัพ เที่ยวนี้ไปมากกว่าเขาที่ 8 ประตู (ยิง 5 จ่าย 3)
 
 นอกจากนี้ มุลเลอร์ยังพยายามทำทางให้เพื่อนอีกถึง 15 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าโอกาสจบสกอร์ของเขาแค่หนเดียวเท่านั้น ทั้งๆ ที่ 4 จาก 6 เกมของทีมชาติเยอรมันคราวนี้เขายืนเป็นหัวหอกตัวเป้า ซึ่งนั่นบ่งบอกอะไรเราได้พอสมควรเกี่ยวกับการทิศทางการเล่นของเขา
 
 กับระดับสโมสรเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มุลเลอร์ยิงได้ 13 ประตูในลีก และทำทางให้เพื่อนได้ประตูอีกมากกว่า 10 ครั้ง ทั้งๆ ที่ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงของ "พี่เสือ" แค่ 25 จาก 31 เกม แถมยังทั้งยิงและจ่าย 3 จาก 4 เกมหลังสุดของทีมอีกด้วย
 
 จากแผนภูมิการยืนตำแหน่งและการเล่นของมุลเลอร์ ที่ผ่านๆ มาเราจะเห็นนักเตะตำแหน่งกองหน้าน้อยคนมากๆ ที่จะขยับไปครอบคลุมพื้นที่การเล่นทั่วถึงอย่างมุลเลอร์ และโดยส่วนมากจะเป็นพวกเพลย์เมกเกอร์เสียมากกว่า
 
 การเคลื่อนไหว การคุกคามคู่แข่ง การมีส่วนร่วมกับทีม มุลเลอร์เป็นมากกว่ากองหน้าและมากกว่าเพลย์เมกเกอร์ เขารอฉกฉวยความผิดพลาดจาก ดาวิด ลุยซ์ และหากคุณอยากรู้มากกว่านั้น ให้ลองถาม เปเป้ ที่โดนใบแดงยามเจอกับเขาดู
 
 มุลเลอร์มียีนแห่งความกระหายและเป็นผู้ชนะอยู่ในตัว เขามีโอกาสจารึกชื่อตัวเองอยู่ในทำเนียบประวัติศาสตร์เวิลด์ คัพ ได้ไม่ยาก หากพิจารณาถึงจำนวนประตูที่เขาตามหลังโคลเซ่ไม่เท่าไหร่ และอายุการใช้งานที่เหลืออยู่
 
 อย่างน้อยๆ มุลเลอร์จะได้เล่นฟุตบอลโลกอีกสองครั้ง ถ้าเขาไม่เจ็บหนักหรือหลุดฟอร์มแบบสุดๆ และกับแค่ 6 ประตูที่ตามหลังโคลเซ่ มันไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงแน่ๆ หากคุณดูสถิติในฟุตบอลโลกอันยอดเยี่ยมของเขา