ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » 10 ปีบนเส้นทางแห่งความสำเร็จของ เยอรมัน

10 ปีบนเส้นทางแห่งความสำเร็จของ เยอรมัน

Posted 16/07/2014 by siamsport

 
ถึงวันนี้มันง่ายที่บอกว่านักเตะทีมชาติเยอรมันเก่งอย่างไร การเล่นของพวกเขายอดเยี่ยมแค่ไหน เพราะพวกเขาเพิ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 มาครอง และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้อย่างมากมาย



 แต่กว่าจะมาถึงวันนี้พลพรรค "อินทรีเหล็ก" ต้องพบเจออุปสรรคต่างๆกันมาอย่างโชกโชน เริ่มต้นจากความล้มเหลวที่ต้องตกรอบแบ่งกลุ่มศึกยูโร 2000 กับ 2004 แบบไม่ชนะเลยสักนัด แถมเก็บได้รวมกันเพียง 3 คะแนน ถึงแม้ปี 2002 พวกเขาสามารถไปถึงตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลโลก มันจึงเกิดคำถามว่า เยอรมัน ผิดพลาดตรงไหนในการแข่งขันระดับทวีป ทั้งๆทำได้ดีกับศึกระดับโลก แล้วสหพันธ์ฟุตบอลเมืองเบียร์ (เดเอฟเบ) ขณะนั้น ก็พบความจริงว่าทีมชาติไม่มีแผนพัฒนาในระยะยาว สำญที่สุดคือขาดแคลนนักเตะคุณภาพรุ่นใหม่ที่สามารถก้าวขึ้นมาทดแทนพวกเก๋าๆ อย่าง โลธ่าร์ มัทเธอุส, โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ และ โธมัส เฮสเลอร์ ได้เลย ชุดทำศึกยูโร 2000 กับ 2004 มีนักเตะอายุ 30 ปี หรือมากกว่า อยู่ถึงทีมละ 9 คน เพราะศึกบุนเดสลีกาฤดูกาล 2002-03 มีผู้เล่นชาวเยอรมันแค่ 49.5 เปอร์เซนต์ และ 2003-04 มีเพียง 50.5 เปอร์เซนต์

 

 ผิดกับ ฝรั่งเศส ที่มี แกลร์ฟงแตน ศูนย์ฝึกอบรมฟุตบอลระดับเยาวชน ซึ่งได้รับการดูแลโดย สหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส ตั้งขึ้นในปี 1988 และ 10 ปีต่อมาพวกเขาสามารถปั้นนักเตะขึ้นมามีส่วนในทีมที่คว้าแชมป์โลกสมัยแรก (เธียร์รี่ อองรี) ก่อนได้แชมป์ฟุตบอลยูโร 2000 (นิโกล่าส์ อเนลก้า,  หรือสมาคมลูกหนังฮอลแลนด์ ประเทศเพื่อนบ้านอีกแห่ง จัดตั้ง เคเอ็นวีบี อคาเดมี่ เมื่อปี 1996 ทำให้สามารถเฟ้นหา "อัศวินสีส้ม" รุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทนกันได้อย่างต่อเนื่อง แถมในลีก ฮอลแลนด์ หรือ ฝรั่งเศส ยุคนั้น มีนักเตะต่างชาติน้อย บรรดายักษ์ใหญ่อย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม หรือ โอลิมปิก ลียง นิยมใช้ดาวรุ่งที่พวกเขาปั้นขึ้นมาเอง หรือแข้งท้องถิ่น มากกว่าซื้อหาจากนอกประเทศ ทำให้เยาวชนมีโอกาสฝึกปรือ และลงเล่นกับนักเตะ และสตาฟฟ์โค้ชชั้นนำในค่ายเหล่านี้ ไม่ใช่มีความหวังแค่ได้อยู่กับทีมเล็กๆไปตลอดชาติ หรือเป็นเพียงตัวสำรองในทีมใหญ่
 


 กฏบอสแมน ทำให้ทุกสโมสรมีโอกาสหานักเตะคุณภาพดีราคาถูกจากทั่วโลก แต่มันก็ปิดโอกาสที่ดาวรุ่งในประเทศ ได้แจ้งเกิดบนลีกสูงสุดของประเทศตัวเอง สโมสรใหญ่ต้องการความสำเร็จ ไม่สามารถเอาอนาคตมาเสี่ยงกับผู้เล่นชาติเดียวกัน ซึ่งพร้อมเรียกค่าตัวสูงๆ และชื่อเสียงก็นำไปใช้ขายตั๋ว หรือของที่ระลึกไม่ได้ แม้แต่ บาเยิร์น มิวนิค หรือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตอนนั้น ก็ไม่ค่อยเห็นค่าของแข้งเยอรมันเหมือนยุคนี้ กองหลัง "เสือใต้" เป็นฝรั่งเศส 2 คน, โครเอเชีย และ กานา ฟิลิปป์ ลาห์ม ถูกส่งให้ เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท ยืมตัว
 


 แต่พอประเทศล้มเหลวจากการแข่งขันระดับทวีป นักเตะที่โอนสัญชาติมาอย่าง เปาโล ริงค์ หรือ ฌอน ดันดี ก็ไม่ได้เรื่อง ผู้เล่นที่นำเข้าจากต่างแดน หลายรายค่าเหนื่อยเริ่มปรับสูงขึ้น แต่ทำผลงานไม่คุ้มค่าตัว ทำให้พวกเขาพร้อมใจกันให้ความร่วมมือกับ เดเอฟเบ ในการส่งเสริมนักเตะเลือดด๊อยท์ชให้มีโอกาสลงสนามมากขึ้น หลังตกรอบแรกยูโร 2004 ดอร์ทมุนด์ ไม่ซื้อแข้งต่างชาติแม้แต่คนเดียวในฤดูกาล 2004-05 เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2006-07 ด้วยผู้เล่นเยอรมันอย่าง ติโม ฮิลเดบรันด์, มาริโอ โกเมซ, ซามี่ เคดิร่า, แซร์ดาร์ ทาสซี่, โรแบร์โต้ ฮิลแบร์ต



เจอร์เกน คลินส์มันน์ และ โยอาคิม เลิฟ



 โยอาคิม เลิฟ กุนซือทีมชาติ เยอรมัน บอกว่าการคว้าแชมป์โลกในวันนี้ เป็นเพราะการทำงานอย่างหนักตลอด 10 ปีของทุกคน ใช่ครับ และมันไม่ใช่แค่ผลผลิตที่เกิดขึ้นจาก เดเอฟเบ, นักเตะ หรือสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติ เพียงเท่านั้น แต่เป็นเพราะทุกภาคส่วนต่างมีเป้าหมายอย่างเดียวกัน ให้ความร่วมมืออย่างดี สนับสนุนเกื้อกูลกัน จนในที่สุดก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
 


 เยอรมัน สร้างระบบนักเตะเยาวชนขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็เพราะได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากทุกองค์กร มีการจัดตั้งตำแหน่งผู้จัดการทีมของ เบียร์โฮฟ ขึ้นมาเพื่อช่วยประสานงาน แบ่งเบาภาระจากสตาฟฟ์โค้ช มีการให้นักจิตวิทยาอย่าง ดร. ฮันส์-ดีเตอร์ แฮร์มันน์ มาช่วยสร้างแรงกระตุ้น เพราะลำพังโค้ชลูกหนัง ก็ไม่ได้เก่งไปทุกเรื่อง จากนั้นก็มีการจ้างแมวมองประสบการณ์สูงอย่าง อูร์ส ซีเกนธาเลอร์ มาจากสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนตั้ง ศาสตราจารย์ ดร. เยอร์เก้น บุชมันน์ ขึ้นมาเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูล ของแบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะใครคนใดจะคิดขึ้นมาได้โดยลำพัง แต่ต้องมาจากทีมงานที่ดี พร้อมเปิดกว้างรับสิ่งใหม่ซึ่งอาจไม่เคยทำกันมาก่อน และพวกเขาเหล่านี้ได้โอกาสทำงานต่อเนื่องกว่า 10 ปี ไม่มีการกดดัน หรือบีบบังคับให้ออกไปก่อน ดังนั้นประสบการณ์ที่ได้ลองถูกลองผิดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องสำคัญ




แข้งอินทรีเหล็กเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ แอฟริกาใต้


 โชคดีด้วยที่สามารถปั้น ลาห์ม, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ มานูเอล นอยเออร์ ขึ้นมาเป็นผู้เล่นชั้นยอด แถมดาวรุ่งอย่าง ซามี่ เคดิร่า, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, เมซุต โอซิล, เบเนดิคท์ โฮเวเดส กับ เยโรม บัวเต็ง ยังสามารถคว้าแชมป์ยุโรปชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีสมัยแรก ในปี 2009 ทำให้ได้เลือดใหม่ระดับคุณภาพเข้ามาสานต่อ ต้องไม่ลืมว่าพวกนี้ได้โอกาสจากสโมสรต้นสังกัด ที่เป็นระดับหัวแถวของวงการตั้งแต่แรก ไม่ต้องระเห็จไปอยู่ เอฟเซ เอาก์สบวร์ก หรือ ฮันโนเวอร์ 96 ก่อนแล้วค่อยถูกซื้อมาปั้น การเริ่มต้นกับโค้ชระดับสโมสรดีๆ ย่อมได้ผลผลิตที่ดีมากกว่า ทั้งนี้ไม่ใช่ดูถูกโค้ชทีมเล็กๆ แต่โลกแห่งความเป็นจริง ครูโรงเรียนดีๆ แพทย์ตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ ย่อมเก่งกว่าครูโรงเรียน หรือแพทย์ตามโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกล เพราะไม่ค่อยได้รับเงินสนับสนุนเท่าที่ควร หรือมีโอกาสในการพัฒนาความสามารถอย่างเต็มที่
 


 วันนี้คือช่วงเวลาแห่งความสำเร็จ แต่ก็ไม่อยากให้แฟนบอล เยอรมัน มองโลกสวยจนเกินไป เพราะยังมีอีกหลายจุดที่ต้องได้รับการปรับปรุง เช่นการขาดแคลนกองหน้าตัวเป้า หรือแบ๊กซ้ายอาชีพ แต่นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า ถ้าลงทุนปลูกต้นไม้สักต้น ก็ต้องเลือกเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม มีความอดทนรอรอคอยในการหมั่นดูแลรดน้ำพรวนดินให้สารอาหารอยู่เสมอ จะขาดการใสใจไม่ได้ แล้ววันหนึ่งต้นไม้ต้นนั้นก็จะเติบโต ผลิใบออกลูกมาให้เราได้ชื่นชมด้วยความสุขใจอย่างแน่นอน





โยอาคิม เลิฟ นำทัพอินทรีเหล็กผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ในรอบ 24 ปี

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »