เชลซี ประกาศทำผลประกอบการประจำปีได้สูงเป็นสถิติ ด้วยจำนวน 319.8 ล้านปอนด์ และยังฟันกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ที่ โรมัน อบราโมวิช เข้ามาซื้อด้วยในปี 2003 ด้วยจำนวน 18.4 ล้านปอนด์ด้วย ซึ่ง บรูซ บั๊ค บิ๊กบอส "สิงห์บลูส์" สุดพอใจกับกำไรที่ทำได้

เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระบุผลประกอบการประจำปีของพวกเขาทำได้สูงเป็นสถิติที่ 319.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 17,589 ล้านบาท) ในช่วงเวลาที่นับจากวันที่ 30 มิถุนายน ปีก่อน จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา และยังทำกำไรได้ 18.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,012 ล้านบาท) ด้วย

นี่นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปีหลังสุดที่ เชลซี ทำกำไรได้ และนี่ยังเป็นกำไรที่สูงเป็นสถิติของ "สิงห์บลูส์" นับตั้งแต่ที่ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียเข้ามาซื้อทีมเมื่อปี 2003 ด้วย โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้กำไรต้องย้อนไปถึง 2 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งทำได้เพียง 1.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 77 ล้านบาท) เท่านั้น และนี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า "สิงห์บลูส์" พยายามที่จะทำตามกฎควบคุมการเงิน (ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ หรือ เอฟเอฟพี) ของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ให้ได้

สำหรับผลประกอบการในครั้งล่าสุดนั้น ถือว่าเพิ่มขึ้นจากเมื่อปีก่อนเป็นจำนวนมาก เพราะของปีที่แล้วอยู่ที่ 255.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 14,069 ล้านบาท) โดยสาเหตุหลักๆ ที่มันเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ เป็นเพราะเงินค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอด พรีเมียร์ลีก ก้อนใหม่ และการขายนักเตะออกไปจนได้เงินเป็นจำนวนมาก

ด้าน บรูซ บั๊ค ประธานสโมสร เชลซี กล่าวกับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของทีมว่า พอใจกับกำไรที่ทีมทำได้ และแนวทางด้านการเงินของทีม "สโมสรมีความพอใจที่ทำกำไรได้สูงเป็นสถิติในฤดูกาล 2013-14 การผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก และ การยังได้ลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก จนถึงสัปดาห์สุดท้ายของฤดูกาล เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าในระหว่างที่เราปรับปรุงตัวเลขด้านการเงินนั้น เราก็ยังมีศักยภาพที่จะแข่งขันในรายการที่ยากที่สุดในระดับสโมสรได้ด้วย"

"เราหาเงินสำหรับการซื้อนักเตะจากการขาย อย่างที่ได้เห็นว่าขุมกำลังของฤดูกาลนี้ถูกออกแบบมาอย่างดี และปรัชญาของเรานับตั้งแต่ที่มิสเตอร์ อบราโมวิช เข้ามาซื้อสโมสรเมื่อปี 2003 ก็ถูกสร้างโดยยึดหลักความสำเร็จในสนามเป็นหลัก ในยุคของ เอฟเอฟพี นั้น เราต้องเดินหน้าในด้านการเงิน เพื่อสานต่อวัฏจักรของความสำเร็จ เพื่อลงทุนกับทีม และได้ผลการแข่งขันที่ดี" บั๊ค ระบุ