ลำพังแค่การขาย หลุยส์ ซัวเรซ ประกอบกับอาการบาดเจ็บของ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ใครจะไปเชื่อว่าได้ส่งผลอย่างมหาศาลให้เครื่องจักรสีแดงออกอาการสามวันดีสี่ วันไข้ไปซะได้

        แล้วก็ไม่เท่านั้น หากแต่ดาวเตะในแผงหลังของหงส์แดงยังแข่งกันโชว์ฟอร์มได้อย่างเลวร้ายลงทุกทีอีกด้วย

        ฉะนั้นแล้ว มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ยักษ์ใหญ่แห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์จะต้องยก เครื่องกันอย่างมโหฬาร หากพวกเขาหวังจะกลับมาสร้างผลงานได้อย่างระเบิดเถิดเทิงในครึ่งซีซั่นหลัง

        และคงไม่ใช่เรื่องผิดฝาผิด ตัว หากเราจะเสนอแนะ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ว่าสมควรกำจัดห้าพ่อค้าแข้งดังต่อไปนี้ให้พ้นไปจากแอนฟิลด์เพื่อเปิดทางให้ ดาวดังอีกห้ารายได้ย้ายมาเสียบแทน

        ออกไป : มาริโอ บาโลเตลลี่

        ลิเวอร์พูลคว้ากองหน้าอิตาเลียนมาร่วมทัพโดยหวังให้เขาพาทีมคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีกแท้ๆ หลังจากซีซั่นก่อนหงส์แดงมีศักดิ์ศรีสูงส่งเป็นถึงพระรอง

        แต่เอาเข้าจริง เกมรุกที่เคยปรู๊ดปร๊าด มุทะลุดุดันกลับมลายหายไปภายหลังการย้ายมาของศูนย์หน้าจอมฉาว

        ด้วยเหตุนี้ เร้ด แมชีนจึงจำเป็นต้องควักกระเป๋าอีกรอบหากอยากได้โควตาร่วมฟาดแข้งฟุตบอลแช มเปี้ยนส์ ลีกรายการที่พวกเขาเพิ่งร่วงตกรอบแบ่งกลุ่มอย่างเจ็บแสบมาหมาดๆ

        แน่นอนว่า ถึงเวลาแล้วที่หงส์แดงจำเป็นต้องยอมรับอย่างจริงใจว่าการเสี่ยงซื้อบาโลเต ลลี่มาร่วมทีมเป็นความคิดที่ผิดพลาดโดยสิ้นเชิง

        มันเป็นเพราะว่าสไตล์การเล่นที่เนิบนาบ อ้อยอิ่งชนิดไม่แคร์โลกของกองหน้าผิวสีไม่เหมาะกับเครื่องจักรสีแดงที่มี ลีลาการเล่นเกมรุกอันแสนฉับไวประดุจสายฟ้าฟาดแม้แต่น้อย

        ที่สำคัญ บีร็อดก่อความผิดพลาดครั้งใหญ่เมื่อตัดสินใจซื้อตัวแทนของซัวเรซในนาทีสุด ท้าย แล้วกลายเป็นว่ามันไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับการเดินหน้าล่าแชมป์ลีกของ หงส์แดง

        ย้ายมา : วิลฟรีด โบนี่

        จากผลงานกระทุ้งประตูให้สวอนซี 20 เม็ดตลอดปี 2014 ซึ่งเหนือกว่านักเตะทุกรายในพรีเมียร์ลีก จึงไม่จำเป็นอีกแล้วที่โบนี่จะต้องพิสูจน์ตัวเองให้วุ่นวายอะไรกันอีก

        ยิ่งไปกว่านั้น ดาวยิงผิวสีกำลังอยู่ในช่วงท็อฟพีกสุดขีดอีกด้วย หากลิเวอร์พูลจะคว้าเขามาเป็นคู่ขาของสเตอร์ริดจ์ หรือคิดดึงตัวมารับภาระเป็นหน้าเป้าในยามที่สตาร์ทีมชาติอังกฤษยังเจ็บไม่ หาย ก็ดูจะเหมาะสมทั้งสองกรณี

        แต่ในเมื่อหงส์แดงคว้าบาโลเตลลี่มาร่วมก๊วนได้ในราคา 16 ล้านปอนด์ พวกเขาก็ควรทำใจสักนิดว่าต้องจ่ายเงินให้ทีมจากเวลส์ 20 หรือ 25 ล้านปอนด์จึงจะมีสิทธิ์สมหวังได้เพชรเม็ดงามจากไอวอรี่โคสต์มาอยู่ในความ ครอบครอง

        ออกไป : ซิมง มิโญเล่ต์

        บีร็อดถูกโจมตียับโทษฐานดร็อปนายทวารมือหนึ่งในเกมสำคัญ และมันมีผลทำให้ลิเวอร์พูลแพ้แมนฯ ยูไนเต็ดอย่างย่อยยับ

        อย่างไรก็ดี ความมั่นใจในตัวเองของมิโญเล่ต์สูญสลายไปนานแล้ว และไม่มีทางแน่นอนที่แฟนหงส์หวังจะได้เห็นเขาโชว์ความหนึบออกมาได้เหมือน เปเป้ เรน่า และแม้กระทั่ง บรูซ กร็อบเบลลาร์ อดีตนายประตูแห่งค่ายแอนฟิลด์ซึ่งออกปากเฉ่งผลงานของผู้รักษาประตูชาว เบลเยียมอย่างดุเดือด

        ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่อย่างใดที่มิโญเล่ต์อ่อนด้อยในจังหวะเล่น ลูกกลางอากาศ เขาจึงไม่มีทางได้ดีในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเน้นต่อกรกันทางภาคเวหาเป็นหลักอย่างแน่นอน

        และขณะเดียวกัน ลีลาที่ลุกลี้ลุกลนของมิโญเล่ต์ย่อมทำให้แผงหลังของลิเวอร์พูลพลอยออกอาการตุปัดตุเป๋ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้

        ย้ายมา : ปีเตอร์ เช็ก

        ถึงตอนนี้มีแนวโน้มสูงมากขึ้นทุกทีว่าเชลซีอาจยอมปล่อยเช็กให้ย้ายสโมสรในเดือนม.ค.

        ไม่ต้องสงสัยเลยว่านายทวารทีมชาติเช็กไม่คิดนั่งเป็นตัวสำรองใน รั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ และหากลิเวอร์พูลติดต่อไปถึงเศรษฐีลอนดอน ก็มีทางเป็นไปได้ว่า โชเซ่ มูรินโญ่ พร้อมเปิดทางให้กับโกลมือกาว

        ดังจะเห็นว่าการปล่อย ฆวน มาต้า และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ให้ย้ายไปค้าแข้งกับทีมร่วมลีกไม่ได้ส่งผลร้ายต่อสิงห์บลูส์แม้แต่น้อย

        ด้วยวัย 33 ปี เช็กมีอายุอ่อนกว่า เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ สองปีด้วยซ้ำไปในช่วงที่แมนฯ ยูไนเต็ดเซ็นสัญญากับอดีตผู้รักษาประตูทีมชาติฮอลแลนด์

        และอย่างที่ทุกฝ่ายให้การเห็นพ้องกันมาตลอดนั่นแหละว่านักเตะในตำแหน่งผู้รักษาประตู ยิ่งแก่ก็ยิ่งเหนียวตามสภาพ!

        ออกไป : เดยัน ลอฟเรน

        ลิเวอร์พูลตั้งความหวังเอาไว้สูงว่าจะมีแผงหลังที่แข็งแกร่งยิ่ง ขึ้น เนื่องจากปราการหลังโครเอเชียมีซีซั่นที่ดีกับเซาธ์แฮมป์ตัน
 
        ฉะนั้นแล้วค่าตัวในระดับ 20 ล้านปอนด์ของขุนพลนักบุญจึงดูสมเหตุสมผลดี แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นว่ายิ่งเล่นลอฟเรนก็ยิ่งเป็นจุดอ่อนของถิ่นแอ นฟิลด์

        ถามว่าทำไม? คงพอจะตั้งสมมุติฐานได้ว่าน่าจะเป็นเพราะเซาธ์แฮมป์ตันมีฟอร์มการเล่นที่โดด เด่นทั้งทีม มันจึงหนุนให้ขุนพลทุกรายแลดูมีคุณภาพไม่ด้อยไปกว่ากัน

        แต่แล้วเมื่อลอฟเรนย้ายมาเป็นสมาชิกของหงส์แดงซึ่งมีแผงหลังที่ ไร้คุณภาพอยู่ก่อนแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของเขาจึงถูกเปิดเผยออกมาเช่นกัน

        ไม่ว่าจะเป็นการเล่นลูกกลางอากาศ การคุมพื้นที่ การเข้าสกัด และการอ่านเกม ลอฟเรนล้วนทำให้สาวกเดอะ ค็อปปวดตับครั้งแล้วครั้งเล่า

        ถึงวันนี้ ลอฟเรนจึงไม่หลงเหลือความเชื่อมั่นในตัวเองอีกต่อไปแล้ว และเขาเป็นอีกรายที่สมควรผละไปจากทีม แม้เร้ด แมชีนจะเพิ่งลงทุนดึงตัวมาเมื่อไม่นานก็ตาม

        ย้ายมา : สกอตต์ แดนน์

        เมื่อสามปีก่อน ลิเวอร์พูลเคยตกเป็นข่าวสนใจแดนน์สมัยที่เขายังเป็นกองหลังของเบอร์มิงแฮม

        แต่สุดท้าย กลายเป็นแบล็คเบิร์นที่ดึงเขาไปเสริมทัพด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์

        แน่นอนว่า มันไม่ใช่การย้ายสังกัดที่ดี เนื่องจากกุหลาบไฟมีปัญหาภายในทีมสารพัดสารพัน ก่อนจะตกชั้นไปในท้ายที่สุด

        ถึงอย่างนั้น แดนน์ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นกองหลังชั้นยอดในช่วงที่สโมสรตกระกำลำบาก กระทั่งได้ตำแหน่งกัปตันทีมเมื่อปี 2013

        และในที่สุด ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมจึงทำให้เขาได้กลับสู่พรีเมียร์ลีกเมื่อ โทนี่ พูลิส ดึงเขามาค้าแข้งกับคริสตัล พาเลซในวันสุดท้ายของการเปิดตลาดนักเตะเดือนม.ค. 2014

        อย่างไรก็ดี พ่อค้าแข้งวัย 27 ปีเคยเป็นอดีตแฟนบอลที่ครอบครองตั๋วปีของหงส์แดงมาก่อน และหากทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ติดต่อไปหาเขา ใครเลยจะคิดว่าเขาบ้าพอที่จะเซย์โน

        ออกไป : ฟาบิโอ บอรินี่

        จะว่าเป็นนักเตะคู่บารมีของบีร็อดก็ว่าได้เนื่องจากบอรินี่ร่วม งานกับเจ้านายชาวไอร์แลนด์เหนือมาแล้วถึงสามสโมสรไม่ว่าจะเป็นทีมสำรองของ เชลซี ถูกยืมไปเล่นให้สวอนซี ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะคว้ามาร่วมทัพ

        แต่แล้วทำไปทำมา ปรากฏว่าร็อดเจอร์สพยายามขับไสไล่ส่งหัวหอกอิตาเลียนให้พ้นไปจากสโมสร เริ่มตั้งแต่ปล่อยให้ซันเดอร์แลนด์ยืมตัว และพร้อมขายเขาให้แมวดำซึ่งสนใจซื้อเขาไปเสริมทัพอย่างถาวร

        ถึงกระนั้นก็เถอะ บอรินี่ไม่สนใจย้ายออกจากแอนฟิลด์ท่าเดียว แถมไม่คิดกลับไปหากินในบ้านเกิดด้วย โดยยืนยันที่จะต่อสู้แย่งตำแหน่งในทีมต่อไป

        อย่างไรก็ตาม ต้องรอลุ้นกันต่อว่าร็อดเจอร์สจะกำจัดส่วนเกินรายนี้ให้พ้นไปจากทีมได้หรือ ไม่ในช่วงเปิดตลาดปีใหม่นี้ เนื่องจากเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าบอรินี่ไม่อยู่ในแผนของสโมสรอีกแล้ว แม้หงส์แดงจะไม่มีซัวเรซ สเตอร์ริดจ์ยังบาดเจ็บ แถมบาโลเตลลี่กับ ริคกี้ แลมเบิร์ต จะยังแจ้งเกิดกับสโมสรไม่ได้ก็ตาม
 
        ย้ายมา : ดิว็อค โอริกี้

        แม้จะมีอายุแค่ 19 ปี แต่โอริกี้ติดทีมชาติเบลเยียมไปแล้ว 12 ครั้ง

        จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองหน้าผิวสีมีอนาคตที่สดใสรออยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าร็อดเจอร์สคิดถูกหรือผิดที่ลงทุนซื้อเขามาแล้ว แต่ยอมปล่อยให้ลีลล์ต้นสังกัดเก่ายืมไปใช้งานหนึ่งซีซั่น

        ครั้นจะดึงกลับมาใช้งานทันทีก็ดันมีข่าวปูดออกมาว่าหงส์แดงจะ ต้องจ่ายเงิน 10 ล้านปอนด์ซะงั้น หากต้องการได้ตัวเขาตั้งแต่กลางซีซั่น

        แต่ก็นั่นแหละ หากจำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มจริง บางทีหงส์แดงก็อาจต้องยอมเสียแม้จะถูกรุมแซวก็เถอะหากหวังให้ทีมมีผลงานดี ขึ้นเป็นลำดับ