แฟนบอล "ปีศาจแดง" มึนตึ้บ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือดัตช์ แจงเหตุผลที่ไม่อยากใช้ระบบ 4-4-2 แบบไดมอนด์ ทั้งที่ยอมรับว่าผลงานออกมาดี แต่ก็ยืนกรานใช้ 3-5-2 โดยย้ำว่าระบบ 4-4-2 ทำให้ทีมชุดนี้ขาดสมดุล และเขาต้องนั่ง "ก้นเกร็ง" ลุ้นเครียดข้างสนามตลอด

 หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่างสรรหาหาเหตุผลมาอธิบายถึงเหตุผลที่เขายังตะบี้ตะบันใช้ระบบเซนเตอร์ฮาล์ฟ 3 คน แทนที่จะเป็นแบ๊กโฟร์ในระบบ 4-4-2 ที่สาวก "เร้ด อาร์มี่" เรียกร้อง โดยบอกว่า ระบบ 4-4-2 แบบไดมอนด์ ทำให้ทีมเสียสมดุล และที่สำคัญคือทำให้เขาและทีมงานโค้ช "นั่งก้นเกร็ง" ด้วยความเครียดข้างสนาม

ฟาน กัล ยึดมั่นระบบ 3-5-2 เป็นหลัก และจะปรับมาเล่นกองหลัง 4 คนในสถานการณ์คับขัน ต้องการเกมรุกแบบถึงลูกถึงคน อย่างในเกมลีกนัดล่าสุดกับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ที่เล่นตื้อๆ ตันๆ จนแฟนบอลที่ตามมาเชียร์ถึง ลอนดอน ทนอึดอัดไม่ไหว พากันตะโกน "4-4-2" และ "บุกๆๆ" เสียงดังลั่นสนามลอฟตัส โร้ด ซึ่ง ฟาน กัล ก็เปลี่ยนระบบในกลางครึ่งหลัง และทีมยิงชนะ 2-0

 "ผมรู้ว่าจากสถิติ ระบบ 4-4-2 มีผลการแข่งขันที่ดี เราชนะด้วยระบบ 4-4-2 แบบไดมอนด์มากเกมกว่า แต่หากคุณวิเคราะห์เกมดู เราต้องนั่งกันก้นเกร็งข้างสนาม ผมบอกนักเตะว่าผมนั่งบีบก้นตัวเอง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ผมนั่งก้นเกร็งข้างสนาม เพราะเราขาดความสมดุล"

"คุณลองกรอเทปกลับไปตอนเราแถลงข่าว ผมบอกว่าเราขาดสมดุล (กับระบบ 4-4-2) เราแพ้ เลสเตอร์ 5-3 ซึ่งไม่สมควรเลย และเกมนั้นเราเล่น 4-4-2 ตลอดเกม อย่างเกมกับ เวสต์แฮม ผมก็ต้องนั่งเกร็งตลอด ซึ่งผมไม่ชอบเลย แต่บางที่คุณก็จะเห็นนะว่าหลังจากผมปรับระบบการเล่น เราชนะ 9 จาก 10 นัด แล้วเราก็มาแพ้ 1 เกม (เซาธ์แฮมป์ตัน) แล้วก็มาเกิดคำถามเรื่องระบบอีก มันตลกสิ้นดี"