"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี มีสถิติที่แข็งแกร่งยามเล่นในบ้านโดยเตรียมส่ง ดีเอโก้ คอสต้า ดาวยิงจอมถล่มประตูลงขุดชัย เกมพบกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่จะส่ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลงตัวจริงนำทัพบุกรบ ลุ้นระทึกได้ในศีกฟุตบอล แคปปิตอล วัน คัพ (รอบรองชนะเลิศ นัดสอง) คืนวันอังคารที่ 27 ม.ค. ศกนี้

ปรีวิวฟุตบอล แคปปิตอล วัน คัพ

(รอบรองชนะเลิศ นัดสอง)

วันอังคารที่ 27 มกราคม 2558

เชลซี (พรีเมียร์ลีก)  -  ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)

ถ่ายทอดสด ช่อง : GMM ฟุตบอลพลัส, เวลา : 02:45 น.

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

        เชลซี ของ โชเซ่ มูรินโญ่ เพิ่งพลิกล็อกพ่ายคาบ้านต่อ แบร็ดฟอร์ด ทีมระดับลีก วัน 2-4 ทั้งที่นำก่อน 2-0 พร้อมกระเด็นตกรอบ เอฟเอ คัพ อย่างน่าผิดหวัง ส่วนในรายการนี้ "สิงโตน้ำเงินคราม" บุกเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 ในนัดแรก และต้องมาตัดสินว่าใครจะเข้ารอบใน สแตมฟอร์ด บริดจ์

        ความพร้อมล่าสุด มูรินโญ่ ที่เพิ่งฉลองครบรอบอายุ 51 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เหลือเพียงรอประเมินความฟิต จอห์น โอบี มิเกล (ศีรษะ) ที่เจ็บจนโดนเปลี่ยนตัวออกในเกมล่าสุด และ อันเดร เชือร์เล่ (หลัง) ที่พลาดเล่นเมื่อสุดสัปดาห์

        ติโบต์ กูร์กตัวส์ เตรียมกลับมาเฝ้าประตูเป็นตัวจริง จอห์น เทอร์รี่ ที่ได้พักมาเต็มๆกลับมาบัญชาการแผงหลังกับ แกรี่ เคฮิลล์ แดนกลางฝากไว้กับ เนมันย่า มาติช และ เชส ฟาเบรกาส แนวรุกเรียก เอแด็น อาซาร์ กับ วิลเลี่ยน กลับมาปั้นเกมป้อน ดีเอโก้ คอสต้า

        ลิเวอร์พูล ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สะดุดไปเหมือนกันหลังทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอ โบลตัน ทีมระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ 0-0 ต้องไปเล่นนัดรีเพลย์ใน เอฟเอ คัพ

        สภาพทีมล่าสุด ร็อดเจอร์ส ที่ฉลองอายุครบ 42 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน เตรียมเช็คฟิต แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (ต้นขา) โดยล่าสุดยืนยันว่าตัวนักเตะมีลุ้นคัมแบ็กในวันอังคารนี้เลย แต่ถ้าไม่ทันจะพร้อมคืนสนามในช่วงสุดสัปดาห์แน่นอน

        นอกจากนี้ มาริโอ บาโลเตลลี่ หายป่วยกลับมาเป็นตัวเลือกแน่นอนหลังไม่มีชื่อในเกมล่าสุด

        ส่วน แบรด โจนส์ (ต้นขา) และ จอน ฟลานาแกน (เข่า) ชวดคืนสนามเหมือนเดิม

        ขณะที่  โคโล ตูเร่ หมดสิทธิ์ลงสนามหลังเดินทางไปร่วมทีมชาติไอวอรี่โคสต์เพื่อทำศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ

        ซิมง มิโญเล่ต์ เฝ้าประตูตามปกติ แนวรับเรียก มาร์ติน สเคอร์เทล กลับมาเป็นเสาหลักอีกครั้งหลังได้พักเมื่อสุดสัปดาห์ เช่นเดียวกับ ลูคัส เลว่า และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในแดนกลาง แผงรุกใช้ อดัม ลัลลาน่า กับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ทำเกมข้างหลัง ราฮีม สเตอร์ลิง

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        เชลซี (4-2-3-1) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า - เชส ฟาเบรกาส, เนมันย่า มาติช - วิลเลี่ยน, ออสการ์, เอแด็น อาซาร์ - ดีเอโก้ คอสต้า

        ลิเวอร์พูล (3-4-3) : ซิมง มิโญเลต์ - เอ็มเร่ ชาน, มาร์ติน สเคอร์เทล, มามาดู ซาโก้ - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูคัส เลว่า, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - อดัม ลัลลาน่า, ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

        ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- เชลซี ไม่แพ้ใน 6 เกมติดต่อกันที่พบลิเวอร์พูลในทุกรายการ เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร (ต่อจากปี 1938)
- "สิงห์บลูส์" ยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูตลอด 13 เกมหลังสุดที่เล่นในสแตมฟอร์ด บริดจ์ รวมทุกรายการ
- เชลซี เสียประตูในบ้านนัดล่าสุด (4 ลูกต่อแบร็ดฟอร์ด) เท่ากับที่เสียตลอด 13 เกมเหย้าในทุกรายการก่อนหน้านี้รวมกัน
- เชลซี ไม่เสียประตูใน 3 เกม ลีก คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง
- "สิงห์บลูส์" ไม่ชนะหลังเป็นฝ่ายนำคู่แข่ง 3 จาก 6 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ (เสมอ 1 แพ้ 2) โดยชนะใน 3 เกมที่เหลือแบบไม่เสียประตู
- ลิเวอร์พูล ยิงได้รวม 10 ประตูและเสียแค่ 2 ลูกจาก 4 เกมหลังสุดในลีก คัพ รอบรอง นัดสอง ก่อนเข้าชิงได้ทั้งหมด
- "หงส์แดง" ทำคลีนชีต 3 จาก 4 เกมเยือนหลังสุดในทุกรายการ หลังทำได้แค่ครั้งเดียวจาก 16 เกมนอกบ้านทุกรายการก่อนหน้านั้น
- สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยิงได้แค่ 1 ประตูจาก 37 เกมที่พบเชลซีในทุกรายการ