แม้บรรดาแนวรับชาวบราซิลจะมีเกมน่าอับอายในฟุตบอลโลก 2014 แต่สำหรับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ พวกเขาต้องถือว่าเหนียวแน่นเหลือเกิน

สิ่งเดียวที่กลบเกลื่อนความโศกเศร้าหลังจากที่ บราซิล พ่ายแพ้ เยอรมัน ไปอย่างยับเยิน 7-1 ในเวิลด์คัพ 2014 คือเสียงเย้ยหยัน สำหรับน้ำตาทุกหยดที่เสียไปในเอสตาดิโอ มิเนเรา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่มากกว่าหลายเท่าพันทวีบนโลกโซเชียล มีเดีย เมื่อนี่กลายเป็นทวีตที่มีคนพูดถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬา

“ผมไม่เคยได้ดูรีเพลย์เกมนั้นอีกเลย” เฟร์นานดินโญ กองกลางบราซิลกล่าวกับ the Guardian “และผมก็ไม่คิดว่าผมจะทำแบบนั้นเสียด้วย”

ผลการแข่งขันในนัดนั้น เหมือนเป็นการเสียดเย้ยการตัดสินใจของปารีส แซงต์ แชร์ก แมง ที่ทุ่มเงินเป็นสถิติโลกของนักเตะในตำแหน่งกองหลัง คว้า ดาวิด ลุยซ์ มาร่วมทีม ทว่าความปรารถนาของเปแอสเช ในการสร้างแนวรับเพื่อนร่วมชาติของลุยซ์ ซึ่งประกอบด้วย ติอาโก ซิลวา, มาควินญอส และแม็กซ์เวลล์ กลับมีข้อกังขาตามมาน้อยกว่าที่คาดการณ์กันว่าจะเป็นมากมายนัก

โลรองต์ บล็องก์ ยังมี เกรกอรี ฟาน เดอร์ วีล, ลูคัส ดีญ, และแซร์จ ออริเยร์ ให้เลือกใช้ แต่เขามักเลือกสี่ประสานชาติเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะหลายสัปดาห์หลัง แม้ว่ามาควินญอสจะพลาดโอกาสลงเล่นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีม สุดท้าย กับ เชลซี ใน ปาร์ค เดอ แปรงส์ เพราะมีอาการบาดเจ็บ แต่ลุยซ์กับมาควินญอส เปิดโอกาสให้ทีมเสียประตูน้อยกว่า 1 ลูก ต่อ 90 นาที เมื่อทั้งคู่เล่นด้วยกันในลีกเอิงฤดูกาลนี้ ระหว่างที่ซิลวายังคงบาดเจ็บ

นับตั้งแต่กัปตันทีมของพวกเขาคืนสนามกลับมา ทีมเปแอสเชก็ดูเหมือนจะมีสมดุลมากขึ้น เมื่อมาควินญอสกลายเป็นตัวเลือกหลักทางแบ็คขวาแทนที่ ฟาน เดอร์ วีล ที่ชอบเติมเกมรุกมากกว่า สามครั้งที่บลองห์ใช้สูตรนี้ในการเล่น พวกเขาเอาชนะ แซงต์ เอเตียน และลีลล์ได้ 1-0 ขณะที่ลียง พลาดโอกาสคว้าสามคะแนนในบ้านของตัวเอง ซึ่งมีอีกเพียงทีมเดียวที่เอาตัวรอดจากที่นี่ได้ในลีกฤดูกาลนี้

ลุยซ์กับแม็กซ์เวลล์ ต่างเคยได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้ว กับเชลซี และบาร์เซโลนา ตามลำดับ ทว่าซิลวายังไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ แม้ว่าเขาจะเคยได้รับการยกย่องให้เป็นนักเตะบราซิลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุโรปไล่ตั้งแต่ปี 2011, 2012 และ 2013 ทว่าการไม่เคยสำเร็จในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมากทีเดียว

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ได้มีการเลือกใช้ปราการหลังจากอเมริกาใต้เพิ่มขึ้นอย่างมากท่ามกลางสโมสรชั้นนำของยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบราซิล มีเพียงชาวสเปนเท่านั้นที่มีปราการหลังและผู้รักษาประตูได้ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มากกว่า บราซิล (12 คน ส่วนบราซิล 10 คน) และตั้งแต่เมื่อลิเวอร์พูลเอาชนะเอซี มิลาน ได้ในปี 2005 มีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงทีมเดียวเท่านั้น ที่ไม่มีกองหลังบราซิลอยู่ในสนามในรอบชิงชนะเลิศ

ด้วยความแข็งแกร่งของขุมกำลังบราซิลทำให้ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจอย่างยิ่งอย่าง มิแรนด้า หรือเฟลิเป้ หลุยส์ ซึ่งในตอนนั้นอยู่กับแอตเลติโก มาดริด ทั้งคู่ เพราะมาร์เซโล และดานเต้ เป็นตัวเลือกที่ถูกใจโค้ชมากกว่า เพราะความพ่ายแพ้ 7-1 ทำให้อาจเป็นเรื่องง่ายที่จะหลงลืมไปว่า พวกเขาเสียเพียง 2 ประตูเท่านั้นในเกมรอบแบ่งกลุ่ม 3 นัด และเสียประตูให้โคลอมเบีย และชิลี ในรอบต่อมาเพียงทีมละประตูเท่านั้น

หลังจากที่คาร์ลอส ดุงก้า กลับมาเข้ารับตำแหน่งอีกครั้ง บราซิลก็ชนะรวดในเกมกระชับมิตรทั้ง 6 นัด และเสียเพียงประตูเดียวจากลูกจุดโทษ และคู่แข่งคนสำคัญที่จะแย่งโกปา อเมริกาในหน้าร้อนนี้อย่างอาร์เจนตินา และโคอลมเบีย ต่างถูกปิดตาย "ดุงก้าเข้ามาเปลี่ยนความคิดของนักเตะทุกคนใหม่หมด" มิแรนด้ากล่าว "ตอนนี้ทุกคนมีส่วนร่วมกับเกมรับ เป้าหมายของเราคือการไม่เสียประตู เรามีกองหลังที่สุดยอดและมีเทคนิคในระดับสูง"

ความมุ่งมั่นและวินัยที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับ เปแอสเช เมื่อออกเยือนเชลซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออิบราฮิโมวิชและเอดินสัน คาวานี ยังฟอร์มไม่เข้าที่เข้าทางนัก ทว่าซิลวา, ลุยซ์, มาควินญอส และแม็กซ์เวลล์ ไม่ได้มีภารกิจที่จะต้องกอบกู้ชื่อเสียงของกองหลังบราซิล พวกเขาทำผลงานที่ผ่านมาได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกินแล้ว