เมื่อเรามีผู้เล่นที่ดี มีลีกที่แข็งแกร่ง ลูกหนังแดนสยามยังขาดอะไร กว่าจะก้าวขึ้นไปสู่อีกระดับได้?

ในฐานะ Chief Editor ของโกล ประเทศไทย ผมขอเป็นตัวแทนทีมงานสวัสดีปีใหม่ไทยล่วงหน้ากับมิตรรักแฟนโกลที่เคารพ ขอให้มีความสุข สนุก ปลอดภัย เดินทางโดยสวัสดิภาพทุกท่าน เมาไม่ขับนะครับ

และต้องขออภัยหลาย ๆ ท่านที่อาจจะเอียน ๆ ข่าวของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา - เรียนว่าขุนพลเซราะกราวและทุก ๆ ทีมฟุตบอลหรือนักฟุตบอลในประเทศนี้(หรือโลกนี้ก็ใช่)นั้นได้พื้นที่ข่าวจาก เราเพราะผลงานโดยตรง และความสนใจของผู้อ่านเป็นทางอ้อมครับ ไม่มากมายไปกว่านั้น กลางสัปดาห์เป็นคิวลงแข่งของเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ซึ่งปีนี้ไทยเราเหลือตัวแทนเพียงทีมเดียว แน่นอนว่าเราเองไม่สามารถโฟกัสไปที่อื่นได้ บวกกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสนามวันนั้น ก็เป็นที่มาของข่าวเกี่ยวเนื่องทั้งหมด - ที่จริงก็ชัดเจนจนไม่รู้จะแจกแจงทำไมมากมายนะครับ แต่ถ้าท่านใดไม่สบายตา ไม่สบายใจ ผมก็ขอรับผิดไว้ตรงนี้เอง

ธีราทร บุญมาทัน ไม่ใช่แข้งไทยคนแรกในเจเนอเรชันนี้ที่พาตัวเองไปอยู่บนพื้นที่ข่าวของสื่อ ทั่วโลก (ซึ่งก็มอบพื้นที่ข่าวให้ด้วยกับผลงานในสนามและ… นี่ผมจะอธิบายทำไมหลายรอบ) ชนาธิป สรงกระสินธิ์, ชาริล ชัปปุยส์ ก็ดังสนั่นอาเซียนมาแล้วในเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่ผ่านมา ไม่ต้องพูดถึง ธีรศิลป์ แดงดา ที่เคยฮือฮาด้วยดีกรีผู้เล่นอาเซียนคนแรกที่ได้ลงเล่นในลา ลีกา สเปน และไม่จำเป็นต้องยกยอดแข้งรุ่นก่อนหน้ามาฉายซ้ำที่บรรทัดนี้

จะว่าไป ในระดับปัจเจกบุคคล เราเป็นชาติที่ไม่ขาดแคลนบุคคลากรทางฟุตบอลที่มีคุณภาพระดับ ‘ส่งออก’ เอาเสียเลย จะเป็นผู้เล่น, โค้ช, ผู้ตัดสิน, แมตช์ คอมมิชชันเนอร์ หรือแม้แต่สมาชิกสภากรรมการบริหารของฟีฟ่า ตำแหน่งที่อำนาจล้นฟ้าที่สุดตำแหน่งหนึ่งในโลกของฟุตบอล ที่ทั้งโลกมีเพียง 24 คน เรายังมีคุณวรวีร์ มะกูดี เป็นหนึ่งในนั้น 

ซึ่งบางทีมันก็เจ็บใจอยู่เหมือนกัน ที่อันดับฟีฟ่าของเราไม่ค่อยสะท้อนภาพเหล่านี้เท่าไรนัก

ในวันดีคืนดีของฟุตบอลไทยเช่นนี้ ‘โค้ชพี่โก้’ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง มีโอกาสจะพาองคาพยพลูกหนังไทยไปได้ไกลกว่าหลายยุคสมัยที่ผ่านมา นักฟุตบอลเกรดดีมีมาทุกรุ่นอายุ ฟุตบอลลีกกำลังพุ่งทะยาน คำถามอาจจะอยู่ที่ว่า ทุกอย่างจะ ‘ประสาน’ กันเป็นหนึ่งได้หรือไม่

ไทยลีกสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เห็นผู้เล่นทีมชาติไทยบางคนที่กลับไปเล่นให้ต้นสังกัดในสภาพไม่ สมบูรณ์นัก เนื่องจากทีมชาติไทยในยุค 2015 จะมีเกมให้ลงเล่นมากกว่าเดิม(มาก ๆ) ผู้เล่นที่ความฟิตยังไม่ถึงจึงได้รับผลกระทบ ซึ่งไม่แปลกที่บีอีซี เทโร ศาสน ซึ่งมีผู้เล่นในทีมชาติทุกชุดของซิโก้รวมกันนับสิบ จะได้รับผลกระทบเต็ม ๆ ในเกมที่ผ่านมา ชนาธิป สรงกระสินธิ์ ยอมรับกับ GQ ในบทสัมภาษณ์(ฉบับที่เจ้าตัวขึ้นปกเสียด้วย) ว่า ทุกวันนี้ บางครั้งแค่ยืนก็เมื่อยแล้ว ซึ่งไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน แต่เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามต่อว่าอยากให้บอกผ่านไปถึงผู้จัดการทีมบ้างไหม เมสซีเจตอบด้วยท่าทีนอบน้อมแบบที่เราคุ้นเคยจากผู้เล่นทีมชาติไทยยุคนี้ว่า “ไม่เอา เรากินเงินเดือนเขาน่ะ…”

บางทีสโมสรและทีมชาติอาจต้อง ประสานกันใกล้ชิดกว่านี้ในหลาย ๆ เรื่อง เช่น ความฟิตของผู้เล่น สภาพร่างกาย อาการบาดเจ็บ ข้อสังเกตเชิงกายภาพ โภชนาการ ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ เมื่อพลาดแล้วอาจพลาดไปโดยแก้ไขอะไรไม่ได้อีกเลย

เมื่อน้อง ๆ ก็ ‘แล้วแต่พี่โก้’ ว่าตามพี่โก้ตลอด กับสโมสรเรียบร้อยไม่มีมาของขึ้น ทางหนึ่งก็พี่โก้ อีกทางก็นาย ให้ทำอะไรพวกเขาก็ทำ ให้เล่นกี่เกม กี่นาที ไม่มีเกี่ยงงอน บางทีทั้งสองฝ่ายอาจต้องช่วยกันดูแลพวกเขาให้ดีกว่าที่เป็น สภาพร่างกายแต่ละคนนั้นต่างกันออกไป บางคนคึกเป็นม้าป่าทุกเกม ยิ่งลงเล่นก็ยิ่งดี ในขณะที่บางคนก็ล้าเร็ว ต้องพักเป็นระยะ เพราะร่างกายยังพัฒนาไม่ถึงขีด ฯลฯ รายละเอียดเหล่านี้ ทีมชาติและสโมสรมีชุดเดียวกันหรือไม่ อัพเดตตรงกันหรือไม่ ฯลฯ

สิบกว่าปีก่อน เจอร์เกน คลินส์มันน์ เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติเยอรมันใหม่ ๆ เคยสุดขั้วถึงขั้นขอให้ทุกทีมในบุนเดสลีกา ใช้แผนการเล่นเดียวกัน แผนการฝึกซ้อมเดียวกัน ซี่งแต่ละทีมก็ให้ความร่วมมือในระดับที่ต่างกันไป แต่ดอกผลที่ได้ คือผู้เล่นรุ่นต่อ ๆ มาของอินทรีเหล็กมีเซนส์ฟุตบอลใกล้เคียงกัน ความเข้าใจเกมสอดคล้องกัน ทักษะจำเป็นที่ทีมชาติต้องการถูกบรรจุมาเรียบร้อยพร้อมให้ผู้เป็นกุนซือ เลือกใช้ เพียงทศวรรษเดียว จากอินทรีป่วยที่แทบไม่มีปัญญาผ่านรอบคัดเลือกรายการใหญ่ พวกเขามาถึงแชมป์โลกในที่สุด

 ผู้เขียนไม่ได้กำลังจะบอกว่า เราควรมี(หรือไม่ควรมี)แผนการเล่นแห่งชาติ แผนการฝึกซ้อมแห่งชาติ ฯลฯ เพราะไม่มีวันจะรู้ดีไปกว่าผู้ที่ทำงานอยู่จริง แต่สิ่งที่เราเห็นจากกรณีคลินส์มันน์ คือการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว(แม้จะสุดโต่ง)ที่จะเชื่อมโยงทุกภาคส่วนไว้ ด้วยทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน จากจุดนั้นบวกกับความเป็นมืออาชีพตามสไตล์ด๊อยช์ลันด์ ทั้งทีมชาติและบุนเดสลีกาต่างยกระดับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง

ในวันดีคืนดีของฟุตบอลไทยเช่นนี้ เราไม่น่าจะต้องมากังวลกับเหตุการณ์ประเภทส่งเอกสารไม่เรียบร้อย, หนังสือเชิญไปถึงทีมที่จะเชิญมาแข่งหรือไม่ จะได้เล่นกับใคร ฯลฯ อีกแล้ว แฟนฟุตบอลชาวไทยอยากจะเห็นการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ มีทิศทางชัดเจนของสมาคมฯ และทีมชาติ สร้างความเชื่อใจ ซื้อความร่วมมือจากสโมสร ให้ทุกความยอดเยี่ยมที่เรามี ให้ทุกไพ่ดีในมือของเรานั้น เล่นไปในทิศทางเดียวกัน

เมื่อทุกชิ้นส่วนที่ดีที่สุดของเราต่อกันติด เราย่อมคาดหวังสิ่งที่ดียิ่งกว่าได้