ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก)

วันพุธที่ 15 เมษายน 2558

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) - บาร์เซโลน่า (สเปน)

ถ่ายทอดสด: ทรูสปอร์ต 1, ทรูสปอร์ต เอชดี 2, Astro SuperSport 3, เวลา : 01.45 น.

สนาม : ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ (ปารีส, ฝรั่งเศส)

        ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศส เมื่อฤดูกาลที่แล้ว จะเปิด ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ กรุงปารีสปะทะ บาร์เซโน่า จ่าฝูงลา ลีกา สเปน ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก

        ทั้งสองทีมเจอกันมาแล้ว 2 นัดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ในการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม เปแอสเช เปิดบ้านชนะ 3-2 เมื่อวันที่ 30 กันยายนปีที่แล้ว และ บาร์ซ่า เล่นในคัมป์ นู ปราบ ปารีสฯ 3-1 วันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งสุดท้าย บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์กลุ่มเอฟ. ทำได้ 15 คะแนน เปแอสเช เป็นรองแชมป์กลุ่มทำได้ 13 คะแนน ผ่านเข้ารอบน็อคเอ๊าต์ทั้งสองทีมจนมาเจอกันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

        นอกจากนั้นทั้งคู่เคยพบกันในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฤดูกาล 1994-1995 รวมผลสองนัด เปแอสเช ชนะ 3-2 และเจอกันรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซีซั่น 2012-2013 รวมผลสองนัด เสมอ 3-3 บาร์ซ่า ผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยกฎประตูทีมเยือน แต่ บาร์ซ่า ไม่ชนะ 4 ครั้งหลังสุดที่มาเล่นในฝรั่งเศส

        และปารีสฯ ไม่แพ้ถึง 33 นัดในบ้านในการเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป (ชนะ 22 เสมอ 11) ซึ่งพวกเขาแพ้ล่าสุดต่อ ฮาโปเอล เทล-อาวีฟ จากอิสราเอล 2-4 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2006 ใน ยูฟ่า คัพ รอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาล 2006-2007

        โลร็องต์ บล็องก์ เทรนเนอร์เปแอสเชวัย 49 ปี นำทีมผ่านด่าน เชลซี จากอังกฤษ โดยรวมผลสองนัดเสมอ 3-3 และปารีสฯ ผ่านเข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน ในการเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งบรรดานักเตะต่างได้รับเงินโบนัสคนละ 350,000 ยูโร (ราว 12.25 ล้านบาท) ที่ผ่านเข้ามาเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

        บล็องก์ นำทีมชนะ 4 เกมติดต่อกันและในการลงเล่น 20 นัดหลังสุดในทุกรายการ สโมสร แพ้เพียงนัดเดียวเท่านั้น โดยพ่ายเกมเยือน บอร์กโดซ์ 2-3 ในลีก เอิง นัดที่ 29 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา

        ผลงานล่าสุด เปแอสเช คว้าแชมป์เฟร้นช์ ลีก คัพ 2015 หลังจากต้อน บาสเตีย คู่แข่งจากลีก เอิง 4-0 ในนัดชิงชนะเลิศ ที่สนามกลางใน สต๊าด เดอ ฟร้องซ์, แซงต์-เดอนีส์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 11 เมษายน ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เหมาคนเดียวสองประตู พร้อมได้โทรฟี่เกียรติยศในตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมเฟร้นช์ ลีก คัพ ฤดูกาล 2014-2015 นัดชิงชนะเลิศ และอีกสองประตูได้จาก เอดินสัน คาวานี่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง

        เท่ากับว่า ซีซั่นนี้ เปแอสเช ได้แชมป์ไปแล้ว 2 รายการ เริ่มจากแชมป์โทรเฟ่ เดส์ ช็องปิยงส์ ที่ชนะ แก็งก็อง แชมป์เฟร้นช์ คัพ 2-0 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนที่ซีซั่น 2014-2015 เปิดฉากขึ้น และพวกเขายังมีลุ้นแชมป์อีก 3 รายการไม่ว่าจะเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ลีก เอิง, เฟร้นช์ คัพ

        สำหรับเวที เฟร้นช์ คัพ ปารีสฯ ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศจะพบ โอแซร์ จากลีก เดอซ์ คืนวันเสาร์ 30 พฤษภาคมที่สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ หลังจากพวกเขาเปิดปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ถล่ม แซงต์-เอเตียน 4-1 ในเฟร้นช์ คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันพุธที่ 8 เมษายน อิบราฮิโมวิช ทำแฮท-ทริค จัดการคนเดียวถึงสามประตู และอีกประตูเป็นของ เอเซเกล ลาเวซซี่

        ในส่วนของตัวผู้เล่น เปแอสเช จ่าฝูงลีก เอิง ไม่มี ดาวิด ลุยซ์ เซนเตอร์แบ็กทีมชาติบราซิล บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้าย พักนาน 1 เดือน

        นอกจากนั้นทีมยังมีผู้เล่นติดโทษแบนถึง 3 คน ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ยิงในชุดปารีสฯ ไปแล้ว 104 ประตู รั้งรองดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีม จะติดโทษแบน 1 นัด เนื่องจากโดนใบแดงจากเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ที่ไปเยือน เชลซี แล้วเสมอ 1-1 ใน 90 นาที และต่อเวลาพิเศษเสมอ 2-2 จนรวมผลสองนัดเสมอ 3-3 ซึ่ง ปารีสฯ เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน รวมถึง แซร์ช โอริเย่ร์ แบ็กขวาทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ติดโทษแบนนัดแรกในจำนวนโทษแบนยาว 3 นัด กรณีด่า บียอร์น ไคเปอร์ส ผู้ตัดสินชาวดัตช์ ด้วยคำหยาบผ่านทวิตเตอร์ และ มาร์โก แวร์รัตติ กองกลางทีมชาติอิตาลีติดโทษแบน 1 นัด หลังจากสะสมใบเหลืองครบ 3 ใบ

        ทางด้าน ติอาโก้ ม็อตต้า กองกลางอิตาลี หายจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้าย กลับมาฝึกซ้อมได้แล้ว แต่ยังไม่แน่ว่า เขาจะลงเล่นได้หรือไม่ และ ลูคัส มูร่า ปีกขวาทีมชาติบราซิลหายเจ็บโคนขาหนีบขวา

        ขณะที่ ซัลวาตอเร่ ซิริกู ผู้รักษาประตูทีมชาติอิตาลีวัย 28 ปี โกลมือ 1 จะกลับมาเฝ้าเสา หลังจากได้พักในเกมบอลถ้วย นั่นหมายความว่า นิโกล่าส์ ดูเชซ นายทวารมือ 2 วัย 34 ปี กลับไปนั่งสำรองตามเดิม

        "อาซูลกราน่า" บาร์เซโลน่า ของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ไร้พ่ายมา 10 นัดรวด แต่ล่าสุดเสียท่าด้วยการโดน เซบีย่า ตามตีเสมอ 2-2 ในช่วงท้ายเกม ทว่ายังนำเป็นจ่าฝูง ลา ลีกา เหมือนเดิม

        ส่วนผลงานรายการนี้ "เจ้าบุญทุ่ม" ผ่านรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการคว่ำ แมนฯ ซิตี้ สโมสรชั้นนำจากอังกฤษมาด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-1

        สภาพทีมล่าสุด บาร์เซโลน่า ต้องปราศจาก ดาเนียล อัลเวส แบ็คขวาวัย 31 ปี ทีมชาติบราซิล ที่ติดโทษแบน 1 นัด หลังจากได้ใบเหลืองครบตามโควตาพอดี และเจ้าตัวยังมีอาการบาดเจ็บข้อเท้าขวารบกวนด้วย

        นอกจากนั้นยังไม่มี โธมัส แฟร์มาเล่น ปราการหลังวัย 29 ปี ทีมชาติเบลเยี่ยม ที่เพิ่งหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า อยู่ในช่วงระหว่างฟื้นฟูสภาพร่างกาย แต่ดึงตัว มูนีร์ เอล อัดดาดี้ กองหน้าดาวรุ่งจากทีมบาร์ซ่า เบ. เข้ามาอยู่ในโผรายชื่อ 22 ขุนพลที่เดินทางเยือนปารีส ด้วย

        ขณะที่ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ผู้เล่นสารพัดประโยชน์ชาวอาร์เจนไตน์บาดเจ็บกระดูกมือขวา ต้องรอเช็คความฟิต แต่ก็มี เฌเรมี่ มาติเยอ พร้อมลงสนามในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก

        คาดว่า หลุยส์ เอ็นรีเก้ จะใช้งาน อาเดรียโน่ คอร์เรอา ลงมาเล่นแทน อัลเวส ที่ติดโทษแบน ส่วนแบ็คซ้ายให้ จอร์ดี้ อัลบา ที่กลับมาฟิตแล้วลงประจำการ โดยคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ เคราร์ด ปีเก้ จับคู่กับ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ขณะที่ผู้รักษาประตู มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น ที่ได้ลงเล่นรายการนี้มาตลอด จะลงเฝ้าเสาตามปกติ

        ขุมกำลังในแดนกลางส่ง อีวาน ราคิติช,  เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ อันเดรส อีเนียสต้า
ลงผนึกกำลังร่วมกัน

        สามประสานแดนหน้าอันตรายอย่างยิ่งทั้ง ลีโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์ ที่จะลงล่าตาข่ายพร้อมกัน

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        ปารีส แซงต์-แชร์กแมง : ซัลวาตอเร่ ซิริกู - เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล, ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), มาร์ควินญอส, แม็กซ์เวลล์ - โยอัน กาบาย, ติอาโก้ ม็อตต้า, แบลส มาตุยดี้ - เอเซเกล ลาเวซซี่, เอดินสัน คาวานี่, ฮาเวียร์ ปาสตอเร่

        บาร์เซโลน่า : มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น - อาเดรียโน่ คอร์เรอา, เคราร์ด ปีเก้, เฌเรมี่ มาติเยอ, จอร์ดี้ อัลบา - อีวาน ราคิติช,  เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อีเนียสต้า (กัปตันทีม) - ลีโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, เนย์มาร์

        ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก (อังกฤษ)

ปีเก้จ่อลงสนามให้บาร์ซ่าครบ 300 นัด

        เคราร์ด ปีเก้ เซนเตอร์แบ็กบาร์เซโลน่า จ่าฝูงลา ลีกา สเปน เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์มุนโด้ เดปอร์ติโบ ในแดนกระทิงดุ เมื่อวันจันทร์ที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่าดีใจสุดๆ ที่กำลังจะได้ฉลองลงเล่นให้ต้นสังกัดครบ 300 นัดอยู่รอมร่อ พร้อมยอมรับว่า ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้า เชลซี, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะ เรอัล มาดริด และ ลีโอเนล เมสซี่ เพื่อนร่วมทีม "บาร์ซ่า" คือสุดยอดหัวหอกที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่เคยเผชิญหน้าในสนาม

        กองหลังทีมชาติสเปนที่ย้ายจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเล่นถิ่น คัมป์ นู เมื่อปี 2008 ก่อนพาทีมซิวแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย และแชมป์ ลา ลีกา 4 สมัย กล่าวว่า "ผมเติบโตขึ้นมาจาก ลา มาเซีย เฝ้าฝันว่าสักวันจะได้เล่นในทีมชุดใหญ่ ดังนั้น คุณลองนึกดูสิว่ามันมีความหมายแค่ไหนกับการสวมเสื้อตัวนี้ลงเล่นกว่า 300 ครั้ง"

        "หลายคนโชคดีได้ชื่นชมกับมัน และทุกถ้วยรางวัลที่เราคว้าได้มันเป็นสิ่งพิเศษ ทั้ง บาร์ซ่า และผมต่างได้รับเกียรติในการไปเล่นนัดชิงชนะเลิศรายการสำคัญๆ หลายรายการ ได้เจอกับทีมชั้นเยี่ยม และนักเตะชั้นยอดมากมาย ซึ่งก็มีอยู่หลายคน แต่ที่ผมเน้นเป็นพิเศษก็คือเวลาเจอกับ ดร็อกบา, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลีโอเนล เมสซี่ ที่ต้องเจอกันทุกวันที่มีการซ้อม!"

         บาร์เซโลน่า มีลุ้นแชมป์ถึง 3 รายการ ไม่ว่าจะเป็นลา ลีกา, โกปา เดล เรย์ รอบชิงชนะเลิศ ที่ต้องพบกับ แอธ.บิลเบา วันเสาร์ที่ 30 พ.ค.นี้ รวมถึงเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีคิวออกไปเยือนปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยอดทีมของฝรั่งเศส รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก วันพุธที่ 15 เม.ย.นี้ โดย ปีเก้ ระบุว่า "เราเข้าใกล้อย่างมากๆ แล้ว และมีสมาธิอย่างมากๆ ผมหวังว่ามันจะเป็นฤดูกาลประวัติศาสตร์ของเรา"

        "เปแอสเช เป็นหนึ่งในทีมที่มีแนวรับที่ดีที่สุดในโลก และสามารถเอาชนะทุกทีมได้"

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- เปแอสเช คือทีมเดียวที่สามารถเอาาชนะบาร์เซโลน่าได้ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ อีกทั้งยังเป็นทีมเดียวที่ยิงตาข่ายยักษ์กาตาลันเกิน 3 ลูกในนัดเดียว (3-2) นับตั้งแต่ซีซั่น 2013/14
- บาร์ซ่าทำสถิติชนะ 6 นัดติดต่อกันในรายการนี้ได้เป็นครั้งแรกนับจากซีซั่น 2011/12 โดยยิงเฉลี่ย 2.5 ลูกต่อเกมในช่วงดังกล่าวอีกต่างหาก
- นี่คือการพบกันครั้งที่ 3 ของทั้งคู่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยเปแอสเชผ่านเข้ารอบได้ในฤดูกาล 1994/95 ก่อนบาร์ซ่าได้เฮเมื่อซีซั่น 2012/13
- จากการพบกันทั้ง 6 ครั้งในชปล. ทั้ง 2 ทีมต่างยิงตาข่ายได้ทุกนัด รวมทั้งสิ้น 10 ประตูเท่ากัน
- บาร์ซ่า ทำสกอร์ได้ตลอดเกมชปล. 18 นัดหลังที่เจอทีมฝรั่งเศส ขณะที่เปแอสเชยิงไม่ได้แค่นัดเดียวจาก 13 หนหลังที่พบคู่แข่งแดนกระทิงดุ
- อย่างไรก็ตาม บาร์เซโลน่า ยังไม่เคยบุกชนะถึงแดนน้ำหอมนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2001 ที่พบลียง จากนั้นเป็นต้นมาพวกเขาเสมอ 3 แพ้ 1
- ทีมเจ้าบุญทุ่มลงเล่นรอบนี้เป็นครั้งที่ 18 ในประวัติศาสตร์ชปล. โดยผ่านเข้ารอบ 9 ครั้ง รวมถึง 7 จาก 8 ฤดูกาลล่าสุด
- ในทางกลับกัน เปแอสเช ผ่านมาถึงรอบนี้เพียง 3 ครั้ง ก่อนตกรอบทั้ง 2 หนหลัง (2012/13 และ 2013/14)
- เปแอสเช เป็นทีมที่เสียประตูมากสุด (10) ในกลุ่มที่หลงเหลืออยู่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ
- 17 จาก 18 ประตูที่บาร์ซ่าทำได้ในชปล.ซีซั่นนี้ มาจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ มากกว่าทุกทีม
- ประตูของ ดาวิด ลุยซ์ ในเกมรอบแบ่งกลุ่มเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน คือครั้งเดียวที่ผู้เล่นกองหลังทำประตูได้จากการพบกันระหว่างทั้งสองทีมนับ ตั้งแต่ปี 1995