ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบรองชนะเลิศ นัดแรก)

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2558

บาร์เซโลน่า (สเปน)  - บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน)

ถ่ายทอดสด: ทรูสปอร์ต เอชดี 2, Astro SuperSport 3, (เวลา: 01.45 น.)

สนาม: เอสตาดิโอ คัมป์ นู, (บาร์เซโลน่า, สเปน)

        "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า จ่าฝูงลา ลีกา สเปน อยู่ภายใต้การคุมทัพของหลุยส์ เอ็นรีเก้ มาร์ตีเนซ พาทีมคว่ำ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยอดทีมจากฝรั่งเศส มาได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์รวมสองนัด 5-1 ทะลุเข้ามาเล่นรอบตัดเชือกได้สำเร็จ

        ความพร้อมเกมนี้ บาร์ซ่า ต้องขาด โธมัส แฟร์มาเล่น ปราการหลังทีมชาติเบลเยี่ยมที่อยู่ในช่วงเรียกความฟิต ด้าน จอร์ดี้ อัลบา แบ็คซ้ายจอมบุกซึ่งแยกฝึกซ้อมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ฟื้นตัวจากอาการกล้ามเนื้อตึง ฟิตกลับมาพร้อมช่วยทีม

        ขณะที่ มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น นายทวารดาวรุ่งชาวเยอรมันจะกลับมาลงเฝ้าเสาแทน เคลาดิโอ บราโว

        ขุมกำลังในแดนกลางส่ง อีวาน ราคิติช กับ อันเดรส อีเนียสต้า ช่วยกันทำเกมรุก ปล่อยให้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ คอยพล่านตัดเกมคู่แข่ง

        สามประสานแดนหน้าส่ง ลีโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์ ซึ่งยิงในซีซั่นนี้ทุกรายการรวมกันถึง 108 ประตู ลงล่าตาข่าย

        ทางด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ชาวสเปนของ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เจ้าของตำแหน่งแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน ต้องขาดกลุ่มผู้เล่นอย่าง อาร์เยน ร็อบเบน ที่เจ็บน่อง, ดาวิด อลาบา (หัวเข่า), ทอม ชตาร์เค่ (ข้อเท้า) และ โฮลเกอร์ บาดชตูเบอร์ (ต้นขา) ที่บาดเจ็บอยู่ทั้งหมด

        นอกจากนั้นรายของ ฟร้องค์ ริเบรี่ ดาวเตะชาวฝรั่งเศสอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าชวดบู๊ แต่ ฆาบี มาร์ตีเนซ กองกลางเชิงรับชาวสเปน ฟิตพร้อมเป็นตัวเลือก

        ส่วน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ พร้อมสวมหน้ากากป้องกันลงสนาม หลังมีอาการบาดเจ็บบริเวณกระดูกโหนกแก้มจากการลงเล่นรอบตัดเชือกศึกเดเอฟเบ โพคาล กับ ดอร์ทมุนด์

        สำหรับเกมนี้ เสือใต้ จะปรับมาเล่นแนวรับ 3 คนโดยมี เมห์ดี้ เบนาเตีย, เยโรม บัวเต็ง และ ราฟินญ่า ซึ่งขยับมาเล่นฝั่งซ้ายเพื่อคอยซ้อน ฆวน เบร์นาต ซึ่งลงเล่นแดนกลางฝั่งซ้าย ขณะที่ ชาบี อลอนโซ่ จะคุมเกมกลางสนามโดยมี ฟิลิปป์ ลาห์ม กัปตันทีม รับผิดชอบฝั่งขวา

        แผงมิดฟิลด์ใช้งาน บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ลงเดินเกมรุกกับ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ส่วน โธมัส มุลเลอร์ ยืนหน้าต่ำคอยสนับสนุน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าตัวเป้าเข้าทำประตู

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

        บาร์เซโลน่า: มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น - ดาเนียล อัลเวส, เคราร์ด ปีเก้, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, จอร์ดี้ อัลบา - อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อีเนียสต้า (กัปตันทีม) - ลีโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, เนย์มาร์

        บาเยิร์น มิวนิค: มานูเอล นอยเออร์ - เมห์ดี้ เบนาเตีย, เยโรม บัวเต็ง, ราฟินญ่า - ฟิลิปป์ ลาห์ม (กัปตันทีม), ชาบี อลอนโซ่, ฆวน เบร์นาต - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ติอาโก้ อัลกันตาร่า - โธมัส มุลเลอร์ -โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

        ผู้ตัดสิน: นิโกล่า ริซโซลี่ (อิตาลี)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- บาเยิร์น มิวนิค สร้างสถิติสโมสรเข้ารอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยมีเพียง 2 ทีมที่ทำได้มากกว่า นั่นคือ บาร์เซโลน่า (6 จาก 2008-13) และ เรอัล มาดริด (5 จาก 2011 ถึงปัจจุบัน)
- บาร์เซโลน่า ชนะแค่หนเดียวเท่านั้นจาก 8 เกมยุโรปหลังสุดที่เจอบาเยิร์น (เสมอ 2 แพ้ 5)
- บาเยิร์น เก็บชัยได้ถึง 3 จาก 4 หนหลัง (แพ้ 1) ที่มาเยือนคัมป์ นู ในศึกยุโรป รวมถึงเป็นทีมล่าสุดที่บุกชนะบาร์ซ่าในแชมเปี้ยนส์ ลีก (3-0)
- ทีมเสือใต้ เคยดวลบาร์ซ่า 2 ครั้งมาก่อนในเกมตัดเชือก โดยผ่านเข้ารอบก่อนผงาดแชมป์ได้ทั้งหมด (ยูฟ่า คัพ 1996 และแชมเปี้ยนส์ ลีก 2013)
- เกมตัดเชือกหนล่าสุดของทั้งคู่เกิดขึ้นในรายการนี้ซีซั่น 2012/13 โดยจบด้วยสกอร์รวม 7-0 ของบาเยิร์น เป็นสถิติชัยชนะขาดลอยที่สุดในรอบรองชนะเลิศชปล.
- บาร์ซ่า ฟาดชัย 8 เกมรวดในชปล. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เมื่อ 2002/03 (9 เกม) อีกทั้งยังยิงเฉลี่ย 2.5 ลูกต่อเกมในช่วงดังกล่าว
- บาเยิร์น ชนะแค่ 2 จากเกมเยือนชปล. 7 นัดหลัง (เสมอ 2 แพ้ 3) และไร้ชัยมา 3 นัดติดต่อกันด้วย (เสมอ 1 แพ้ 2)
- เสือใต้ยิงไปแล้ว 30 ลูกในชปล.ซีซั่นนี้ มากกว่าทุกทีม และต้องการอีกแค่ประตูเดียวเพื่อทาบสถิติยิงมากสุดในฤดูกาลเดียว (31 ในฤดูกาล 2012/13)
- บาเยิร์น คือทีมหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์ชปล. ที่ยิง 6 ประตูขึ้นไปได้ถึง 3 เกมในฤดูกาลเดียว
- บาเยิร์น ได้ประตูจากลูกโหม่งทั้งสิ้น 6 ลูกในชปล.ซีซั่นนี้ มากกว่าทุกทีม และเป็นสถิติใหม่สโมสรในฤดูกาลเดียว (นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติในฤดูกาล 2003/04)
- บาร์เซโลน่า พังตาข่ายบาเยิร์นไม่ได้เป็นเวลา 197 นาทีในศึกชปล. หรือนับตั้งแต่ เซย์ดู เกอิต้า ทำสกอร์ได้ในเกมตัดเชือกเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2009
- 9 จาก 10 ปรตูหลังสุดที่บาเยิร์น ทำได้ในเกมเจอบาร์ซ่า เกิดขึ้นในครึ่งเวลาหลัง
- บาเยิร์น (66.1 เปอร์เซ็นต์) และ บาร์เซโลน่า (63.9 เปอร์เซ็นต์) คือทีมที่มีค่าเฉลี่ยครองบอลสูงสุดในชปล.ฤดูกาลนี้
- ลิโอเนล เมสซี่ มีส่วนร่วมถึง 3 จาก 5 ประตูหลังสุดของบาร์ซ่า ในเกมชปล.ที่พบบาเยิร์น (ยิง 2 แอสซิสต์ 1)
- มีเพียง ลุยซ์ อาเดรียโน่ กองหน้าชัคตาร์ (9) ที่ทำประตูได้มากกว่า เมสซี่ (8) ในชปล.ฤดูกาล 2014/15
- โธมัส มุลเลอร์ ดาวยิงบาเยิร์น กดตาข่ายไปแล้ว 27 ตุงในศึกชปล. (66 เกม) ทำให้ครองสถิติแข้งเยอรมันที่ยิงได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์รายการนี้
- มุลเลอร์ ยังทำสกอร์ได้ 3 จาก 2 เกมชปล.ที่เจอบาร์ซ่า ถือเป็นคู่แข่งถูกโฉลกเทียบเท่า ซีเอสเคเอ มอสโก
- นอกจากนั้น มุลเลอร์ ยังมีส่วนร่วมถึง 4 จากทั้งหมด 7 ประตูในรอบตัดเชือกหนก่อนกับบาร์ซ่า (ยิง 3 จ่าย 1)
- นี่คือครั้งแรกที่ โจเซป กวาร์ดิโอล่า จะได้เผชิญหน้าบาร์ซ่าในฐานะกุนซือคู่แข่ง หลังเคยพายักษ์กาตาลันคว้าแชมป์ 14 รายการในช่วงเวลา 4 ปีที่รั้งบังเหียน