คอลัมน์ : อดีตแข้งทีมชาติสเปนเชื่อว่าหลุยส์ เอ็นริเก้ สมควรได้เครดิตจากผลงานในคัมป์นูฤดูกาลนี้ และเขาเชื่อว่าบาร์เซโลนาคือฝ่ายที่ได้เปรียบบาเยิร์น

โดย กาอิซก้า เมนดิเอต้า

เป็ป กวาร์ดิโอลา และ หลุยส์ เอ็นริเก้ เป็นนักเตะสองประเภทที่แตกต่างกันกัน และพวกเขามีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันด้วยในสนาม แต่ในฐานะโค้ช พวกเขาเหมือนกันมากๆ ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ พวกเขามีไอเดียเดียวกันในการอยากให้ทีมเล่นแบบไหน

หลุยส์ เอ็นริเก้ เป็นคนที่ชอบผจญภัยมากกว่าเป็ป เขาไปที่ออสเตรเลียเพื่อใช้เวลาโต้คลื่น เขาเคยลงแข่งมาราธอนและแข่งมนุษย์เหล็ก เขาอยากมีประสบการณ์ในทุกๆ อย่าง รวมถึงฟุตบอลด้วย ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ผมคิดว่าเราน่าจะได้เห็นเขาในอังกฤษเมื่อถึงจุดหนึ่งในชีวิตการทำทีม

จากตอนที่ผมยังเป็นนักเตะ เมื่อผมลงเล่นทั้งในทีมเดียวกันและฝ่ายตรงข้ามกับทั้งสองคนที่บาร์เซโลนา รวมถึงในทีมชาติ สิ่งที่ผมจดจำได้มากที่สุดเกี่ยวกับ หลุยส์ เอ็นริเก้ คือความสามารถในการเล่นได้ทุกตำแหน่ง ขณะที่กวาร์ดิโอลา เขาก็น่ามหัศจรรย์มากๆ ตอนที่เขายังเป็นดาวรุ่ง เขาก็เล่นได้เหมือนอายุ 30 ปีแล้ว ให้บาร์เซโลนา ชุดดรีมทีม ของโยฮันน์ ครัฟฟ์

เป็ปเป็นนักเตะที่แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกดร็อป เขาคือจุดศูนย์กลางของทีมในแดนกลาง เป็นคนแรกที่ได้บอลเมื่อออกมาจากแนวรับ เป็นนักเตะที่เล่นบอลจังหวะเดียวได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนที่เขาจะได้บอล เขาก็รู้แล้วว่าเขาจะผ่านบอลไปทางไหนต่อ เขามีเซนส์ในการรับรู้ว่าเพื่อนร่วมทีมอยู่ตรงไหนได้วิเศษมากๆ

ในช่วงต้นชีวิตค้าแข้งที่กิฆอน หลุยส์ เอ็นริเก้ เป็นผู้เล่นเกมรุก จากนั้นพอไปอยู่กับเรอัล มาดริด (1991-96) เขาเล่นเป็นแบ็คขวา, แบ็คซ้าย, กองกลาง ไปทุกๆ ที่ พออยู่กับบาร์เซโลนา (1996-2004) เขาเป็นผู้เล่นเกมรุกยิ่งกว่าเดิมมาก และผมก็ไม่เคยลืมจังหวะการสับขาหลอกของเขาเลย

เขามีทักษะที่ยอดเยี่ยม เขาเล่นได้ทั้งสองเท้า แข็งแกร่ง, ดุดัน และพร้อมสู้ในทุกๆ ระดับ รวมถึงมีคาแรคเตอร์ที่แข็งแกร่งมากๆ ทั้งในสนามและห้องแต่งตัว คาแรคเตอร์เหล่านั้นไม่ต้องไปมองที่ไหนไกล ก็เอล กลาซิโก ที่เขายิงประตูเรอัล มาดริด ได้ วิธีที่เขาแสดงอาการดีใจมันบ่งบอกให้เห็นว่าเขามีความมุ่งมั่นแค่ไหน มาดริดอาจจะไม่ชอบใจ แต่หลุยส์ เอ็นริเก้หลงรักมันเลยล่ะ

ตอนที่ผมมองเขาในฐานะโค้ช ผมเห็นชายผู้เรียนรู้อย่างมาก และเขาก็สมควรได้รับเครดิตอย่างยิ่งจากสิ่งที่เขาทำในฤดูกาลนี้ บาร์ซาเหลือเพียง 8 เกมจากการเป็นเทรเบิล แชมป์ และพวกเขาก็มีโอกาสดีมากๆ ที่จะทำได้สำเร็จ

หลุยส์ เอ็นริเก้ เรียนรู้อย่างมากจากตอนที่เขาเป็นโค้ชที่โรมา (2011-12) เมื่อเขามีปัญหาเบื้องหลังกับนักเตะรุ่นใหญ่อย่างฟรานเชสโก ต็อตติ และวินเซนโซ มอนเตลา คุณต้องรับมือกับผู้เล่นที่อยากจะอยู่ในทีมทุกๆ เกม และมันอาจจะมีถึง 24 คนในทีม มันไม่มีทางตรงไปตรงมาได้อยู่แล้ว

เขามีปัญหาแบบเดียวกันกับลิโอเนล เมสซี ในฤดูกาลนี้ และมีการพูดถึงกันอย่างมากในไม่กี่เดือนที่แล้ว แต่คุณคงไม่ได้ยินเรื่องอะไรมากนักในตอนนี้ เมื่อเขาพยายามโรเตชันกับเมสซีแล้วไม่ได้ผล พวกเขาก็คุยกัน และหาทางแก้ไขในเรื่องความคิดที่แตกต่างกันได้

ความรับผิดชอบของคุณในฐานะผู้จัดการทีมคือการทำให้เป็นทีมที่ดียิ่งขึ้น หลุยส์ เอ็นริเก้ สร้างทีมที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนยังดูฟิตมาก และในช่วงเวลานี้ของฤดูกาล มันก็เหมือนเป็นโบนัสก้อนโตเลยทีเดียว

เขามีปัญหามากมายในช่วงก่อนหน้านี้ของฤดูกาล ผู้คนพูดกันว่า "เขาไม่รู้เลยว่ากำลังทำอะไรอยู่" ตอนที่เขาไม่เลือกใช้ผู้เล่นตัวจริงชุดเดิมในหลายๆ เกม แต่เขารู้จักสโมสร, รู้จักนักเตะ, รู้ในสิ่งที่แฟนบอลต้องการ รวมถึงรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร เขาคิดถูกที่ทำการโรเตชันทีม ตอนนี้เขามีทีมที่ฟิตที่สุดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

บาร์เซโลนาเหนือกว่าบาเยิร์นอยู่เล็กน้อยในเกมรอบรองชนะเลิซ อาการบาดเจ็บของอาร์เยน ร็อบเบน และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ทำให้สมดุลของทีมเสียไป

ในแง่ของเกมฟุตบอล โค้ชทั้งสองคนมีความคล้ายคลึงกันมาก ใช่ บาร์เซโลนา เปลี่ยนไปในฤดูกาลนี้ และอันเดรส อิเนียสต้า ก็รับบทที่ถอยลงมาลึกกว่าเดิม แต่หลุยส์ เอ็นริเก้ และกวาร์ดิโอเล มีปรัชญาฟุตบอลเดียวกัน ทั้งสองทีมครองบอลด้วยเปอร์เซ็นต์ที่สูง และถ้าพวกเขาเสียบอล พวกเขาก็จะพยายามแย่งมันคืนมาให้เร็วที่สุด

สถิติใน ลาลีกา, โกปา เดล เรย์ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

เล่นด้วยความกดดัน, ครองบอลมากๆ และไม่ปล่อยให้คู่แข่งตั้งตัวได้ คุณจะเห็นมันได้อย่างสมบูรณ์แบบกับบาร์ซาในตอนนี้ เป็ปเองก็พยายามจะทำอย่างที่เขาเคยทำกับบาร์เซโลนาที่บาเยิร์นอยู่ไม่มากก็น้อย ในแง่ของสไตล์การเล่นและการฝึกซ้อม

บาร์เซโลนามีโอกาสยิงและทำประตูได้มากกว่าบาเยิร์น ส่วนบาเยิร์นก็มีสถิติในเกมรับดีกว่า ทั้งสองทีมมีอัตราการครองบอลที่แทบจะเท่ากัน

ความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็คงเป็นเรื่องของวินัย บาร์เซโลนาได้ใบเหลืองมากกว่าบาเยิร์นเกือบ 2 เท่า ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คำอธิบายเดียวที่ผมพอนึกออกคือการไร้คู่แข่งในบุนเดสลีกา

บาเยิร์น เป็นทีมที่เหนือกว่าทีมอื่นๆ นักเตะของพวกเขาไม่จำเป็นต้องดุดันและปะทะกันมากเท่าทีมจากสเปน โดยทั่วๆ ไปแล้ว เกมในสเปนปะทะกันมากกว่า ทีมอื่นๆ ก็เล่นกันหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเจอกับสองทีมใหญ่ และมันจะหนักขึ้นเมื่ออยู่บนเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

แต่ไม่ต้องไปสนใจเรื่องความต่างนั้นมากนักหรอก ถ้าบาร์เซโลนาเล่นได้อย่างที่พวกเขาทำได้ตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ ผมก็ไม่เห็นเลยว่าบาเยิร์นจะปราบพวกเขาได้ยังไง