ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 37

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม 2558

ลิเวอร์พูล 1-3 คริสตัล พาเลซ

สนาม : แอนฟิลด์

          คู่สุดท้ายของเกมวันเสาร์และยังเป็นนัดสุดท้ายของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่จะสวมเครื่องแบบลิเวอร์พูลลงสนามต่อหน้าแฟนบอลในแอนฟิลด์หลังตัดสินใจแยกทางกับสโมสรเมื่อจบฤดูกาล การจัดทัพกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เลือกส่ง โมเรโน่ กับ ไอบ์ ลงสนามแทน จอห์นสัน และ แลมเบิร์ต โดยมี เจอร์ราร์ด สวมปลอกแขนบัญชาเกมกลางสนาม

          ฟาก คริสตัล พาเลซ ที่แพ้เกมลีกสี่นัดรวดปรับ 5 ตำแหน่ง เฮนเนสซี่ ลงเฝ้าเสา มาร์ติน เคลลี่ ได้เจอทีมเก่า อีกสามรายคือ อี ชุง-ยอง, พันเชียน และ ชามัคห์

          พิธีการก่อนเขี่ยบอลคือผู้เล่นทั้งสองทีมตั้งแถวปรบมือเป็นเกียรติก่อน "กัปตันจี" เดินลงสนามพร้อมบุตรีทั้งสาม ขณะที่ "เดอะ ค็อป" ก็แปลอักษรภาพพร้อมร้องเพลงส่งท้ายให้นักเตะลูกหม้อเป็นครั้งสุดท้าย

          ทรงบอลช่วงแรกไม่ปะติดปะต่อเสียบอลจังหวะสุดท้ายกว่าจะได้ลุ้นจั๋งๆ ต้องรอถึงนาที 22 เป็นอาคันตุกะได้ลุ้นก่อน ยานนิค โบลาซี่ เลี้ยงบอลทางฝั่งซ้ายก่อนลากตัดเข้ากลางแล้วกดด้วยขวาจากหน้าเขตโทษวิถีเข้าทาง สเคอร์เทล เอาหัวโขกทิ้งออกหลัง

          เหมือนรู้งานสำหรับมาร์ติน เคลลี่ อดีตแข้งหงส์นาที 26 เจ้าตัวจ่ายบอลขวางสนามไม่ดูตาม้าตาเรือถูก อดัม ลัลลาน่า ตัดได้ก่อนลากจี้หาประตูแล้วยิงผ่านตัวนายด่าน เวย์น เฮนเนสซี่ เสียบใต้คานสกอร์บอร์ดทำงาน 1-0

          ทว่าจากนั้น "ดิ อีเกิ้ลส์" รูปเกมดีกว่าชัดเจนนาที 29 เจสัน พันเชียน เลี้ยงบอลเลาะริมเส้นฝั่งขวาแล้วจ่ายหักมาตรงหัวกะโหลก ยานนิค โบลาซี่ ยิงเบิร์ดออกหลัง

          บุกมาเป็นชุดสำหรับทีมจากลอนดอนจากนั้นสามนาที ชามัคห์ แทงขึ้นทางซ้ายถึง โบลาซี่ เลี้ยงจี้หากรอบแล้วกดปุ่มยิงเรียดกะให้เสียบเสาไกลสร้างานให้ มิโญเล่ต์ ล้มตัวปัดทิ้ง

          พาเลซทิ้งโอกาสลงน้ำอีกครั้งนาที 35 จังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมกองหลังลิเวอร์พูลโหม่งไม่ขาดลูกตกเข้าทางปืน อี ชุง-ยอง ที่เสาขวาทว่ามิดฟิลด์เลือดโสมแปในกรอบ 6 หลาข้ามคาน

          หนังของ "เมอร์ซีย์ไซด์ เร้ดส์" ไม่เหนียวอย่างที่คิดโดนตีเสมอก่อนจบครึ่งแรกสองนาทีเมื่อเสียฟรีคิกระยะอันตรายหน้าเขตโทษเยื้องฝั่งซ้าย มือสังหารเป็น เจสัน พันเชียน สาวเท้าปั่นข้ามกำแพงเสียบหน้าต่างเสาขวาสุดสวย ลิเวอร์พูล 1-1 คริสตัล พาเลซ เมื่อจบ 45 นาทีแรก

          กลับมาสู้ต่อ"หงส์แดง"รุกได้วูบวาบนาที 49  คูตินโญ่ ยกเข้าเขตโทษทีมเยือน เฮนเดอร์สัน เข้ารับช่วงแม้จะเหมือนแฮนด์บอลแต่ไม่มีนกหวีดได้สับไกหนแรกติดบล็อกกองหลังแต่เข้าทาง จอร์ดอน ไอบ์ ซัดมุมแคบที่เสาขวาแต่ลูกเข้าหน้าต่าง

          การขึ้นเกมอีกครั้งของลิเวอร์พูลนาที 56 โมเรโน่ ขโยกบอลมาฝั่งซ้ายแล้วหักเรียดไปหน้าเขตโทษถึง เฮนเดอร์สัน ที่วิ่งขึ้นเข่นหนีสองตัวบล็อกลูกบดเฉี่ยวเสาซ้ายไม่ไกล

          เรียกว่าเป็นแขกที่ไม่เกรงใจเจ้าภาพสำหรับ "ดิ อีเกิ้ลส์" ตีปีกแซงนำเมื่อเกมคบชั่วโมงฟรีคิกเล่นสั้นแทงให้ ยานนิค โบลาซี่ ขึ้นเกือบสุดเส้นฝั่งขวาแล้วเปิดเรียดมาเสาไกลแม้ วิลฟรีด ซาฮา จะยืนล้ำหน้าแต่ไม่มีธงจากผู้ช่วยผู้ตัดสิน กองหน้าที่พึ่งเปลี่ยนลงมา 22 วินาทีจึงแท็บอินง่ายๆเข้าไปจืดทั้งแอนฟิลด์เมื่อสกอร์บอร์ดเป็น 1-2

          สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้ลุ้นตีเสมอให้ทีมนาที 64 สเตอร์ลิง จ่ายหักจากทางขวามาหน้าเขตโทษให้กัปตันได้กระหน่ำยิงทว่าไม่ผ่านมือเวย์น เฮนเนสซี่

          กลับเป็น พาเลซ เกือบบวกลูกสามนาที 66  ยานนิค โบลาซี่ รับบอลแทงขึ้นหน้าของ เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ตะบึงเข้าหาประตูก่อนล็อกเข้าซ้ายแล้วสับไกจากระยะ 18 หลาลูกพุ่งจูบคานเต็มใบ

          แม้จะพยายามเดินเกมรุกทวงประตูคืนแต่ก็มาโดนลูกดับหวังนาทีสุดท้ายของเกม วิลฟรีด ซาฮา กระชากบอลหนี เอ็มเร่ ชาน ทางขวาจนได้หลุดก่อนถูก ลูคัส เลว่า ตัดเกมตรงกรอบเขตโทษทว่าผู้ตัดสิน โจนาธาน มอสส์ กลับชี้เป็นจุดโทษ

          มือสังหารคือ เกล็นน์ เมอร์เรย์ ยิงจังหวะแรกติดเซฟ มิโญเล่ต์ แต่เจ้าตัวก็ยังจมูกไวพอซ้ำเข้าไป ก่อนที่จะสิ้นเสียงนกหวีดยาวไม่กี่อึดใจ

          จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพ่าย คริสตัล พาเลซ 1-3 และเป็นฉากสุดท้ายที่ผิดสคริปต์สำหรับกัปตัน เจอร์ราร์ดผู้รับใช้สโมสรมาตั้งแต่ปี 1998 กับ 10 โทรฟี่ในรั้วแอนฟิลด์ โดย "หงส์แดง" มี 62 แต้มเท่าเดิม รั้งที่ 5 ต้องไปวัดพื้นที่โควตา ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ในนัดสุดท้าย เนื่องจาก สเปอร์ส และ เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมอันดับ 6 กับ 7 ตามหลังเพียง 1 และ 2 แต้มตามลำดับ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
          ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเล่ต์ - เอ็มเร่ ชาน, มาร์ติน สเคอร์เทล, เดยัน ลอฟเรน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ (เจโรม ซินแคลร์  น.87) -  จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, อดัม ลัลลาน่า (ลูคัส เลว่า น.65)- จอร์ดอน ไอบ์(ริคกี้ แลมเบิร์ต น.65), ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

          สำรองไม่ได้ใช้ : แดนนี่ วาร์ด, เกล็น จอห์นสัน, โคโล ตูเร่, โจ อัลเลน

          คริสตัล พาเลซ :  เวย์น เฮนเนสซี่ - โจเอล วอร์ด, สกอตต์ แดนน์, มาร์ติน เคลลี่, ปาเป้ ซัวเร่ - อี ชุง-ยอง(วิลฟรีด ซาฮา น.60), เจมส์ แม็คอาร์เธอร์, โจเซฟ เล็ดลี่ย์ - เจสัน พันเชียน, มารูยาน ชามัคห์ (จอร์ดอน มัตช์ น.76), ยานนิค โบลาซี่ (เกล็นน์ เมอร์เรย์ น.83)

          สำรองไม่ได้ใช้ :  ฮูเลียน สเปโรนี่, เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์, เดเมี่ยน เดลานี่ย์, มิเล่ เยดินัค

ผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์