การแข่งขันฟุตบอลลา ลีกา สเปน

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2558

เรอัล มาดริด 7-3 เคตาเฟ่

สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, (มาดริด)

          ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้แค่ 13 นาที เรอัล มาดริด ขึ้นนำก่อน 1-0 อย่างรวดเร็ว เมื่อ มาร์เซโล่ ครอสบอลลึกจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษอย่างแม่นยำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เทคตัวขึ้นโขกแบบไร้ตัวประกบเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม

          ผ่านมา 22 นาที เคตาเฟ่ ตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะต่อเกมรุกหน้าเขตโทษเจ้าถิ่น เมห์ดี้ ลาเซน ไหลบอลให้ เซร์คิโอ เอสกูเดโร่ ตั้งป้องยิงด้วยซ้ายจากระยะ 25 หลาลูกพุ่งเรียดเสียบเสาขวาอย่างแม่นยำ

          ถัดมา 4 นาที เคตาเฟ่ พลิกขึ้นนำ 2-1 เมื่อ เปโดร เลออน ขึ้นบอลริมเส้นฝั่งขวาแล้วลากตัดไปหน้าเขตโทษก่อนจ่ายต่อ ดีเอโก้ กาสโตร วางเท้าปั่นด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลเสียบเสาเข้าไปงามสุดๆ

          ขยับมานาทีที่ 32 เรอัล มาดริด มาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ได้ฟรีคิกระยะเกือบ 30 หลาหลังจาก ฮาเมส โรดริเกซ ถูกทำฟาวล์ ก่อนที่จะเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปั่นด้วยขวาข้ามกำแพงบอลมุดต่ำเสียบโคนเสาซ้ายหมดจดให้ ราชันชุดขาว ตีเสมอเป็น 2-2

          สองนาทีให้หลัง "ราชันชุดขาว"ได้จุดโทษจังหวะที่ โรนัลโด้ แทงเข้าเขตโทษให้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ "ชิชารีโต้" สปีดเข้ากรอบ 18 หลา แต่ถูก การ์ลอส บีการาย กองหลังเคตาเฟ่ สกัดล้มจากด้านหลัง ผู้ตัดสินเป่าฟาวล์พร้อมแจกใบเหลืองกองหลังรายนี้ เพชฌฆาตยังเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หวดเข้าไม่เหลือช่วยให้ เรอัล มาดริด แซงนำ 3-2 และเป็นแฮตทริกของเจ้าตัวในเกมนี้ พร้อมกับยอดรวมขึ้นไปเป็น 48 ประตูในลา ลีกา ซีซั่นนี้

          เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 40 เรอัล มาดริด จำเป็นต้องเปลี่ยนเอา เปเป้ ปราการหลังจอมเก๋าที่มีอาการบาดเจ็บออกแล้วส่ง ราฟาแอล วาราน ลงมายืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟแทน

          ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 3 นาที เคตาเฟ่ ตีเสมอ 3-3 จากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมฝั่งขวาโด่งลึกไปกลางประตูลูกเลยถึง เมห์ดี้ ลาเซน ที่เสาไกลยิงยัดไส้จากระยะ 6 หลาตุงตาข่าย หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 3-3

          เข้าสู่ครึ่งหลัง เรอัล มาดริด เปลี่ยนเอา อัลบาโร่ อาร์เบลัว แบ็คขวาที่มีอาการบาดเจ็บออกมาพักแล้วส่ง ดาเนียล การ์บาฆัล ลงมาเล่นแทน

          กระเถิบมานาทีที่ 47 เรอัล มาดริด มาได้ประตูแซงนำ 4-3 จากจังหวะที่ มาร์เซโล่ โยนจากซ้ายให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โขกจ่อๆไปชนเสาเด้งออกมาเข้าทางของ เฆเซ่ ที่ซ้ำไม่โดนบอลมาทาง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ "ชิชารีโต้" กระทุ้งด้วยขวาเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

          สี่นาทีต่อมา เจ้าบ้านมาได้ประตูที่ห้าจากจังหวะที่ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษเยื้องมาทางด้านซ้าย ก่อนที่ ฮาเมส โรดริเกซ รับหน้าที่ปั่นด้วยซ้ายบอลโค้งเสียบสามเหลี่ยมเสาแรกเข้าไปงามสุดๆช่วยให้ เรอัล มาดริด ขยับนำ 5-3 และเป็นประตูที่ 13 ของเจ้าตัวในลา ลีกา ซีซั่นนี้

          ล่วงเลยมานาทีที่ 56 เรอัล มาอีกครั้ง ฮาเมส เปิดให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลข้ามคานไป

          สองนาทีต่อมา ราชันชุดขาว เปลี่ยน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ทำแฮตทริคในเกมนี้ พร้อมกับได้เป็นดาวซัลโวสูงสุดของลา ลีกา ประจำซีซั่นนี้ ออกมาพักแล้วให้ มาร์ติน โอเดการ์ด ดาวรุ่งชาวนอร์เวย์ วัย 16 ปี 57 วัน ได้ลงมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นนัดแรก ทำให้ โอเดการ์ด กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเรอัล มาดริด

          เขยิบมานาทีที่ 71 เรอัล มาดริด ทิ้งขาด 6-3 จากจังหวะที่ ฮาเมส โรดริเกซ ชิ่งขึ้นหน้าให้กับ เฆเซ่ โรดรีเกซ หลุดไปทางด้านซ้ายก่อนแปด้วยขวาเล่นทางเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม

          นาทีสุดท้ายของเกมการแข่งขัน เจ้าบ้านโต้เร็วขึ้นมา แล้วเป็น เฆเซ่ ที่หลุดมาทางด้านขวาเปิดเข้ากลางให้ มาร์เซโล่ สอดมาล้มตัวยิงด้วยซ้ายจ่อๆเข้าประตูไปให้ เรอัล มาดริด นำกระจุย 7-3

          เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก ครบ 90 นาที เรอัล มาดริด เปิดบ้านไล่ถล่ม เคตาเฟ่ ไปยับเยิน 7-3

          รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
          เรอัล มาดริด: อีเกร์ กาซียาส (กัปตันทีม) - อัลบาโร่ อาร์เบลัว (ดาเนียล การ์บาฆัล น.46), เปเป้ (ราฟาแอล วาราน น.40), นาโช่ เฟร์นานเดซ, มาร์เชโล่ วิเอยร่า - ฮาเมส โรดริเกซ, โทนี่ โครส, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ - เฆเซ่ โรดรีเกซ, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ "ชิชารีโต้", คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (มาร์ติน โอเดการ์ด น.58)
          สำรองไม่ได้ใช้: เคย์ลอร์ นาวาส (ผู้รักษาประตู) - แกเร็ธ เบล, ลูคัส ซิลวา, อีสโก้  
          เคตาเฟ่: จอร์ดี้ โกดีน่า - การ์ลอส บีกายราย, อเล็กซิส รูอาโน่, นัลโด้, เซร์คิโอ เอสกูเดโร่ - เมห์ดี้ ลาเซน, ฆวน โรดริเกซ (อเล็กซ์ เซลม่า น.72) - เปโดร เลออน (อีบี น.84), ปาโบล ซาราเบีย, ดีเอโก้ กาสโตร (บาบา ดิยาวาร่า น.79) - เฟรดี้ ไอเนสโตรซ่า
          สำรองไม่ได้ใช้: โจนาธาน โลเปซ (ผู้รักษาประตู) - เอมิลิอาโน่ เวลาซเกซ, เปโดร อัสเตรย์, เปเร่ มีญ่า
          ผู้ตัดสิน: โฆเซ่ อันโตนิโอ เตยเชยร่า บีเตียเนส