ฟุตบอล ยูโ 2016 รอบคัดเลือก กลุ่ม อี
วันอังคารที่ 8 กันยายน 2558
อังกฤษ 2-0 สวิตเซอร์แลนด์

สนาม : เวมบลีย์ (ลอนดอน, อังกฤษ)

          อังกฤษ ที่การันตีตั๋วสู่ ยูโร 2016 รอบสุดท้ายแล้ว ปรับทัพ 4 ตำแหน่งจากเกมถล่ม ซาน มารีโน่ 6-0 แกรี่ เคฮิลล์ ดูแลหลังบ้านกับ คริส สมอลลิ่ง ขณะที่ ฟาเบียน เดลฟ์ ประจำการแดนกลาง ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิง ช่วยปั้นเกมรุกกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ข้างหลัง เวย์น รูนี่ย์ ที่ลุ้นทำลายสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลทัพ "สิงโตคำราม" หลังทาบสถิติของ เซอร์ บ็อบบี้ ชารลตัน ที่ 49 ประตูเรียบร้อยแล้ว

          สวิตเซอร์แลนด์ เปลี่ยนผู้เล่นเช่นกันจากเกมเชือด สโลวีเนีย 3-2 แดนกลางส่ง โกคาน อินแลร์ กองกลางเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นตัวจริง แผงรุกเลือกใช้ วาเลนติน สต็อคเกอร์ ผนึกกำลังกับ เซอร์ดาน ชากิรี่ สร้างสรรค์เกมรุกป้อน โยซิป เดอร์มิช ที่ล่าประตูตั้งแต่ต้นเกมแทน ฮาริส เซเฟโรวิช

          เปิดเกมไป 17 นาที อังกฤษ ทักทายก่อน เจมส์ มิลเนอร์ จ่ายทะลุช่องให้ เวย์น รูนี่ย์ วิ่งตัดแนวรับเข้าไปยิงหลุดกรอบเนื่องจากโดน ทิมม์ โคลเซ่ แนวรับทีมเยือน วิ่งเข้ามากดดัน

          6 นาทีให้หลัง "สิงโตคำราม" ลุยขึ้นมาอีกครั้ง เวย์น รูนี่ย์ สปีดไปรับบอลยาวจากแดนหลังก่อนจ่ายเข้าเขตโทษให้ เจมส์ มิลเนอร์ วิ่งตามไปยิงเรียดด้วยซ้ายติดเซฟ ยานน์ ซอมเมอร์

          ผ่านครึ่งชั่วโมงแค่นาทีเดียว สวิตเซอร์แลนด์ เกือบนำก่อน วาเลนติน สต็อคเกอร์ ทำชิ่งกับ วาลอน เบห์รามี่ ก่อนจ่ายทะลุช่องให้ เซอร์ดาน ชากิรี่ แต่ดันจับไม่ดีเลยโดน โจ ฮาร์ท พุ่งรวบบอลไว้ได้สวย

          นาที 43 ทีมเยือนได้เสียวอีกครั้ง เซอร์ดาน ชากิรี่ ลากจากซ้ายตัดเข้ากลางก่อนผ่านออกขวาให้ โยซิป เดอร์มิช ยิงหักข้อด้วยขวาหลุดเสาไกลอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก สกอร์นิ่งที่ 0-0

          กลับมาต่อครึ่งหลัง นาที 58 สวิตเซอร์แลนด์ ได้ลุ้นจากจังหวะเตะมุม ริคาร์โด้ โรดริเกซ เปิดเข้ากลางให้ โกคาน อินเลอร์ เทกตัวโหม่งไม่ผ่านมือ โจ ฮาร์ท

          อย่างไรก็ดี อังกฤษ เป็นฝ่ายทำประตูปลดล็อกสำเร็จในนาที 67 เวย์น รูนี่ย์ จ่ายเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ลุค ชอว์ เติมขึ้นมาก่อนปาดเข้ากลาง แฮร์รี่ เคน ตัวสำรอง วิ่งเข้ามาซัดด้วยซ้ายเกือบหน้าเขตโทษฝั่งขวาเสียบเสาแรกเป็นประตู 1-0

          10 นาทีถัดมา สวิตเซอร์แลนด์ น่าได้ประตูตีเสมอ ทิมม์ โคลเซ่ ลากบอลขึ้นมาเองจากกลางสนามก่อนทำชิ่งกับ บรีล เอ็มโบโล่ ตัวสำรอง จนหลุดเข้าเขตโทษก่อนง้างเท้ายิงทว่า เจมส์ มิลเนอร์ ตามมาบล็อกทันเวลาก่อนบอลปลิ้นเข้ามือ โจ ฮาร์ท

          "สิงโตคำราม" มาได้จุดโทษในนาที 83 เมื่อ ราฮีม สเตอร์ลิง โดน กรานิต ชาก้า เกี่ยวเท้าล้มในเขตโทษ เวย์น รูนี่ย์ รับหน้าที่สังหารเสียบตาข่ายเป็นประตู 2-0 และเป็นประตูประวัติศาสตร์ที่ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลคนใหม่ของ อังกฤษ ที่ตัวเลข 50 ประตูด้วย

          ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม อังกฤษ คว้าชัยเหนือ สวิตเซอร์แลนด์ 2-0 และเป็นการคว้าชัย 8 นัดรวดในรอบแบ่งกลุ่ม

          รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
          อังกฤษ : โจ ฮาร์ท, เนธาเนียล ไคลน์, แกรี่ เคฮิลล์, คริส สมอลลิ่ง, ลุค ชอว์, เจมส์ มิลเนอร์, จอนโจ เชลวี่ย์, ฟาเบียน เดลฟ์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เวย์น รูนี่ย์, ราฮีม สเตอร์ลิง
          สวิตเซอร์แลนด์ : ยานน์ ซอมเมอร์, สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์, ฟาเบียน ชาร์, ทิม โคลเซ่, ริคาร์โด้ โรดริเกซ, กรานิต ชาก้า, โกคาน อินแลร์, วาลอน เบห์รามี่, เซอร์ดาน ชากิรี่, วาเลนติน สต็อคเกอร์, โยซิป เดอร์มิช 
          ผู้ตัดสิน : จานลูก้า รอคคี่ (อิตาลี)