ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันเสาร์ ที่ 19 กันยายน 2558

เชลซี 2-0 อาร์เซน่อล

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

        ศึกลอนดอนดาร์บี้นัดนี้ จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีม เชลซี เป็นแค่สำรองเท่านั้น ซึ่งไม่บ่อยครั้งที่ โชเซ่ มูรินโญ่ จะทำเช่นนี้ โดย "เจที" เป็น 1 ใน 4 ความเปลี่ยนแปลงจากชุดล่าสุด ขณะที่ อาร์แซน เวนเกอร์ บิ๊กบอส อาร์เซน่อล ปรับ 6 จุดจากชุดที่พ่าย ซาเกร็บ ใน ชปล. มิดวีก จับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ นั่งเพื่อเปิดทางให้ ธีโอ วัลค็อตต์ ที่ซัดใน 11 หนหลังที่ออกสตาร์ทในพรีเมียร์ลีกเป็นตัวจริง
 

         อาร์เซน่อล เดินหน้าลุยใส่เจ้าบ้านทันที ขณะที่โอกาสครั้งแรกเป็นของเจ้าบ้านเมื่อ เชส ฟาเบรกาส หาช่องส่องไกลจากหน้ากรอบเขตโทษ ทว่าไปติดมือ ปีเตอร์ เช็ก อดีตโกล สิงโตน้ำเงินคราม

         หลังผ่าน 15 นาทีแรก สิงห์บลูส์ เริ่มคุมเกมได้ และบดขยี้ อาร์เซน่อล จากนั้น นาทีที่ 21 ฟรานซิส โกแกอแลง กองกลางตัวรับทีมเยือนมีอาการบาดเจ็บจนต้องเข้ารับการปฐมพยาบาล ทว่าสามารถกลับมาเล่นต่อได้

         นาทีที่ 24 แฟนๆ เจ้าบ้านเกือบได้เฮเมื่อ ดีเอโก้ คอสต้า ลากตัดจากซ้ายเข้าในก่อนชิ่งกับ เอแด็น อาซาร์ แล้วดาวยิงทีมชาติสเปนสับไกเรียด แต่ยังไม่ผ่านมือ เช็ก

         เกมเปิดแลก อีก 4 นาทีต่อมา ถึงที อาร์เซน่อล ได้เสียวบ้างเมื่อ เมซุต โอซิล ไหลออกซ้ายให้ วัลค็อตต์ โฉบเข้าไปตะบันเน้นๆ แต่ อัสมีร์ เบโกวิช ล้มตัวรับไว้ได้ ก่อนที่ ซานติ กาซอร์ล่า ของทีมเยือนจะโดนใบเหลืองแรกจากการไปเตะ เปโดร

          ท้ายครึ่งแรก เกมเดือดเมื่อ คอสต้า มีเรื่องกับ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ก่อน กาเบรียล เปาลิสต้า จะปรี่เข้ามาเอาเรื่อง ผู้ตัดสิน ดีน จึงแจกใบเหลืองให้ คอสต้า กับ เปาลิสต้า แต่ทั้งคู่ไม่ยอมจบเมื่อพูดต่อปากต่อคำกันตลอด และ เปาลิสต้า เป็นคนหลุดก่อนเมื่อดีดขาใส่ คอสต้า ที่พยายามฟ้อง สิงห์เชิ๊ตดำเลยควักใบแดงไล่กองหลัง อาร์เซน่อล ทันที ทำให้ทีมเยือนเหลือ 10 คน ขณะที่ 45 นาทีแรกปิดฉากด้วยสกอร์ 0-0

               กลับมาเล่นครึ่งหลัง เวนเกอร์ ขยับแก้เกมด้วยการส่งกองหลัง คาลั่ม แชมเบอร์ส แทน ฟรานซิส กเกอแลง  จากนั้น บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กัปตันทีม เชลซี โดนใบเหลืองไปอีกคนจากการไปอัด อเล็กซิส ซานเชซ ล้มหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่ อเล็กซิส จะลุกขึ้นมาสังหารแฉลบกำแพงออกไป

         เข้าสู่นาทีที่ 53 เชลซี ที่เหลือกำลังพลมากกว่าก็ทะยานนำ 1-0 จากจังหวะฟรีคิกนอกกรอบ ฟาเบรกาส ตักไปเสาสองอย่างแม่นยำให้ ควร์ท ซูม่า โหม่งกดลงพื้นเสียบเสาแรก นับเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีกด้วย

         สิงโตน้ำเงินคราม เร่งเครื่องจะเอาเพิ่ม นาทีที่ 64 อาซาร์ กระชากขึ้นทางขวาก่อนตะบันเต็มเท้า แต่ เช็ก ล้มตัวเซฟไว้ได้ ก่อนที่ มูรินโญ่ จะขยับส่ง รามิเรส แทน ออสก้าร์

         เหลืออีกราว 15 นาที เวนเกอร์ เกหมดหน้าตักด้วยการส่ง ชิรูด์ กับ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แทน โอซิล กับ ซานเชส แต่ต้องช็อกเมื่อเหลือ 9 คนจากการที่ กาซอร์ล่า โดนเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงจากการไปเสียบ ฟาเบรกาส ในนาทีที่ 79

         เข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย มูรินโญ่ ถอด คอสต้า ที่ชักคุมอารมณ์ไม่อยู่ออก หวั่นโดนเหลืองเพิ่ม โดยส่ง โลอิก เรมี่ แทน ก่อนที่ เชลซี จะมาได้ประตูย้ำชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากจังหวะชุลมุน บอลมาเข้าทาง อาซาร์ ปั่นแฉลบตัว แชมเบอร์ส เข้าประตูไป จบเกม สิงโตน้ำเงินคราม คว้าชัย 2-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

 เชลซี : ซี : อัสมีร์ เบโกวิช - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, ควร์ท ซูม่า, เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า - เชส ฟาเบรกาส (จอห์น โอบี มิเกล น.90), เนมานย่า มาติช - เปโดร โรดริเกซ, ออสก้าร์ (รามิเรส น.68), เอแด็น อาซาร์ - ดีเอโก้ คอสต้า (โลอิก เรมี่ น.81)

 สำรองไม่ได้ใช้ : ราดาเมล ฟัลเกา, จอห์น เทอร์รี่, จามาล แบล็คแมน, รูเบน ลอฟตัส-ชีค

 ใบเหลือง : อิวาโนวิช, ออสก้าร์, คอสต้า

 อาร์เซน่อล : ปี เตอร์ เช็ก - เอ็คตอร์ เบเยริน, กาเบรียล เปาลิสต้า, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, นาโช่ มอนเรอัล - ฟรานซิส โกเกอแล็ง (คาลั่ม แชมเบอร์ส น.45) - อารอน แรมซี่ย์, อเล็กซิส ซานเชซ (อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.74), ซานติ กาซอร์ล่า, เมซุต โอซิล (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.74) - ธีโอ วัลค็อตต์

 สำรองไม่ได้ใช้ : มาติเยอ เดบูชี่, คีแรน กิ๊บบ์ส, มิเกล อาร์เตต้า, ดาวิด ออสปิน่า

 ใบเหลือง : เปาลิสต้า, กาซอร์ล่า, แชมเบอร์ส

 ใบแดง : เปาลิสต้า, กาซอร์ล่า

  ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน