การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม อี 
วันอังคารที่ 29 กันยายน 2558
บาร์เซโลน่า (สเปน) 2-1 เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมัน)

สนาม: เอสตาดิโอ คัมป์ นู

          "อาซูลกราน่า" บาร์เซโลน่า บุกไปเสมอกับ โรม่า ทีมดังของอิตาลี มา 1-1 ในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้มีแค่คะแนนเดียวรั้งอันดับสองของกลุ่ม อี.
 

          เกมนี้ บาร์ซ่า ต้องขาด ราฟินญ่า อัลกานตาร่า ที่เจ็บเอ็นหัวเข่า ต้องพักยาวร่วมครึ่งปี รวมไปถึง โธมัส แฟร์มาเล่น ปราการหลังชาวเบลเยี่ยมที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และ เคลาดิโอ บราโว่ ผู้รักษาประตูชาวชิลี ที่เจ็บน่อง
 

          ล่าสุดนั้น ลีโอเนล เมสซี่ สตาร์ตัวเก่งทีมชาติอาร์เจนติน่าวัย 28 ปี บาดเจ็บเส้นเอ็นข้างข้อเข่าซ้ายฉีกขาดในระหว่างเกมที่ บาร์เซโลน่า ต้นสังกัดของเขาเปิดรังเอาชนะ ลาส ปัลมาส 2-1 ในศึกลา ลีกา ซึ่งผลการตรวจยืนยันว่าคงต้องพักประมาณ 7-8 สัปดาห์ เลยทีเดียว
 

          ในแดนกลางเรียก อีวาน ราคิติช คืนตัวจริงผนึกกำลังร่วมกับ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ อันเดรส อีเนียสต้า (กัปตันทีม) สามประสานแดนหน้าส่ง ซานโดร รามีเรซ, หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์ ลงล่าตาข่าย
 

          ทางด้าน "ห้างยา" ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทีมชั้นนำของเมืองเบียร์ เปิดบ้านต้อน บาเต้ แชมป์เบลารุส พรีเมียร์ ลีก ซีซั่นก่อน ไปหายห่วง 4-1 ทำให้ขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม อี.
 

          เกมนี้ เลเวอร์คูเซ่น ต้องขาด โอเมอร์ โทปรัค, ชาร์ลส์ อารานกีซ และ ทิน เยดไวจ์ ที่มีอาการบาดเจ็บ โดยแผงมิดฟิลด์นั้นใช้งาน ฮาคาน ซัลฮาโนกลู ตัวรุกคนเก่งวัย 21 ปี ที่ทำคนเดียวสองประตูนัดขยี้ บาเต้ ลงทำเกมให้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ "ชิชารีโต้" กองหน้าทีมชาติเม็กซิโก เข้าขยี้ตาข่าย
 

          เปิดเกมครึ่งแรกมาได้แค่ 6 นาที บาร์ซ่า ได้โอกาสจากจังหวะที่ เนย์มาร์ โยนให้กับ อีวาน ราคิติช โหม่งในกรอบเขตโทษติดเซฟ แบร์นด์ เลโน่ นายทวารของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
 

          สี่นาทีต่อมา เจ้าบุญทุ่ม ได้ลุ้นต่อเนื่อง เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ไหลให้กับ ซานโดร รามีเรซ สับไกยิงด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษไม่ผ่านมือของ แบร์นด์ เลโน่
 

          เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 22 กลายเป็น ห้างยา มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะที่ ฮาคาน ซัลฮาโนกลู เปิดลูกเตะมุมจากทางด้านซ้ายบอลโค้งมาเสาแรก คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส ปราการหลังที่ดันขึ้นมาสูงโหม่งเช็ดบางๆ เข้าเสาสองไปช่วยให้ เลเวอร์คูเซ่น นำก่อน 1-0
 

          ผ่านมา 36 นาที เลเวอร์คูเซ่น ได้โอกาสอีกครั้ง คาริม เบลลาราบี้ ยิงด้วยขวามุมแคบ แต่ไม่ผ่านมือของ มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น นายทวารบาร์ซ่า
 

          ก่อนหมดครึ่งแรกแค่สองนาที เลเวอร์คูเซ่น เกือบจะได้ประตูที่สอง คาริม เบลลาราบี้ ได้บอลทางฝั่งซ้ายของเขตโทษ แล้วยิงด้วยซ้ายจะให้เสยใต้คาน ทว่าไม่ผ่านมือ แทร์ ชเตเก้น หมดครึ่งแรก เลเวอร์คูเซ่น บุกมานำก่อน 1-0

          มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้เจ็ดนาที บาร์ซ่า ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ ซานโดร รามีเรซ ได้ส่องอบลไม่เข้ากรอบ
 

          หนึ่งชั่วโมงของเกมการแข่งขัน เจ้าบุญทุ่ม ให้ จอร์ดี้ อัลบา แบ็คซ้ายทีมชาติสเปน ที่หายเจ็บกลับมาลงเล่นแทน อันเดรส อิเนียสต้า กัปตันทีม
 

          แล้วสามนาทีต่อมา บาร์ซ่า เปลี่ยนอีกให้ มูนีร์ เอล อัดดาดี้ ลงเล่นแทน ซานโดร รามีเรซ ในแดนหน้า
 

          ท้ายเกมนาทีที่ 80 บาร์ซ่า ไล่มาเป็น 1-1 จนได้จากจังหวะที่ จอร์ดี้ อัลบา เปิดจากกราบซ้ายให้ มูนีร์ เอล อัดดาดี้ แปด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ แบร์นด์ เลโน่ นายทวารห้างยา ปัดออกมาเข้าทางของ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ซ้ำด้วยขวาจ่อๆเข้าไป
 

          ถัดมาสองนาที เจ้าถิ่นมาได้ประตูแซงนำจากจังหวะที่ มูนีร์ เอล อัดดาดี้ เลื้อยมาทางกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วจ่ายเข้าในให้กับ หลุยส์ ซัวเรซ ตวัดยิงด้วยขวาเสียบใต้คานเข้าไปให้ บาร์ซ่า นำ 2-1
 

          เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกม บาร์ซ่า เปิดรังชนะไป 2-1 เก็บสามแต้มสำคัญ
 
 
          รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
 
          บาร์เซโลน่า: มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น - ดาเนียล อัลเวส, เคราร์ด ปีเก้, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, เฌเรมี่ มาติเยอ - อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อีเนียสต้า (กัปตันทีม) - ซานโดร รามีเรซ, หลุยส์ ซัวเรซ, เนย์มาร์
          สำรอง: จอร์ดี้ มาซิป (ผู้รักษาประตู) - ดั๊กลาส, มาร์ก บาร์ตร้า, มูนีร์ เอล อัดดาดี้, จอร์ดี้ อัลบา, เซร์จี้ โรเบร์โต้, เคราร์ด กัมเบา
 
          เลเวอร์คูเซ่น: แบร์นด์ เลโน่ - จูลิโอ โดนาติ, โยนาธาน ทาห์, คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส, เวนเดลล์ - คริสตอฟ เครเมอร์, ลาร์ส เบนเดอร์ (กัปตันทีม) - เควิน คัมเปิล, ฮาคาน ซัลฮาโนกลู, คาริม เบลลาราบี้ - ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ "ชิชารีโต้"
          สำรอง: ดาริโอ เครซิซ (ผู้รักษาประตู) - อันเดร รามัลโญ่, สเตฟาน คีสส์ลิ่ง, โรแบร์โต้ ฮิลแบร์ต, อั๊ดมีร์ เมห์เมดี้, เซบาสเตียน โบนิสค์, ยูเลี่ยน บรันด์ท
 
          ผู้ตัดสิน: มาร์ติน แอ็ตกินสัน (อังกฤษ)