ความพ่ายแพ้นัดแรกในการไปเตะที่ ไอน์ดโฮเฟ่น ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีทางเลือกไม่มากนักในเกมเปิดบ้านรับมือ โวล์ฟสบวร์ก

 อันที่จริง น่าจะมีทางเลือกเดียวด้วย นั่นคือการเก็บชัยชนะ หากหวังเข้ารอบ และอย่างน้อย เป็นการเพิ่มค่าสัมประสิทธิ์ให้กับ พรีเมียร์ลีก

 นับตั้งแต่เสมอ  บาเยิร์น มิวนิค 1-1 เมื่อเดือนเมษายน 2014 ห่างหายไปปีเศษๆ และไม่นับเกมรอบคัดเลือกเจอ คลับ บรูช   โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้ต้อนรับฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้ง

''โรงละครแห่งความฝัน'' วางตัวอยู่ฝั่งตะวันตก (แอบเฉียงเหนือ) ดังนั้น ถ้าคุณเดินตามถนน เซอร์ แม็ทท์ บัสบี้ เวย์ ในช่วงเย็นย่ำ แดดจะส่องแยงตา จนต้องยกมือขึ้นป้อง หรือไม่ก็ฉากมาอาศัยร่มเงาจากบ้านที่เรียงรายสองข้างทาง

        เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ช่วงเวลาซัมเมอร์ไทม์ เตะกัน 19.45 น. กว่ามุมแดดจะอับ ให้มองอะไรๆ ทั่วถึงโดยไม่ต้องกลัวแสงแยงตา คุณก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่ท่ามกลางแฟนบอลมหาศาล ลานตรงหน้าเมกะสโตร์อันลือชื่อของ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เรียบร้อยแล้ว

        สาวกทีมหมาป่าจากเมืองเบียร์ ยกพลกันมาไม่น้อย เห็นสวมเสื้อเขียว ผูกผ้าพันคอเขียว จับกลุ่มคุยภาษาเยอรมันกันเบาๆ (มาเยือน ซ่ามากไม่ได้)

        ส่วนแฟนปีศาจแดงน่ะ ไม่ต้องห่วง บุกตะลุยกันมาจากทั่วสารทิศ ตั้งความหวังอยากเห็นชัยชนะของทีม เก็บ 3 คะแนนสำคัญ เพิ่มโอกาสการเข้ารอบต่อไป

        ทุกคนเข้านั่งประจำที่ ฟังเสียงเพลง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แอนเธม เปิดกระหึ่ม ขนลุก กระสับกระส่าย ตื่นเต้น รอเพียงเสียงนกหวีดดัง

        ปรี๊ด... 4 นาทีเท่านั้นตาข่ายไหวยวบ แฟนผีเงียบกริบทั้งสนาม

        โฟล์คสวาเก้น ผู้อุปถัมภ์ โวล์ฟสบวร์ก เจอปัญหาในองค์กร ตั้งใจลดการสนับสนุนทางการเงินให้สโมสร แต่ทีมที่ ดีเทอร์ เฮคคิงก์ มีอยู่ ไม่ได้รับผลกระทบ

        นับตั้งแต่มารับงานที่ โฟล์คสวาเก้น อารีน่า เทรนเนอร์รายนี้ที่เคยมีชื่อเสียงด้าน ''การยืมตัว'' ดางรุ่งจากสโมสรใหญ่ๆ มาเล่นจน เนิร์นแบร์ก เอาตัวรอดในบุนเดสลีกาแบบลอยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเดิมอีกต่อไป

        เงินจาก โฟล์คสวาเก้น ที่ผ่านๆ มา ทำให้ เฮคคิงก์ ปั้นทีมที่ต้องการได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหาก แมนฯ ยูไนเต็ด จะโดนสอยตาข่าย

        เมื่อ 4 ปีก่อน ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ เคยมาเยือนโรงละครหนนึงแล้ว ในฐานะดาวรุ่งวัยยังไม่เต็ม 18 ของชาลเก้ และโดน ราลฟ์ รังนิค ส่งลงตัวจริงอีกต่างหาก

        เวลาผันผ่าน จากดาวรุ่งน่าจับตามอง กลายเป็นกำลังหลักของทีม และถูก โวล์ฟสบวร์ก ซื้อเข้ามาแทนที่ เควิน เดอ บรอยน์

        นี่คือนักเตะที่ หลุยส์ ฟาน กาล เตือนว่าอย่าประมาท แต่แฟนบอลอังกฤษรู้จักแต่ อันเดร เชือร์เล่ ที่เป็นเพียงสำรองด้วยซ้ำ

        ดรักซ์เลอร์ ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมในแนวรุกที่จัดจ้านทุกตัว มักซ์ ครูเซ่, ดาเนียล คาลิจิวรี่ และ บาส ดอสท์

        ส่วนแดนกลาง โชซูอา กีลาโวกี กับ มักซิมิเลี่ยน อาร์โนลด์ ก็เป็นสายพลังม้า วิ่งไม่มีหมด แบ็กสองข้างฟิตและเติมเกมดี ทั้ง ริคาร์โด้ โรดริเกซ เพื่อน ชาริล ชัปปุยส์ กับ คริสเตียน เทรช ที่นักพากย์บางคนชอบอ่าน แทรชบ้าง ทราชบ้าง

        เซนเตอร์สไตล์แซมบ้า นัลโด้ กับ ดานเต้ ส่วนที่เฝ้าเสา ดีเอโก้ เบนาโญ่  มือ 1 ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์

        (ข้างสนามยังมีท่านลอร์ด เบนท์เนอร์ ที่เมตตาปวงปีศาจ เลยลงมาแค่ในช่วง 20 นาทีสุดท้ายเท่านั้น)

        ประตูแรก มาจากการประสานงานกันของ คาลิจิวรี่, ดรักซ์เลอร์ และ ครูเซ่ ก่อนมาจบที่ คาลิจิวรี่ อีกครั้ง

        นี่แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนของแนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี อันโตนิโอ วาเลนเซีย ไม่ใช่แบ็กธรรมชาติ ฤดูกาลที่แล้วทำผลงานไม่เลว แต่นี่เป็นเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก

        สัญชาตญาณของ วาเลนเซีย ไม่ใช่กองหลัง หลุดสมาธิเช็กไลน์ล้ำหน้าพลาดก็โดนลงโทษทันที

        การขาด ลุค ชอว์ ยุ่งยากกว่าที่คิด  ยิ่งเมื่อ มาร์กอส โรโฮ ยังไม่ฟิตแบบนี้ด้วย

        ทดลองสูตรแบ็กซ้ายจนมาค้นพบว่า มัตเตโอ ดาร์เมียน ดีที่สุด แต่นั่นเท่ากับทางขวาก็จะแหว่งอีก

        การได้ ฟิล โจนส์ กลับมาอย่างน้อยเป็นการเพิ่มทางเลือก จะส่งลงขวาก็ได้ ดาร์เมียน ทางซ้ายต่อไป

        แต่การส่งยืนเซนเตอร์กับ สมอลลิ่ง แล้วถ่าง บลินด์ ออกซ้าย ไม่น่าใช่ เพราะ โจนส์ ตอบโจทย์ปรัชญาของ ฟาน กาล ไม่ได้อย่างที่ บลินด์ ทำ

        ต้องรอพักใหญ่กว่าที่ทีมของ ฟาน กาล จะตั้งเกมติด วันนี้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กับ มอร์กาน ชไนเดอร์ลิน เหนื่อยหน่อยเพราะ โวล์ฟสบวร์ก รอสวนได้หวาดเสียวหลายครั้ง

        เกมรุกเริ่มจับจังหวะได้ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ถูกประกบติด ถ้าบอลถึงตีนไม่มีได้โอกาสตัว-ตัว ต้องเจอสองด่านตลอด แต่หอกดาวรุ่งยังแสดงให้เห็นว่าเอาอยู่ เท้าไว แข็งแรง มีสปีด น่าจะมี 1 แอสซิสต์เมื่อเปิดให้ รูนี่ย์ ยิงข้ามคาน

        ส่วน เมมฟิส เดอปาย เกมยุโรปดูเหมือนจะเล่นง่ายกว่าในพรีเมียร์ ดูทรงอันตรายมากขึ้น แต่จังหวะทีเด็ดทีขาด จังหวะตัดสินใจยังไม่ดีเหมือนเดิม

        ที่แย่งชิงตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ กันเห็นจะเป็น ฆวน มาต้า กับ คริส สมอลลิ่ง

        รายแรกช่วงนี้กำลังร้อนแรงเหลือเกิน ไม่ยิงก็จ่าย ไม่จ่ายก็ยิงทุกนัด เกมนี้ชงเองกินเองในจังหวะจุดโทษตีเสมอ แล้วมาโชว์เหนือดีดบอลแอสซิสต์ให้สมอลลิ่งยิงประตู Shit goal อย่างที่ เฮคคิงก์ ว่าไว้อีกด้วย

        ส่วนรายหลัง สถาปนาตัวเองเป็นนายใหญ่ในแนวรับของทีม ถึงขนาดได้รับความไว้วางใจเป็นรองกัปตันสวมปลอกแขนมาแล้ว

        นี่แหละที่เขาว่า เชื่อคำผู้ใหญ่ไว้แล้วจะดี ฟาน กาล เปลี่ยนชื่อให้ เอาอักษรกาลกิณีออก จาก Chris เป็น Mike ได้เรื่อง

        สมอลลิ่ง กลายเป็นฮีโร่ ทำประตูช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า 3 คะแนนในเกมนี้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี แฟนบอลทยอยกลับบ้านอย่างมีความสุข

        แต่ฟอร์มการเล่น หลังได้ประตูนำไปแล้วดูแผ่วลงไป ส่วนหนึ่งก็คงเป็นอย่างที่ มาต้า บอกว่านักเตะมีอาการเหนื่อยล้า

        นี่ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ แต่ควรเป็นเรื่องที่ต้องหยิบยกมาพูดคุยกันเพื่อหาทางรับมือแก้ไขกันอย่างจริงจัง

        ที่ผ่านมา นักเตะเหล่านี้โดนส่งลงเล่นแทบจะทุกนาที นั่นคือ มัตเตโอ ดาร์เมียน, คริส สมอลลิ่ง, ดาเล่ย์ บลินด์, ฆวน มาต้า หรือ เมมฟิส เดอปาย และ เวย์น รูนี่ย์ ที่ยังฟอร์มไม่ดีก็เถอะ

        กระทั่ง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ที่ไม่ได้ลงทุกนัด แต่เกมหนักติดกันไม่มีช่วงเว้นแบบนี้ก็แข้งขาอ่อนได้ง่ายๆ

        เกมลีกสุดสัปดาห์ ต่อด้วยฟุตบอลถ้วย สลับฉากกับฟุตบอลยุโรปตอนกลางสัปดาห์ ใครที่ลงเล่นติดๆ กันได้ทุกนัดแล้วไม่เหนื่อยคงต้องเรียกซูเปอร์แมน

        ฟาน กาล จินตนาการแผนการเล่น และพบว่านักเตะ 5-6 คนที่เอ่ยชื่อไปเป็นตัวที่จะขาดเสียไม่ได้

        ผลงานตอนนี้ออกมาดีก็จริง แต่ไม่มีทางที่ตลอด 50-60 นัดทั้งฤดูกาล เขาจะส่งลงเล่นได้ตลอดไป

        ต่อให้ผ่านสุดสัปดาห์นี้จะเบรกทีมชาติ 2 อาทิตย์ แต่นี่ก็พวกแข้งหลักของประเทศตัวเองทั้งนั้น จะได้พักจริงหรือ ?

        บทสรุปจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังเอาชนะ โวล์ฟสบวร์ก พบว่า

        แมนฯ ยูไนเต็ด ลดความกดดัน เพิ่มโอกาสเข้ารอบให้กับตัวเองกับ 3 แต้มนัดนี้ ผลอีกคู่ถือว่าเข้าทาง เพราะ ซีเอสเคเอ ชนะ พีเอสวี ทำให้ทุกทีมมีคะแนนเท่ากันหมด

        แนวรับที่ขาด ลุค ชอว์ ยังไม่เสถียร และยังหาคำตอบที่ดีที่สุดไม่เจอ

        สุดท้าย การส่งนักเตะลงเล่นติดๆ กันโดยไม่ได้พักเริ่มแสดงอาการให้เห็น ถือเป็นเรื่องน่ากังวลไม่น้อยเลย