กัปตันทีมเวียดนาม ยอมรับว่าช้างศึกเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนในเวลานี้ พร้อมปลุกเร้าลูกทีมว่าอย่ากลัว เพราะที่ผ่านมาพวกเขามักจะกังวลและกดดันตัวเองเสมอ

เล คอง วินห์ กัปตันทีมชาติเวียดนาม ยอมรับว่า ณ ตอนนี้ ทีมชาติไทยคือเบอร์ 1 ของภูมิภาคอาเซียน พร้อมกระตุ้นลูกทีมว่าอย่าไปกลัวเหมือนกับที่ผ่านๆมา

ทัพดาวทองมีโปรแกรมต้องเผชิญหน้ากับช้างศึก ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกนัดที่ 4 ที่ มี ดินห์ สเตเดี้ยม วันที่ 13 ตุลาคมนี้ โดยสถานการณ์ปัจจุบัน ไทยมี 7 คะแนนเป็นจ่าฝูง ส่วนเวียดนามมี 4 คะแนนรั้งอยู่ในอันดับ 3

“ผมเสียใจมากนะที่เราทำได้แค่เสมอกับอิรัก และมันไม่ใช่แค่ผม แต่มันคือทุกคนในทีมและแฟนบอลทั่วประเทศ เราเกือบจะชนะอยู่แล้วแต่เราก็พลาดไปเพราะการเสียจุดโทษจากแฮนด์บอลในช่วง ท้ายเกมที่ไม่ชัดเจน” คอง วินห์ กล่าวเริ่มเกี่ยวกับเกมล่าสุด

“ผมคิดว่าผมเองก็มีส่วนผิด เพราะหากผมยิงให้ทีมนำ 2-0 ได้ สกอร์คงไม่ออกมาแบบนี้ เพราะตอนจังหวะหลุดเดี่ยว ผมทรงตัวได้ไม่ดีเลย สำหรับผม มิอุระเป็นโค้ชที่ฉลาด และผมมีความสุขที่ได้ร่วมงานกับเขา แต่ผมไม่ต้องการให้ใครมาชม ผมต้องการทำให้ทีมเก็บชัยชนะ”

หัวหอกจาก บีคาเมกซ์ บิน เยือง กล่าวถึงเกมกับทีมชาติไทย “เรา ต้องลืมความพ่ายแพ้ในเกมกับอิรักให้เร็วที่สุด เพื่อให้พร้อมที่สุดก่อนเจอไทย ก่อนเกมกับอิรัก โค้ชก็บอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าให้ผลสกอร์เกมกับอิรักส่งผลต่อเกมต่อ ไป”

“สำหรับผมไทยเป็นเบอร์หนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ณ ตอนนี้ พวกเขามีดาวรุ่งที่เก่ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเวียดนามจะชนะไม่ได้ โดยเฉพาะการเล่นที่มี ดินห์ ในเลกแรกที่ราชมังฯ ผมคิดว่าเราเล่นได้ไม่แย่นะ แต่เราแค่พลาดช่วงสิบนาทีสุดท้าย”

“ผมรู้ว่าแฟนบอลเวียดนามคาดหวังให้พวกเราบุกใส่ แต่ตอนนี้ ชัยชนะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเราต้องเล่นในสไตล์ที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งเวียดนามมักจะทำได้ดีในการรับและโต้กลับ อย่างเกมกับอิรัก ถ้าหากเราป้องกันได้ดี และเล่นได้ตามแท็คติคของมิอุระ ผมมั่นใจว่าเราจะสามารถชนะทีมชาติไทยในวันที่ 13 นี้ได้”

“ตั้งแต่เป็นนักฟุตบอลมาผมเจอทีมชาติไทยมาแล้วหลายครั้ง และก็มีความทรงจำดีๆมากมาย อย่างเช่นนัดชิงเอเอฟเอฟ เมื่อปี 2019 ที่เราชนะที่มี ดินห์”

“นักเตะเวียดนามส่วนใหญ่เวลาเจอกับทีมชาติไทย พวกเขามักคิดมากจนกลายเป็นกดดันตัวเอง ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขาเลยนะ เราแค่เป็นตัวของตัวเอง และเกมนี้เราจะได้เล่นในบ้าน ผมหวังว่าแฟนบอลจะช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับเรา” คอง วินห์ กล่าวปิดท้าย