รองแชมป์เก่าที่ต้องเล่น 10 คนร่วมครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม เอาตัวรอดเก็บ 1 แต้มออกจากเมืองเบียร์ได้แบบหืดจับ ต่อลมหายใจในการลุ้นเข้ารอบน็อคเอาต์ต่อไป

อันเดร ชูแบร์ต กุนซือเจ้าบ้าน ยึด 11 คนแรกชุดเดิมจากเกมก่อนในลีกที่บุกชนะฮัมบูร์ก 4-1 เมื่อวันเสาร์ลงเล่นทั้งหมด นำโดย รัฟฟาเอล ดาวยิงชาวบราซิลที่จะยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าคอยประสานงานทำเกมรุกร่วมกับ ลาร์ส สตินเดิ้ล, อิบราฮิมา ตราโอเร และ ฟาเบียน จอห์นสัน

ด้านทีมเยือนของ มัสซิมิเลียโน อัลเลเกรี ปรับทัพจากนัดล่าสุดในลีกที่เปิดบ้านชนะทีมร่วมเมืองตูรินอย่างโตริโน 2-1 เมื่อคืนวันเสาร์ทั้งสิ้น 3 ราย ได้แก่ สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์, จอร์โต้ คิเอลลินี และ สเตฟาโน สตูราโร ที่ได้ลงตัวจริงแทน อันเดรีย บาร์ซาญี, ซิโมเน ปาโดอิน และ ซามี เคดิรา

เปิดฉากเกมมาเป็นกลัดบัคที่ได้ประตูขึ้นนำ ในนาทีที่ 18 จากความผิดพลาดของ คิเอลลินี ที่สะกัดบอลไม่ดีมาเข้าทาง รัฟฟาเอล เก็บตกได้ก่อนจะไหลให้ จอห์นสัน อัดด้วยขวาเข้าไปตุงตาข่าย ส่งให้ทัพสิงห์หนุ่มออกนำ 1-0

แต่แล้วในช่วงก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียว ยูเวนตุสก็มาตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะที่ ปอล ป็อกบา โชว์เทคนิคงัดบอลจากหน้ากรอบเขตโทษถวายพานให้ ลิชต์สไตเนอร์ วอลเลย์ตามน้ำด้วยขวาแบบไม่จับส่งบอลเช็ดโคนเสาเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้จบ 45 นาทีแรกด้วยผลเสมอ 1-1

เข้าสู่ครึ่งหลังม้าลายที่วันนี้มาในคราบชุดเยือนสีชมพูกลับต้องเสีย เปรียบเหลือตัวผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ เอร์นาเนส ไปสไลด์เปิดปุ่มใส่ อัลบาโร โดมิงเกวซ จนถูกผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามไปทันที ในนาทีที่ 53

ช่วงเวลาที่เหลือเป็นกลัดบัคที่ได้เปรียบตัวผู้เล่น ครองบอลบุกเข้าใส่ได้มากกว่า แต่ก็ไม่สามารถพังประตูเพื่อเก็บชัยชนะได้ ทำให้สุดท้ายจบเกมด้วยผลเสมอ 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม โดยยูเวนตุสรั้งรองจ่าฝูงของกลุ่มดีมี 8 คะแนน ส่วนโบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัคอยู่อันดับสุดท้าย มีแค่ 2 แต้มเท่านั้น